ลงโฆษณาฟรี ลงประกาศฟรี ขายของมือสอง ร้านค้าออนไลน์ ecommerce หางาน สมัครงาน PantipMarket.com


ดูข่าวทั้งหมด
ค้นหาแบบละเอียด

หมายเลขประกาศ21919744

สมาธิสั้น vs. บกพร่องทางการเรียนรู้ แยกให้ชัด! ความแตกต่างที่มักถูกเข้าใจผิด

สมาธิสั้น vs. บกพร่องทางการเรียนรู้
แยกให้ชัด! ความแตกต่างที่มักถูกเข้าใจผิด
แยกให้ชัดระหว่าง “สมาธิสั้น (ADHD)” และ “บกพร่องทางการเรียนรู้ (SLD)”
เข้าใจสาเหตุ อาการ และแนวทางช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้ลูกถูกเข้าใจผิดและได้รับการดูแลที่เหมาะสม

บทนำ
ในเด็กวัยเรียน “สมาธิสั้น (ADHD)” และ “บกพร่องทางการเรียนรู้ (SLD)”
มักเป็นคำที่ผู้ปกครองได้ยินบ่อย และบางครั้งอาจดูคล้ายกัน
— เช่น ลูกไม่ตั้งใจเรียน วอกแวกง่าย หรือทำการบ้านไม่เสร็จสักที

แต่แท้จริงแล้ว ทั้งสองภาวะนี้ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งในสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางการช่วยเหลือ
การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้ จะช่วยให้พ่อแม่สามารถสังเกตลูกได้อย่างถูกต้องและช่วยได้ตรงจุด ❤️

1. สมาธิสั้น (ADHD - Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder)
ลักษณะสำคัญ
สมาธิสั้นคือ ภาวะที่เด็กมีปัญหาในการจดจ่อ ควบคุมตนเอง และยับยั้งพฤติกรรม
ไม่ได้เกิดจากความฉลาดน้อย แต่เกิดจาก การทำงานของสมองส่วนควบคุมสมาธิ
และแรงกระตุ้นที่ยังไม่สมดุล

อาการหลักของสมาธิสั้น
แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่

1 แบบไม่ตั้งใจ (Inattentive Type)

วอกแวกง่าย

ลืมของบ่อย

ทำงานไม่เสร็จ ฟังไม่จบ

ขาดความเป็นระเบียบ

1 แบบซนและหุนหันพลันแล่น (Hyperactive–Impulsive Type)

อยู่ไม่นิ่ง พูดมาก

ขัดจังหวะผู้อื่น

ควบคุมแรงหรืออารมณ์ได้ยาก

3 แบบผสม (Combined Type)

มีอาการทั้งสองแบบร่วมกัน

เด็กสมาธิสั้นมักไม่มีปัญหาทางสติปัญญา แต่ “ไม่มีสมาธิพอที่จะเรียนรู้ได้เต็มที่”
อาการจะเห็นได้ชัดในทุกสภาพแวดล้อม ทั้งที่บ้าน โรงเรียน และเวลาทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น

2. บกพร่องทางการเรียนรู้
(Specific Learning Disorder - SLD)
ลักษณะสำคัญ
เป็นภาวะที่ส่งผลต่อ “ทักษะทางวิชาการโดยตรง” แม้เด็กจะมีสติปัญญาปกติหรือสูงก็ตาม
เด็กจะมีปัญหาในการเรียนรู้เฉพาะด้าน เช่น การอ่าน การเขียน หรือคณิตศาสตร์

ประเภทของความบกพร่องทางการเรียนรู้
ดิสเล็กเซีย (Dyslexia): อ่านช้า อ่านผิด หรืออ่านไม่เข้าใจ

ดิสกราเฟีย (Dysgraphia): เขียนตัวอักษรผิด เขียนช้า ตัวหนังสือบิดเบี้ยว

ดิสคัลคูเลีย (Dyscalculia): เข้าใจตัวเลขยาก คิดเลขไม่ได้

เด็กกลุ่มนี้มัก “มีสมาธิปกติ” ในกิจกรรมทั่วไป แต่จะมีปัญหาเฉพาะเวลาต้องเรียนในสิ่งที่ตนเองบกพร่อง
จึงมักถูกเข้าใจผิดว่า “ไม่ตั้งใจเรียน” ทั้งที่จริงแล้ว “เรียนไม่เข้าใจ”

ตารางเปรียบเทียบระหว่างสมาธิสั้น (ADHD)
และบกพร่องทางการเรียนรู้ (SLD)
ลักษณะ ADHD (สมาธิสั้น) SLD (บกพร่องทางการเรียนรู้)
ปัญหาหลัก สมาธิสั้น ควบคุมตนเองยาก ปัญหาการอ่าน เขียน หรือคำนวณ
ผลต่อการเรียน ฟังไม่จบ ทำงานไม่เสร็จ เข้าใจบทเรียนยากเฉพาะบางวิชา
ระดับสติปัญญา ปกติ ปกติหรือสูง
อาการเด่นชัดเมื่อ ทำกิจกรรมทั่วไป เรียนวิชาที่ตนเองบกพร่อง
พฤติกรรมอื่น ๆ กระวนกระวาย วอกแวกง่าย ปกติในชีวิตประจำวัน
แนวทางช่วยเหลือ ฝึกสมาธิ ฝึกควบคุมตนเอง อาจใช้ยาช่ว ปรับวิธีสอนเฉพาะด้าน ฝึกทักษะการเรียนรู้

3. ความสัมพันธ์ระหว่างสมาธิสั้นและบกพร่องทางการเรียนรู้
บางครั้ง เด็กหนึ่งคนอาจมี ทั้งสองภาวะร่วมกันได้ เช่น

เด็กสมาธิสั้นอาจเรียนไม่ทันเพราะจดจ่อไม่ได้

เด็ก SLD อาจดูเหมือนสมาธิสั้น เพราะพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำไม่ได้

ตัวอย่างพฤติกรรมที่พ่อแม่มักเข้าใจผิด
พฤติกรรม อาจเป็น สมาธิสั้น (ADHD) อาจเป็น บกพร่องทางการเรียนรู้ (SLD)
ไม่ทำการบ้าน ไม่มีสมาธิ ทำไม่จบ อ่านคำสั่งไม่ออก
ไม่ฟังครูสอน วอกแวก ไม่จดจ่อ ฟังแล้วจับใจความไม่ได้
ไม่ชอบอ่านหนังสือ เบื่อหรือใจลอย อ่านไม่คล่องหรือไม่เข้าใจเนื้อหา

บทสรุป
สมาธิสั้น (ADHD)
ภาวะที่ส่งผลต่อ “การจดจ่อและควบคุมพฤติกรรม”

บกพร่องทางการเรียนรู้ (SLD)
ภาวะที่ส่งผลต่อ “การเรียนเฉพาะด้าน” เช่น อ่าน เขียน หรือคำนวณ

เด็กที่มีสมาธิสั้นอาจมี SLD ร่วมด้วย และในทางกลับกัน เด็กที่มี SLD อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสมาธิสั้น
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การได้รับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก เช่น
นักจิตวิทยา หรือครูเฉพาะทาง เพื่อให้เด็กได้รับการช่วยเหลืออย่างเหมาะสมตั้งแต่ต้น

แหล่งอ้างอิง
American Psychiatric Association (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (DSM-5)

Centers for Disease Control and Prevention (CDC)

National Institute of Mental Health (NIMH)

ประกาศอื่นของผู้ขาย

รูปภาพรายละเอียดราคา