คุณสมบัติทั่วไปของเหล็ก Hardox 400, Hardox 450,Hardox 500,Hardox 600,
วัสดุแผ่นเหล็กทนสึก, ตัดแบ่งขายตามขนาด
เกรด: Hardox 400, Hardox 450, Hardox 500, Hardox 600, NM 360, NM 400, NM 450, NM 500, NM 600, ฯลฯ
แบ่งขายเหล็กขนาด: THK: 5 มม. ถึง 700 มม.
กว้าง 2500 มม. x ยาว 6000 มม.
2) บริการเหล็ก: การตัด, การทาสี, การระเบิดของลูก, การปรับสภาพและการตรวจสอบบุคคลที่สามใน DNV, BV, LR, GL, ABS, CCS, เครื่องหมาย CE, TUV, ISO และอื่น ๆ ในแผ่นเหล็กเรือหนาพิเศษ
คุณสมบัติของเหล็กเกรดต่างๆ
เหล็ก S45C คุณสมบัติ เหล็กคาร์บอนปานกลางเหมาะสำหรับงานพื้นฐานทั่วไป โครงสร้างแม่พิมพ์ และแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก ชุบแข็งได้ง่าย ทนการเสียดสีได้ดี มีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับทำชิ้นส่วนพื้นฐาน หรือโครงสร้างของแม่พิมพ์และงานทั่วๆ ไป
เหล็ก S50C คุณสมบัติ เหล็กคาร์บอนปานกลางเหมาะสำหรับงานพื้นฐานทั่วไป โครงสร้างแม่พิมพ์ และแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก ชุบแข็งได้ง่าย ทนการเสียดสีได้ดี มีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับทำชิ้นส่วนพื้นฐาน หรือโครงสร้างของแม่พิมพ์และงานทั่วๆ ไป
เหล็ก SCM440 คุณสมบัติ เหล็กเครื่องมือมีคาร์บอนปานกลาง มีความเหนียว ทนแรงตึงสูง เหมาะสำหรับทำเครื่องมือ น๊อต สกรู เพลา ก้านสูบและชิ้นส่วนรถยนต์
เหล็ก SS400 คุณสมบัติ เหล็กแผ่นรีดร้อน สำหรับงานโครงสร้างทั่วๆ ไป
เหล็ก SKD11 คุณสมบัติ ทำลูกรีดเกลียว ลูกรีดแป๊ป ใบมีดตัดเหล็กแม่พิมพ์ปั้มขึ้นรูป แม่พิมพ์กรรไกร แม่พิมพ์กระดาษ ทนแรงตึงสูง
เหล็ก SKS3 คุณสมบัติ เหล็กทำแม่พิมพ์งานเย็น พิมพ์ตัด โลหะแผ่นบางและกระดาษ มีความสามารถในการชุบแข็งสูง ทนแรงเสียดสีได้ดี
เหล็ก SKD61 คุณสมบัติ เหล็กสำหรับทำแม่พิมพ์งานร้อน มีความแข็งแรงที่อุณหภูมิปกติและอุณหภูมิสูงๆ ทนการสึกหรอดีมาก ทนแรงกระแทกสูง รักษาความแข็งแรงที่สูงได้ดี ใช้ทำแม่พิมพ์อัดขึ้นรูปโลหะได้ดี
เหล็ก P20 คุณสมบัติเหล็กแม่พิมพ์พลาสติกคุณภาพสูง ขัดผิวขึ้นเงาได้ดีมาก ทำงานง่าย ทนแรงดัน
เหล็ก SCM415 คุณสมบัติ ทนแรงดึงสูง มีความเหนียว เหล็กเครื่องมือ เหมาะที่จะเฟืองรอบจัด และงานที่ต้องการผิวที่แข็งเฉพาะผิว
เหล็ก SCM439,SNCM439 คุณสมบัติ เหล็กเครื่องมือทนแรงดึงสูง เหมาะสำหรับทำเพลาข้อเหวี่ยง เฟืองแกนพวงมาลัย เพลากลางรถยนต์ และชิ้นส่วนเครื่องจักรที่มีความเครียดสูง
เหล็ก SK5 คุณสมบัติ เหล็กคาร์บอนสูง ชุบแข็งได้ง่าย ทนทานการเสียดสีได้ดี มีความแข็งแรงสูง มีคุณสมบัติเป็นสปริงสูง
เหล็ก SUP9 คุณสมบัติ ใช้สำหรับสปริงขึ้นรูปงานร้อน (Hot Format Spring) เช่นเหล็กแผ่นสปริง (Laminated Springs) เหล็กคอยล์ปริง และเหล็กแหนบสปริงที่ใช้ในรถยนต์
ร์บอนต่ำ มีส่วนผสม Cr, Mo ชุบแข็งโดย วิธีชุบผิว เช่น คาร์บูไรซิ่ง ใช้ทำเฟืองรอบจัด และงานที่ต้องการผิวงานแข็ง แต่ภายในปกติ
SNCM439 SNCM439 4340 1.6582
หล็กคาร์บอนปานกลาง มีส่วนผสม Cr, Mo, Ni ชุบแข็งได้หลายวิธี ทนแรงดึงได้สูงกว่า 100 kgf/mm2 ใช้ทำชิ้นส่วนคุณภาพสูง เช่น เพลาขับกำลังสูง เฟือง สกรู ฯลฯ
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นท่อแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ “Tube” และ “Pipe”
Tube จะวัดเส้นผ่านศูนย์กลางจากภายนอก รวมความหนาของตัวท่อด้วย วัดหน่วยเป็น BWG หรือ เป็นนิ้ว
Pipeวัดเส้นผ่านศูนย์กลางตามขนาดของท่อจริงวัดภายในท่อไม่ความหนาของท่อ วัดหน่วยเป็น
Schedule number API designation หรือ น้ำหนัก
ตามหลักแล้วจะใช้ Tube ในสภาพที่มีการเปลี่ยนแปลงความร้อน อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และทางเชื่อมทางเล็กๆ บนอุปกรณ์ เช่น ตัวทำความเย็น ตัวทำความร้อน และตู้เย็น
ขนาด ความยาวที่ใช้กับท่อเหล็ก
ผู้ผลิตจะผลิตท่อตามขนาดการก่อสร้าง ตั้ง แต่ 1/8 – 44”(ขนาดภายในท่อ)
ขนาดของท่อส่วนใหญ่มักมีอยู่ในสต็อค ได้แก่ ½, ¾, 1, 1 ½,2, 2 ½,3, 3 ½,4,5,6,8,10,12,14,16,18,20,และ 24
ขนาด 1 ½, 2 ½, 3 ½, และ 5 นิ้วไม่ค่อยมีใช้กัน (ขนาดที่ไม่ธรรมดาจะเป็นที่ต้องการในบางครั้ง ใช้สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บางอย่าง)
ขนาด 1/8, ¼, 3/8, ½ นิ้วถูกจำกัดเฉพาะกับเครื่องมือบางประเภท หรือส่วนที่เข้าคู่กันอยู่แล้ว ขนาดท่อครึ่งนิ้วใช้กับงานที่เกี่ยวกับการนำความร้อนเป็นพิเศษ หรือ ใช้เป็นท่อช่วยของปั๊ม
ท่อตรงมักมีความยาวตั้ง แต่ 17-25 ฟุต แต่บางครั้งก็ยาว 38-48 ฟุต ส่วนปลายของท่อเหล่านี้มักเป็นแบบเรียบ PE (Plain end) แบบบาก BE (Beveled for welding) แบบท่อ T& C แบบทำเกลียวหรือข้อต่อเกลียว และแบบอื่นๆ เช่น แบบสลัก
เส้นผ่านศูนย์กลาง และความหนาของผนังท่อ
ขนาดของท่อจะถูกระบุจากค่า NPS (Nominal Pipe size) ซึ่งเป็นขนาดที่แท้จริงของท่อที่วัดจากเส้นผ่านศูนย์กลางภายในท่อ ท่อ 14 นิ้ว NPS จะมีขนาดแตกต่างจากท่อ 14 นิ้วที่วัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกด้วย
ท่อนั้นมีความหนาต่างกันหลายขนาด ใน แต่ละขนาดเดียวกัน ซึ่งมีแหล่งที่มาของหน่วยวัดต่างกัน 3 แหล่งคือ
1.สถาบันมาตรฐานแห่งชาติอเมริกา (American National Institute) ใช้ Schedule number
2.สมาคมวิศวกรอเมริกัน (American Society of Mechanical Engineers) และสมาคมการตรวจวัดและวัตถุดิบอเมริกา (American Society for Testing and Materials) ใช้ STD (Standard) XS (extra-long) XXS (double extra-long)
3.สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (American Petroleum Institute) มีหน่วยมาตรฐานเป็น 5L และ 5LX ซึ่งมิตินี้ไม่ได้อ้างถึงขนาดเฉพาะและความหนาของท่อ
เหล็กผสมสำหรับใช้ทำท่อ (Alloy steel for pipes and tubes)
ท่อที่ใช้งานทนความดันและอุณหภูมิ จะต้องมีคุณสมบัติพิเศษ สำหรับท่อเหล็กจะต้องผสมโลหะอื่นๆ เข้าไปด้วย เช่น โครเมียม (Cr) นิเกิล (Ni) โมลิบดินัม (Mo) และซิลิคอน (Si) พวกโลหะต่างๆ เหล่านี้เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้ท่อทนการเสียดสี, ทนการกัดกร่อน และปฏิกิริยาที่อุณหภูมิสูง ทนต่อสภาพธรรมชาติ และมีความแข็งแรงแตกต่างกันไป
หมายเหตุ : THE AMERICAN SOCIETY FOR TESTING MATERIAL (สมาคมการทดสอบวัสดุความเป็นมาตรฐานของอเมริกา ชื่อย่อว่า ASTM)
ตัวอย่าง
ASTM A 120
เป็นท่อเหล็กที่ใช้งานกันทั่วไป เช่น ใช้กับน้ำ แก๊ซ และท่อลม ฯลฯ มีทั้งแบบมีตะเข็บ (Seam) และไม่มีตะเข็บ (Seamless) และมีทั้งท่ออาบสังกระสี (Galvanized) และท่อเหล็กดำ ท่อประเภทนี้ไม่เหมาะนำมาใช้ในการขดเป็นวง ดัดโค้งงอ หรือใช้งานที่อุณหภูมิสูง
ตามมาตฐานไม่ต้องตรวจสอบคุณภาพเชิงกล เพียง แต่ทำการอัดน้ำก็พอ (hydrostatic test) การผลิตสามารถทำได้จากเตาหลอมโลหะชนิด open hearth, electric furnace หรือ acid bessemer ก็นับว่า ถูกต้องตามมาตรฐานทั้งสิ้น
ASTM A 53
มีทั้งแบบที่มีตะเข็บและไม่มีตะเข็บ และสามารถเลือกท่อดำหรือท่อสังกระสีก็ได้ ใช้งานพิเศษต่างๆ มีคุณสมบัติทางเคมีและการดึงตามต้องการ ใช้สำหรับการอัด การดัดโค้ง การขึ้นรูป และรับแรงดึงได้ผ่านการ test ความดันมาเหมือนกับท่อ A-120 ท่อมาตรฐาน A 53 แบบมีตะเข็บและไม่มีตะเข็บราคาเท่ากัน ปกติท่อเหล็กชนิดนี้ได้จากเตา open hearth, electric furnace หรือ acid bessemer ก็ได้
ASTM A 106
เป็นท่อเหล็กดำไม่มีตะเข็บ สำหรับใช้งานที่อุณหภูมิสูง มีคุณสมบัติทางเคมีและทางกล ใช้ขั้นรูปดัดโค้ง และรับแรงดึงได้ การ test ความดันเหมือนกับท่อ A 120
ASTM A 135
หมายถึง ท่อที่เชื่อมต่อตะเข็บด้วยไฟฟ้า มีขนาดเล็กสุดจนถึง 30 นิ้ว เป็นท่อสำหรับของเหลว แก๊ส ได้ผ่านการ test เช่นเดียวกับท่อ A 120 เหล็กทำมาจากเตา open hearth หรือ electric furnace
เหล็กเกรด S50C,S45C,เหล็กเพลา SS400,S45C S50C,เหล็กแผ่น S50C,เหล็กเพลาหัวแดง S50C,S45C,เหล็กเพลาหัวฟ้า SMC440,เหล็ก SNCM 439,SCM415,ตัดแบ่งขายตามขนาด
จำหน่าย,เหล็กเกรด S50C,S45C,เหล็กเพลา SS400,S45C S50C,เหล็กแผ่น S50C,เหล็กเพลาหัวแดง S50C,S45C,เหล็กเพลาหัวฟ้า SMC440,เหล็ก SNCM 439,SCM415,ตัดแบ่งขายตามขนาด
คุณสมบัติของโลหะ
คุณสมบัติเชิงกลของวัสดุ เช่น ความแข็ง (Hardness) ความแข็งแรง (Strength) ความเหนียว (Ductility) ฯลฯ เป็นสิ่งที่จะบอกว่าวัสดุนั้นๆ สามารถที่จะรับหรือทนทานแรง หรือพลังงานเชิงกลภายนอกที่มากระทำได้ดีมากน้อยเพียงใด ในงานวิศวกรรมคุณสมบัติเชิงกลมีความสำคัญมากที่สุด เพราะเมื่อเราจะเลือกใช้วัสดุใดๆ ก็ตาม สิ่งแรกที่จะนำมาพิจารณาก็คือ คุณสมบัติเชิงกลของมัน การที่เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ใดๆ จะสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยขึ้นอยู่กับคุณสมบัติเชิงกลของวัสดุที่ใช้ทำเครื่องจักร อุปกรณ์นั้นๆ เป็นสำคัญ
ความเค้น (Stress) ตามความเป็นจริงความเค้นหมายถึง แรงต้านทานภายในเนื้อวัสดุที่มีต่อแรงภายนอกที่มากระทำต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ แต่เนื่องจากความไม่เหมาะสมทางปฏิบัติ และความยากในการวัดหาค่านี้ เราจึงมักจะพูดถึงความเค้นในรูปของแรงภายนอกที่มากระทำต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ ด้วยเหตุผลที่ว่า แรงกระทำภายนอกมีความสมดุลกับแรงต้านทานภายใน
โดยทั่วไปความเค้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ตามลักษณะของแรงที่มากระทำ
ความเค้นแรงดึง (Tensile Stress) เกิดขึ้นเมื่อมีแรงดึงมากระทำตั้งฉากกับพื้นที่ภาคตัดขวาง โดยพยายามจะแยกเนื้อวัสดุให้แยกขาดออกจากกัน
ความล้า (Fatigue)
เมื่อวัสดุถูกแรง ซึ่งต่ำกว่าค่าความแข็งแรงสูงสุด (Ultimate Strength) มากระทำกลับไปกลับมาซ้ำ ๆ กันก็อาจจะเกิดการแตกหักขึ้นได้ เนื่องจากเกิดความล้าหรือ Fatigue ขึ้น ความล้าที่เกิดในวัสดุนี้ เป็นสาเหตุใหญ่ของการเสียหายของชิ้นส่วนเครื่องจักรต่าง ๆ เพราะตลอดอายุงานของเครื่องจักร เช่น เครื่องยนต์ สวิตช์รีเลย์ ฯลฯ จะต้องเกิดความเค้นสลับไปสลับมาเป็นล้าน ๆ ครั้ง ทำให้เกิดการล้าขึ้นในชิ้นส่วนต่าง ๆ ของมันได้ ขบวนการเกิดความล้าที่แท้จริงยังไม่เป็นที่เข้าใจดีนัก แต่จากการศึกษาพบว่า ความล้าจะเกิดเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกจะเกิดรอยแตกขึ้น เมื่อมีความเค้นรวมศูนย์ (Stress Concentration) ในบริเวณนั้น และในระยะที่สอง เมื่อมีความเค้นซ้ำไปซ้ำมารอยแตกนี้ก็จะโตขึ้นเรื่อย ๆ จะมีพื้นที่ภาคตัดขวางของวัสดุลดลง จนกระทั้งแรงกระทำต่อหน่วยพื้นที่สูงกว่าค่าความแข็งแรงสูงสุด วัสดุก็จะแตกหักจากกัน
ถ้าเรากำหนดจำนวนรอบของความเค้นที่ทำซ้ำไปซ้ำมาแล้ว (โดยปกติจะใช้ที่ค่า 106 รอบ) ค่าความเค้นที่จะทำให้วัสดุแตกหักได้ที่จำนวนรอบของความเค้นรอบนั้น ๆ เราเรียกว่า Fatigue Strength สำหรับโลหะโดยเฉพาะพวกเหล็ก จะมีค่าความเค้นอยู่ค่าหนึ่ง ซึ่งถ้าใช้ความเค้นต่ำกว่านี้แล้ว ไม่ว่า จำนวนรอบของแรงกระทำจะเป็นเท่าใด วัสดุจะไม่แตกออก ค่าความเค้นนี้เรียกว่า Endurance Limit
ความแข็ง (Hardness) ความแข็งเป็นความต้านทานการเจาะทะลุ (penetration) หรือการเสียดสี (Abrasion) ของวัสดุ ความแข็งของวัสดุเกี่ยวพันกับการจับตัวของอะตอมและโมเลกุลภายในเนื้อวัสดุ เช่นเดียวกันกับความแข็งแรง ดังนั้นความแข็งมักจะเพิ่มเมื่อวัสดุมีความแข็งแรงสูงขึ้นนั่นคือ พวกโลหะและเซรามิคจะแข็งกว่าพวกโพลีเมอร์
คุณสมบัติที่สำคัญของเหล็กกล้าเครื่องมือ ความสามารถในการชุบแข็ง (Hardenability) คือ คุณสมบัติที่เหล็กกล้าที่บ่งถึงความยาก-ง่ายในการชุบแข็งและความลึกของเหล็กที่แข็งขึ้นจากการชุบแข็ง (quenching) คุณสมบัตินี้จะขึ้นกับส่วนผสมทางเคมีและขนาดของเกรนของเหล็กกล้า โดยเหล็กกล้าที่มีความสามารถในการชุบแข็งสูง จะสามารถทำการชุบแข็งได้ง่ายด้วยลม แต่ถ้าเหล็กกล้ามีความสามารถในการชุบแข็งต่ำ การชุบแข็งด้วยลมจะไม่สามารถทำให้ได้เฟสมาร์เทนไซต์ จึงอาจต้องทำการชุบแข็งด้วยน้ำหรือของเหลวอื่น ซึ่งจะมีผลต่อการบิดตัวของชิ้นงานที่ทำการชุบ คุณสมบัตินี้เพิ่มขึ้นตามปริมาณธาตุผสม ดังนั้น การทำให้ได้ชิ้นงานที่มีความแข็งสูงตลอดชิ้น หรือสามารถชุบแข็งได้ลึก จึงควรเลือกใช้เหล็กกล้าที่มีธาตุผสมสูง โดยโคบอลต์เป็นเพียงธาตุเดียวที่ลดคุณสมบัตินี้
ความเหนียว (Toughness) คือ ความสามารถในการรับพลังงานของวัสดุก่อนที่จะเกิดการแตกหัก เหล็กกล้าเครื่องมือที่ถือว่า มีคุณสมบัติด้านความเหนียวที่ดี คือ กลุ่มที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ หรือปานกลาง คุณสมบัตินี้จำเป็นสำหรับการใช้งานในสภาวะที่ต้องรับแรงกระแทก
ความทนต่อการเสียดสี (Wear resistance) คือ ความสามารถทนต่อการถูกขัดสี ซึ่งรวมถึงการเสียดสีของคมตัดด้วย คุณสมบัตินี้จะเกี่ยวข้องกับความแข็งของเหล็ก และปริมาณคาร์ไบด์ที่ไม่ละลาย (คาร์ไบด์ที่ไม่สลายตัว เมื่อมีการใช้งานในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูง) โดยหากเหล็กกล้าเครื่องมือมีความแข็งสูงก็จะทนการเสียดสีได้ดี หรือหากมีคาร์ไบด์ที่ไม่ละลาย (แม้อุณหภูมิสูง) ก็จะทำให้ทนการเสียดสีได้ดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจากคาร์ไบด์จะมีความแข็งสูง
การรักษาความแข็งไว้ได้ที่อุณหภูมิสูง (Red-hardness) เป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการใช้งานเหล็กกล้าเครื่องมือที่ต้องได้รับความร้อนจนมีอุณหภูมิสูงกว่า 480 °C โดยธาตุผสมที่ทำให้เกิดคาร์ไบด์ที่เสถียรจะช่วยปรับปรุงคุณสมบัตินี้ ซึ่งจะทำให้เหล็กกล้าเครื่องมือไม่อ่อนลง (ความแข็งลดลง) อันเนื่องมาจากผลของความร้อนในขณะใช้งานที่อุณหภูมิสูง หรือในขณะทำการอบคืนตัว (tempering)
ความสามารถในการกลึงไส (Machinability) คือ ความสามารถของโลหะที่จะกลึงไส ตก แต่งได้ง่าย และมีผิวที่เรียบภายหลังการกลึงไส
ความต้านทานการสูญเสียคาร์บอน (Resistance to decarburization) การสูญเสียคาร์บอน ซึ่งจะเกิดเมื่ออบเหล็กที่อุณหภูมิสูงกว่า 704 °C (1300°F) เป็นผลให้ความแข็งที่ได้ภายหลังการชุบแข็ง ต่ำลง เหล็กกล้าเครื่องมือที่มีคุณสมบัตินี้ต่ำจะต้องมีวิธีป้องกัน/ควบคุมบรรยากาศในการอบชุบความร้อนเพื่อไม่ให้ชิ้นงานสูญเสียคาร์บอนโดยเฉพาะที่ผิว สำหรับเหล็กกล้าเครื่องมือที่มีคาร์บอนเป็นส่วนผสมหลักจะสามารถต้านทานการสูญเสียคาร์บอนได้ดี
การไม่เปลี่ยนรูปร่างหรือขนาด (Non deformation properties) คุณสมบัตินี้สัมพันธ์กับความสามารถในการชุบแข็ง โดยทั่วไปเหล็กกล้าที่สามารถชุบแข็งได้ด้วยลมจะมีการบิดตัวน้อยที่สุด เหล็กกล้าที่ทำการชุบแข็งด้วยน้ำมันทำให้เกิดการบิดตัวปานกลาง และเหล็กกล้าที่ทำการชุบแข็งด้วยน้ำทำให้เกิดการบิดตัวสูงที่สุด ดังนั้นในการออกแบบเลือกเหล็กกล้าเครื่องมือจะต้องคำนึงถึงคุณสมบัติด้านนี้ด้วย
อิทธิพลของธาตุผสมต่อคุณสมบัติของเหล็กกล้าเครื่องมือ คาร์บอน (C) เป็นธาตุผสมสำคัญของเหล็กกล้าเครื่องมือ จะมีผลต่อคุณสมบัติเชิงกลหลายประการ โดยช่วยเพิ่มความแข็ง ความเค้นแรงดึง ความสามารถในการชุบแข็ง แต่จะลดคุณสมบัติความเหนียว และการยืดตัวของเหล็ก นอกจากนี้คาร์บอนจะรวมตัวกับธาตุผสมตัวอื่น เช่น โครเมียม โมลิบดินั่ม ทังสเตน และฟอร์มตัวเป็นคาร์ไบด์ด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณสมบัติในการใช้งานต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น เช่น ความสามารถในการชุบแข็ง ความทนต่อการเสียดสี การรักษาความแข็งไว้ได้ที่อุณหภูมิสูง เป็นต้น
ติดต่อ.........
บริษัท เอเชี่ยนพลัส ซัพพลาย จำกัด
ที่อยู่ :234/7 หมู่ 7 ถ.สุขุมวิท ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ 10280
Tel. 087-6039752 02-1863711 02-1863713
Fax.02-1863712
E-Mail : asianplussupply@hotmail.com