จำหน่าย,ขาย,เหล็ก SCM440,SK5,SK85,S50C,4140,4340,SNCM439,SCM439,SS400,4130,S45C
เจ้าของร้าน Login ที่นี่
หน้าร้าน
รายการสินค้า
ติดต่อร้านค้า ส่งข้อความหลังไมค์ วิธีการสั่งซื้อสินค้า วิธีการชำระเงิน เว็บบอร์ด
สมาชิกร้านค้า
สินค้าแนะนำ
หมวดสินค้า
สถิติร้านค้า
เปิดร้าน11/11/2013
อัพเดท24/03/2024
เป็นสมาชิกเมื่อ 26/01/2012
สถิติเข้าชม18248
บริการของร้านค้า
ตรวจสอบสถานะไปรษณีย์
จดหมายข่าว
ใส่ email ของท่านเพื่อรับข่าวสารร้านค้านี้

subscribe unsubscribe

ข้อมูลร้านค้า
   
ที่อยู่  บริษัท เอเชี่ยนพลัส ซัพพลาย จำกัด 234/7 หมู่ 7 ถ.สุขุมวิท ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ 10280
โทร.  Tel 087-6039752,02-1863711,02-1863713 Fax 02-1863712
Mail  asianplussupply@hotmail.com
Search      Go

Home > All Product List > จำหน่าย,ขาย,เหล็ก S45C,เหล็กแผ่น S45C,เหล็กเพลา S45C,เหล็กเพลาหัวแดง S45C,เหล็กเกรด S45C,เหล็กเพลาขาว,เหล็กแผ่นแข็ง S45C,จำหน่ายเหล็ก S45C,ขายเหล็ก S45C,


จำหน่าย,ขาย,เหล็ก S45C,เหล็กแผ่น S45C,เหล็กเพลา S45C,เหล็กเพลาหัวแดง S45C,เหล็กเกรด S45C,เหล็กเพลาขาว,เหล็กแผ่นแข็ง S45C,จำหน่ายเหล็ก S45C,ขายเหล็ก S45C,

รูปภาพประกอบทั้งหมด 5 รูป

จำหน่าย,ขาย,เหล็ก S45C,เหล็กแผ่น S45C,เหล็กเพลา S45C,เหล็กเพลาหัวแดง S45C,เหล็กเกรด S45C,เหล็กเพลาขาว,เหล็กแผ่นแข็ง S45C,จำหน่ายเหล็ก S45C,ขายเหล็ก S45C,

ลงประกาศเมื่อวันที่  :  30/10/2015
แก้ไขล่าสุด  :  30/10/2015
ราคา  ตามตกลง

จำหน่าย,ขาย,เหล็ก S45C,เหล็กแผ่น S45C,เหล็กเกรด S45C,เหล็กแผ่นแข็ง S45C,จำหน่ายเหล็ก S45C,ขายเหล็ก S45C เหล็กเพลา S45C,เพลาเหล็ก S45C,เหล็กเพลาหัวแดง S45C,เหล็กเพลาขาว S45C,
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน (Hot-Rolled Structural Steel) มีการใช้งานในต่างประเทศอย่างกว้างขวางมานาน และกำลังมีบทบาทมากขึ้นในการก่อสร้างในประเทศไทย เนื่องจากข้อดีหลายประการที่ทำให้การก่อสร้างด้วยเหล็กมีความรวดเร็ว คุ้มค่าต่อการใช้งาน เหล็กเหล่านี้มีหน้าตัดหลายประเภทและมีหลายเกรดหรือชั้นคุณภาพ วิศวกรหลายท่านอาจรู้จักเหล็กชนิดนี้ในชื่อ เหล็กเอชบีม หรือเหล็กไวด์แฟลงก์จากหนังสือที่อ้างอิงกับมาตรฐาน ASTM ของอเมริกา ส่วนในการซื้อขายในประเทศนั้น แต่ก่อนส่วนใหญ่นำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งใช้มาตรฐาน JIS และในระยะหลังจึงมีผู้ผลิตในประเทศและมีการกำหนดมาตรฐานในประเทศ เกรดเหล่านี้ เทียบกันได้อย่างไร มาดูรายละเอียดกันในบทความนี้

หน้าตัดที่เป็นรูปทรงของเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน ทำให้เหล็กมีคุณสมบัติในการรับแรงในแนวต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยน้ำหนักที่เบากว่าโครงสร้างคอนกรีต เหมาะกับสำหรับใช้งานโครงสร้างชนิดต่างๆ เช่น โรงงาน อาคารสูง สนามกีฬา เสาส่งไฟฟ้า ตลอดจนบ้านพักอาศัย เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน มีหน้าตัดเป็นรูปตัวเอช เรียกกันว่า H-beam มีปีกกว้าง(wide flange) เหมาะกับงานโครงสร้างคาน เสาและโครงหลังคา, ส่วนหน้าตัดรูปตัวไอ หรือ I-beam ปีกเหล็กจะหนาขึ้นที่โคนปีก จึงรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี เหมาะกับงานเครื่องจักร รางเครน สำหรับเหล็กฉากหรือ angle มีหน้าตัดรูปตัว L ใช้งานโครงสร้างหลังคา เสาส่งไฟฟ้าแรงสูง เสาวิทยุ เสาโทรศัพท์ อีกหน้าตัดหนึ่ง คือ รางน้ำ หรือ Channel มีหน้าตัดรูปตัว C นิยมใช้ทำคานรองรับส่วนประกอบต่างๆ เช่น บันได คานขอบนอก นอกจากนั้น เอชบีมที่นำมาตัดแบ่งตามยาว เรียกว่า Cut beam หรือ Cut-T ใช้ทำโครงสร้างของ Truss แทนการใช้เหล็กฉากเชื่อมประกบกัน

ลดระยะเวลาการก่อสร้าง ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยของโครงการ เปิดใช้งานได้เร็ว
เตรียมงานจากโรงงานได้ และใช้แรงงานน้อยกว่าการก่อสร้างด้วยระบบอื่น
ออกแบบโครงสร้างให้มีช่วงเสากว้างกว่าโครงสร้างระบบอื่น ไม่เปลืองพื้นที่ใช้งาน
ออกแบบงานสถาปัตยกรรมได้หลากหลาย เช่น ดัดโค้ง ทำโครงสร้างโปร่ง หรือทำส่วนยื่นได้มาก
โครงสร้างมีน้ำหนักเบา ทำให้ประหยัดฐานราก ลดการขนส่ง และพื้นที่กองเก็บวัสดุ
ตรวจสอบ ควบคุมคุณภาพ และบำรุงรักษาได้สะดวกกว่าโครงสร้างอื่น
มีความแข็งแรง สามารถรับแรงสั่นสะเทือนและแผ่นดินไหวได้ดีกว่าโครงสร้างระบบอื่น
ก่อสร้างในที่จำกัดได้สะดวก ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะผุ่น
ดัดแปลง ต่อเติม หรือรื้อไปสร้างใหม่ได้ ไม่ต้องทุบทิ้ง
สามารถนำวัสดุมาหมุนเวียนได้ 100%

การผลิตเหล็กโครงสร้างขนาดใหญ่ในประเทศ เริ่มเมื่อประมาณสิบกว่าปีมานี้ เดิมทีผู้ใช้งานในประเทศต้องสั่งเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนจากต่างประเทศส่วนใหญ่เกรดที่นำเข้า ได้แก่JIS ของญี่ปุ่นและASTM ของอเมริกา ต่อมาเมื่อมีการตั้งโรงงานในประเทศไทยจึงสามารถผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าและส่งออกตามมาตรฐานต่างประเทศ ในขณะเดียวกันสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมได้กำหนดมาตรฐาน มอก.1227-2539 สำหรับใช้งานในประเทศ โดยอ้างอิงหน้าตัด ขนาดและเกรดหรือชั้นคุณภาพ จากมาตรฐานของญี่ปุ่น และเนื่องจากเหล็กโครงสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน จึงได้กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตหรือนำเข้ามาจำหน่าย ต้องเป็นไปตามมาตรฐานดังกล่าว

กระบวนการผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน เริ่มจากการนำเศษเหล็กมาหลอมในเบ้าขนาดใหญ่ด้วยความร้อนสูงกว่า 1600 °C จนกลายเป็นน้ำเหล็ก แล้วเติมโลหะปรุง แต่งส่วนผสมเพื่อให้มีความแข็งแรงตามเกรดที่ต้องการ เมื่อปรุง แต่งส่วนผสมแล้ว จึงนำมาหล่อให้เป็นแท่ง หลังจากนั้น นำเหล็กแท่งมารีดด้วยแท่นรีดขนาดใหญ่ ที่อุณหภูมิประมาณ 1200 °C รูปร่างหน้าตัดของเหล็กแท่งจะถูกลดขนาดและแปรเปลี่ยนไปตามแบบของลูกรีดจนมีขนาดมาตรฐาน จุดสำคัญในการทำคือ การควบคุมส่วนประกอบทางเคมีของการหลอม แต่ละเบ้า (Heat) การรีดเหล็กร้อนให้เป็นรูปร่างที่มีความกว้างและความหนาให้พอดีตามที่กำหนด และการทดสอบความแข็งแรง

เนื่องจากผลิตโดยการหลอมและรีดร้อนขึ้นเป็นท่อน เหล็กโครงสร้างชนิดนี้จึงมีเนื้อเดียวกัน ไม่มีรอยเชื่อมระหว่างส่วนต่างๆ ดังนั้น คุณสมบัติของหน้าตัดจึงสม่ำเสมอกว่าเหล็กโครงสร้างชนิดอื่นเช่น เหล็กรูปพรรณกลวง ซึ่งทำจากเหล็กม้วนและเชื่อมตามยาว กับเหล็กโครงสร้างรูปพรรณเชื่อมประกอบที่ทำจากเหล็กแผ่นสามชิ้นเชื่อมเข้าด้วยกัน

กรดของเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน เป็นตัวระบุความแข็งแรงของเนื้อเหล็ก เหล็กที่ใช้งานโครงสร้างมีความต้านแรงดึง (Tensile Strength) ในระดับ 400 N/mm2 ขึ้นไป เช่นASTM A36,JIS/TIS SS400, SM400 เป็นต้น
วิศวกรบางท่านอาจคุ้นเคยกับเหล็ก ASTM A36 เนื่องจากมีในตำราออกแบบที่มีพื้นฐานจากต่างประเทศ แต่ไม่สามารถหาได้ในท้องตลาดจึงมักเกิดปัญหาในการใช้งาน ดังนั้นการออกแบบในปัจจุบันจึงต้องใช้เหล็กตามมาตรฐาน TIS 1227-2539 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้กับเหล็กที่มีจำหน่ายในประเทศ
ผู้ใช้สามารถทราบคุณสมบัติของเหล็กที่นำมาใช้งานได้จากเอกสาร Mill Certificate ที่ออกโดยผู้ผลิตและที่ตัวเหล็ก แต่ละท่อนมีสติ๊กเกอร์ระบุเกรด Heat no.
รวมทั้งชี้บ่งเกรดเป็นตัวนูนที่ผิวอย่างถาวรเพื่อให้ผู้ใช้ตรวจสอบชั้นคุณภาพได้สำหรับงานที่ต้องการลดน้ำหนักของโครงสร้างเพื่อความสะดวกในระหว่างการก่อสร้างและเพิ่มพื้นที่การใช้อาคาร จะใช้เกรดสูงหรือ High-Strength ซึ่งมีความต้านแรงดึงตั้ง แต่ 490N/mm2เช่นASTM A572,ASTM A992,JIS/TIS SM490, SM520เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเกรดฉพาะงาน เช่นโครงสร้างในทะเล แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในทะเล ที่ต้องใช้เหล็กโครงสร้างเกรดสูงและมีความต้านแรงกระเทกที่อุณหภูมิต่ำมาก คือ -20 C, -40 °C ซึ่งการผลิตและทดสอบก็จะเข้มงวดยิ่งขึ้น

คุณสมบัติทางกลของเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน
ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานของ บมจ.การบินไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ด้านหน้ามีช่วงระหว่างเสา (span) กว้างถึง 270 เมตร รองรับเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในโลก Airbus A380 ได้พร้อมกัน 3 ลำ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนที่วิศวกรนำไปออกแบบใช้งาน ส่วนใหญ่ใช้เหล็กที่มีความต้านแรงดึง 400 N/mm2 ซึ่งที่ความแข็งแรงระดับนี้ ตามมาตรฐานที่ใช้ในประเทศคือTIS 1227-2539 มี 2เกรด คือSS400 และเกรดSM400 ซึ่ง แต่ละเกรดมีส่วนประกอบทางเคมี และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังตารางต่อไปนี้

เมื่อเปรียบเทียบในรายละเอียด จะเห็นชัดเจนว่า ส่วนประกอบทางเคมีของเกรด SS400 ควบคุมเพียงค่า P (Phosphorus), และ S (Sulfur) ซี่งหากมีปริมาณมากทำให้เหล็กเปราะ และเกรดนี้ไม่ได้ควบคุมค่า Carbon ซึ่งเป็นธาตุที่เพิ่มความแข็งแรงของเหล็ก แต่หากมีมากเกินไปทำให้เหล็กมีความเปราะเพิ่มขึ้น ในขณะที่SM400 ควบคุมปริมาณ Carbon, Silicon, Manganese ในระดับที่เหมาะสม และมีธาตุ Phosphorus, Sulfur ในระดับต่ำ ทำให้เหล็กมีความเปราะต่ำ มีความเหนียวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คุณสมบัติทางกลด้านความยืด (Elongation) และความทนต่อแรงกระแทก (Impact) ดีขึ้นดังนั้นเกรด SS400 จึงใช้ในงานโครงสร้างทั่วไปที่มีการตัด เจาะรูขันน็อต และเชื่อมได้ แต่ควรควบคุมการให้ความร้อนก่อนและหลังการเชื่อม ส่วนเกรดSM400 มีคุณสมบัติต่างๆ ดีขึ้น โอกาสแตกร้าวจากรอยเชื่อมต่ำลง มีความเหนียว และมีคุณสมบัติทนทานต่อแรงกระแทกที่อุณหภูมิ 0°C จึงเป็นเกรดที่เหมาะกับงานเชื่อมงานเจาะรูขันน็อต รวมถึงงานดัดโค้ง ซึ่งโครงการส่วนใหญ่สามารถนำไปใช้งานได้เป็นอย่างดี

ในการระบุรายละเอียดของวัสดุในแบบก่อสร้างหรือรายการวัสดุสำหรับเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน เริ่มจากระบุมาตรฐานเกรด ชนิดหน้าตัด เช่นH-beam ต่อด้วยขนาดของหน้าตัด นอกจากนี้ จะระบุความยาวที่ต้องการและปริมาณที่จะใช้เป็นหน่วยน้ำหนักปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนได้ถึงขนาด H 900x300 มม. และผลิตในเกรดต่างๆ ไม่ว่า จะเป็นเกรดของต่างประเทศเพื่อส่งออกและเกรดในประเทศ ส่วนใหญ่ผู้ใช้งานในประเทศใช้เกรด SM400 ของมาตรฐานTIS 1227-2539 ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับงานโครงสร้างเหล็กสำหรับอาคารทุกประเภท
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน เป็นวัสดุโครงสร้างที่นับวันจะนำไปใช้งานมากขึ้น เนื่องจากการก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรง ความสวยงาม และความรวดเร็ว เพื่อตอบสนองให้ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์สูงสุด

ติดต่อเรา ......................

บริษัท เอเชี่ยนพลัส ซัพพลาย จำกัด
234/7 ม.7 ถนนสุขุมวิท ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ 10280

Tel.087-6039752 02-1863711,02-1863713 Fax.02-1863712
E-Mail : asianplussupply@hotmail.com

http://sites.google.com/site/specialmetalsthailand
http://sites.google.com/site/aluminiumasian
http://sites.google.com/site/asianplussupply

สั่งซื้อสินค้า / ติดต่อสอบถาม

เขียนอีเมลถึงเจ้าของร้าน

ส่งเมลถึง:จำหน่าย,ขาย,เหล็ก SCM440,SK5,SK85,S50C,4140,4340,SNCM439,SCM439,SS400,4130,S45C
อีเมลผู้ส่ง:
เนื้อความ:
มีไฟล์แนบ
ทำสำเนา