พระซุ้มกอ กรุนี้พระพาหุ (แขนท่อนบน) ด้านขวายาวกว่าด้านซ้าย พระกร (แขนท่อนล่าง) ด้านซ้ายยาวกว่าด้านขวา ด้านหลังมีรอยกาบหมาก ผิวและเนื้อด้านหลังผุกร่อนน้อยกว่าด้านหน้า พระสมเด็จ รูปที่ ๗ - ๘ แสดงผิวเดิมที่เหลืออยู่ เรียบกว่าส่วนที่ผุเปื่อยมากจนเห็นเนื้อใน รูปที่ ๙ รอยหนอนด้น เป็นรูเดี่ยวเรียงกันไป (พระบางขุนพรหมพิมพ์ใหญ่แม่พิมพ์เดียวกัน - ในหนังสือเบญจภาคี เล่มใหญ่ปกแข็งหน้า ๒๗๑ เล่มเล็กปกอ่อนหน้า ๔๕ ----- จากหนังสือพระสมเด็จฯ ของตรียัมปวาย - ผิวของบางขุนพรหม โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็น เนื้อประเภทหนึกแกร่ง หรือ หนึกนุ่ม "ผิวมักจะหนากว่าของวัดระฆังเสมอ" เป็นส่วนมาก ผิวเรียบจะมีความ"เกาะตัวแน่น"หนากว่า ผิวฟู และถ้าผิวมีความหนามากเพียงใด ก็ยิ่งจะมีความเกาะตัวแน่นอยู่กับเนื้อมากยิ่งขึ้นเพียงนั้น -- ผิวของบางขุนพรหม ส่วนมากเป็นผิวปูนที่ค่อนข้างหนาและมีความแกร่งสูงกว่าผิวของวัดระฆัง ฯ ประเภทเดียวกัน วรรณะขาวใสกว่าวรรณะของเนื้อ (หมายเหตุเพิ่มเติม - ถ้าไม่มีคราบกรุอยู่บนผิว) มีลักษณะในทำนองคนละส่วนกับเนื้อ) Pra kamphaeng sumkor pim yai. Pra somdej bangkhunprom wat mai-amataros pimyai (prasomdet). Pra nangphya wat nangphya pim sangkati. ( Tip - สำหรับผู้เริ่มศึกษาพระสมเด็จฯ - สำหรับคนทั่วไปสามารถศึกษาเรื่องพระสมเด็จฯได้จาก ๑.ข้อเขียนบทความในหนังสือต่างๆที่เป็นข้อมูลจริง ๒.การได้ดูและสังเกตพระแท้องค์จริง ๓.รูปภาพพระแท้ที่ถ่ายชัด แต่การศึกษาจากภาพที่เคลื่อนไหว (เช่นภาพยนตร์) ไม่นิ่ง พร่า มัว และศึกษาจากรูปที่วาดด้วยมือ ทั้งรูปภาพที่วาดหรือแต่งด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น เป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าใจและจำได้ ควรเลือกดูภาพที่มีความชัด นิ่ง และควรใช้กล้องที่มีคุณภาพดี เช่น กล้องที่มีเลนส์แก้ว ๓ ชิ้นซ้อนกันอยู่ (triplex) กล้องชนิดนี้จะมองเห็นส่วนที่เป็นเส้นตรงเป็นแนวตรงจริง เส้นไม่บิดโค้งเหมือนกล้องที่มีเลนส์ชิ้นเดียว การใช้กล้องที่มีคุณภาพดีทำให้ไม่ปวดตาถ้าดูนานๆ ----- ถ้าศึกษาจากภาพที่เคลื่อนไหวและรูปวาดต่างๆนั้นจะไม่มีความก้าวหน้าในการศึกษาพระสมเด็จ ฯ และเป็นผลให้ดูพระสมเด็จฯไม่เป็น เพราะขาดสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องมีในการดูพิมพ์ คือ ความจำที่ชัดเจนใน"ลักษณะ"ของแต่ละส่วนที่เป็นจริง รูปภาพที่ถ่ายชัดและมีขนาดใหญ่พอควร {ขนาดประมาณหน้าหนังสือเบญจภาคี เล่มปกแข็งและปกอ่อน} เพียงรูปเดียวก็สามารถใช้ศึกษาได้สำหรับหนึ่งแม่พิมพ์ --- ****ลักษณะของแต่ละส่วนมี ๒ อย่าง คือ ๑.เป็น "ลักษณะเฉพาะ" ของแม่พิมพ์นั้น ๒.เป็น "ลักษณะร่วม" คือคล้ายกันกับของแม่พิมพ์อื่น**** )