ขายเหล็กแผ่นดำ,แผ่นเหล็กแข็ง S50C,S45C,จำหน่ายแผ่นเหล็กดำ,เหล็กม้วนดำ,
เหล็กแผ่นดำ SS400, เหล็กม้วนดำ, เหล็กแผ่นลาย,เหล็กแผ่นลายกันลื่น, เหล็กราง, เหล็กฉาก, เหล็กแบน, เหล็กตัว C, เหล็ก H-บีม, ไวด์แฟรงค์, ไอบีม, ท่อดำ, ท่อสี่เหลี่ยม, ท่อแบน, เหล็กเส้น, ข้ออ้อย, เพลาขาว,เหล็กตัดแก๊ส,เหล็กตัดตามแบบ,เหล็กตัดตามขนาด,เหล็กตัดแบ่งขาย,ตัดเหล็ก,ขายเหล็กตัดแก๊ส,เหล็ก SKD11,SKD61,SNCM439
เหล็กเพลาขาว,เหล็กเพลาหัวแดง,เหล็กแผ่นดำ SS400,เหล็ก SS400,เหล็กแผ่นขาว,เหล็กเพลาเจียร,
จำหน่าย,ขาย,เหล็กเพลาขาว,เหล็กเพลาหัวแดง,เหล็กแผ่นดำ SS400,เหล็ก SS400,เหล็กแผ่นขาว,
เหล็กเพลาหัวสีฟ้า SCM440
เหล็กแผ่นลาย,เหล็กแผ่นลายตีนไก่,เหล็กแผ่นลายตีนเป็ด,เหล็กรางน้ำ,เหล็กฉาก, เหล็กแบน, เหล็กตัว C,เหล็ก H-บีม,ไวด์แฟรงค์,ไอบีม, เหล็กหัวแดง,เหล็กหัวฟ้า,ท่อดำ,ขายท่อดำ,ท่อสตรีมดำ,
จำหน่าย เพลา แผ่น สแตนเลส 420, 420J2, 431 ,304, 316L, 440C, 2205, 431, 630 ,17-4 PH ,416 ,420
สแตนเลส SUS 431 304 316L 440C 2205 431 630 17-4 PH 416 420่j2
จำหน่ายอลูมิเนียมเกรด 5083,6061,7075,5052,6063,1100,
คุณสมบัติทางกลของโลหะ
คุณสมบัติเชิงกลของวัสดุ เช่น ความแข็ง (Hardness) ความแข็งแรง (Strength) ความเหนียว (Ductility) ฯลฯ เป็นสิ่งที่จะบอกว่าวัสดุนั้นๆ สามารถที่จะรับหรือทนทานแรง หรือพลังงานเชิงกลภายนอกที่มากระทำได้ดีมากน้อยเพียงใด ในงานวิศวกรรมคุณสมบัติเชิงกลมีความสำคัญมากที่สุด เพราะเมื่อเราจะเลือกใช้วัสดุใดๆ ก็ตาม สิ่งแรกที่จะนำมาพิจารณาก็คือ คุณสมบัติเชิงกลของมัน การที่เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ใดๆ จะสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยขึ้นอยู่กับคุณสมบัติเชิงกลของวัสดุที่ใช้ทำเครื่องจักร อุปกรณ์นั้นๆ เป็นสำคัญ
ความเค้น (Stress) ตามความเป็นจริงความเค้นหมายถึง แรงต้านทานภายในเนื้อวัสดุที่มีต่อแรงภายนอกที่มากระทำต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ แต่เนื่องจากความไม่เหมาะสมทางปฏิบัติ และความยากในการวัดหาค่านี้ เราจึงมักจะพูดถึงความเค้นในรูปของแรงภายนอกที่มากระทำต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ ด้วยเหตุผลที่ว่า แรงกระทำภายนอกมีความสมดุลกับแรงต้านทานภายใน
โดยทั่วไปความเค้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ตามลักษณะของแรงที่มากระทำ
1. ความเค้นแรงดึง (Tensile Stress) เกิดขึ้นเมื่อมีแรงดึงมากระทำตั้งฉากกับพื้นที่ภาคตัดขวาง โดยพยายามจะแยกเนื้อวัสดุให้แยกขาดออกจากกัน
- ความเค้นแรงอัด (Compressive Stress) เกิดขึ้นเมื่อมีแรงกดมากระทำตั้งฉากกับพื้นที่ภาคตัดขวาง เพื่อพยายามอัดให้วัสดุมีขนาดสั้นลง ดังรูปที่ 1.1b
- ความเค้นแรงเฉือน (Shear Stress) ใช้สัญลักษณ์ t เกิดขึ้นเมื่อมีแรงมากระทำให้ทิศทางขนานกับพื้นที่ภาคตัดขวาง เพื่อให้วัสดุเคลื่อนผ่านจากกันดังรูปที่ 1.1c มีค่าเท่ากับแรงเฉือน (Shear Force) หารด้วยพื้นที่ภาคตัดขวาง A ซึ่งขนานกับทิศทางของแรงเฉือน ในทางปฏิบัติความเค้นที่เกิดจะมีทั้ง 3 แบบนี้พร้อม ๆ กัน
ความเครียดและการเปลี่ยนรูป (Strain and Deformation)
ความเครียด (Strain) คือ การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของวัสดุ (Deformation) เมื่อมีแรงภายนอกมากระทำ (เกิดความเค้น) การเปลี่ยนรูปของวัสดุนี้เป็นผลมาจากการเคลื่อนที่ภายในเนื้อวัสดุ ซึ่งลักษณะของมันสามารถแบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ
1.การเปลี่ยนรูปแบบอิลาสติกหรือความเครียดแบบคืนรูป (Elastic Deformation or Elastic Strain) เป็นการเปลี่ยนรูปในลักษณะที่เมื่อปลดแรงกระทำ อะตอม ซึ่งเคลื่อนไหวเนื่องจากผลของความเค้นจะเคลื่อนกลับเข้าตำแหน่งเดิม ทำให้วัสดุคงรูปร่างเดิมไว้ได้ ตัวอย่างได้แก่ พวกยางยืด, สปริง ถ้าเราดึงมันแล้วปล่อยมันจะกลับไปมีขนาดเท่าเดิม
2. การเปลี่ยนรูปแบบพลาสติกหรือความเครียดแบบคงรูป (Plastic Deformation or Plastic Strain) เป็นการเปลี่ยนรูปที่ถึงแม้ว่า จะปลดแรงกระทำนั้นออกแล้ววัสดุก็ยังคงรูปร่างตามที่ถูกเปลี่ยนไปนั้น โดยอะตอมที่เคลื่อนที่ไปแล้วจะไม่กลับไปตำแหน่งเดิม
วัสดุทุกชนิดจะมีพฤติกรรมการเปลี่ยนรูปทั้งสองชนิดนี้ขึ้นอยู่กับแรงที่มากระทำ หรือความเค้นว่า มีมากน้อยเพียงใด หากไม่เกินพิกัดการคืนรูป (Elastic Limit) แล้ว วัสดุนั้นก็จะมีพฤติกรรมคืนรูปแบบอิลาสติก (Elastic Behavior) แต่ถ้าความเค้นเกินกว่าพิกัดการคืนรูปแล้ววัสดุก็จะเกิดการเปลี่ยนรูปแบบถาวรหรือแบบพลาสติก (Plastic Deformation)
นอกจากความเครียดทั้ง 2 ชนิดนี้แล้ว ยังมีความเครียดอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งพบในวัสดุประเภทโพลีเมอร์ เช่น พลาสติก เรียกว่าความเครียดกึ่งอิลาสติกจะมีลักษณะที่เมื่อปราศจากแรงกระทำวัสดุจะมีการคืนรูป แต่จะไม่กลับไปจนมีลักษณะเหมือนเดิม การวัดและคำนวณหาค่าความเครียดมีอยู่ 2 ลักษณะคือ
- แบบเส้นตรง ความเครียดที่วัดได้จะเรียกว่า ความเครียดเชิงเส้น (Linear Strain) จะใช้ได้เมื่อแรงที่มากระทำมีลักษณะเป็นแรงดึงหรือแรงกด ค่าของความเครียดจะเท่ากับความยาวที่เปลี่ยนไปต่อความยาวเดิม 2. แบบเฉือน เรียกว่า ความเครียดเฉือน (Shear Strain) ใช้กับกรณีที่แรงที่กระทำมีลักษณะเป็นแรงเฉือน ค่าของความเครียดจะเท่ากับระยะที่เคลื่อนที่ไปต่อระยะห่างระหว่างระนาบ
ความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นกับความเครียด (Stress-Strain Relationship) ในการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นและความเครียด ในที่นี้เราจะใช้เส้นโค้งความเค้น-ความเครียด (Stress-Strain Curve) ซึ่งได้จากการทดสอบแรงดึง (Tensile Test) เป็นหลัก โดยจะพลอตค่าของความเค้นในแกนตั้งและความเครียดในแกนนอน ดังรูป 1.2 การทดสอบแรงดึง นอกจากจะให้ความสัมพันธ์ระหว่างความเค้น-ความเครียดแล้ว ยังจะแสดงความสามารถในการรับแรงดึงของวัสดุ ความเปราะ เหนียวของวัสดุ (Brittleness and Ductility) และบางครั้งอาจใช้บอกความสามารถในการขึ้นรูปของวัสดุ (Formability) ได้อีกด้วย
คุณสมบัติเชิงกลของโลหะ
คุณสมบัติการเปลี่ยนรูป (Deformation Property)
ลักษณะการเปลี่ยนรูปที่เป็นพื้นฐานอาจจำแนกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ
5.1.1 คุณสมบัติการเปลี่ยนรูปอีลาสติก (Elastic deformation property) หมายถึง
การเปลี่ยนรูปที่สามารถคืนตัวได้อย่างสมบูรณ์ (Reversible) เมื่อแรงกระทำนั้นถูกปลด
ออกไป เช่นเมื่อถูกดึงวัสดุจะยืดตัวออกจนถึงระยะหนึ่งแล้วก็หยุด เมื่อปลดแรงวัสดุก็จะหกตัว
สู่ความยาวเดิม ส่วนใหญ่การเปลี่ยนรูปแบบอีลาสติกเกิดจากแรงกระทำที่ไม่สูงนัก และการ
เปลี่ยนรูปดังกล่าวมักจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับขนาดของแรง โดยปกติเรามักจะถือว่า การ
เปลี่ยนรูปในช่วงอีลาสติกนี้จะเกิดขึ้นโดยทันทีเมื่อมีแรงกระทำ แต่ที่จริงแล้วการเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่า จะเป็นเมื่อถูกแรงกระทำหรือการคืนรูป เมื่อหยุดแรงกระทำล้วนต้องใช้ระยะเวลาอันหนึ่ง
เสมอ ในโลหะส่วนมากระยะเวลานี้จะสั้นมากจนวัดไม่ได้ แต่ในวัสดุบางชนิด เช่น ยาง ส่วนที่
เปลี่ยนช้า ๆ คือขึ้นกับเวลา (Time Dependent) นี้อาจมีมากพอจนวัดได้ คุณสมบัติการ
เปลี่ยนรูปโดยขึ้นกับเวลานี้ เรียกว่า Anelasticity แต่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนรูปแบบอี
ลาสติก เพราะจะคืนตัวโดยสมบูรณ์ได้ในที่สุด
สนใจติดต่อ...........
บริษัท เอเชี่ยนพลัส ซัพพลาย จำกัด จ.สมุทรปราการ
T.087-6039752 02-1863711 02-1863713 Fax. 02-1863712
E-mail:asianplussupply@hotmail.com
http://sites.google.com/site/asianplussupply
<http://www.pantipmarket.com/mall/asianplus/?node=products >
http://asianplus.plazathai.com