Alkaline Water Living Water (มีจำหน่ายแล้ว)

น้ำดื่มอัลคาไลค์ Alkaline Water คือ น้ำดื่มที่สะอาดมีสภาพน้ำค่าความเป็นด่าง ช่วยรักษาโรค ลดความอ้วน ป้องกันโรคมะเร็ง มีแร่ธาตุสารอาหารที่ร่างกายต้องการ ไม่ว่า จะเป็น แคลเซียม โซเดียม แมกนี่เซียม และโปรแทสเซียม ผสมอยู่ในน้ำ และจะต้องไม่มีแร่ธาตุจำพวกโลหะหนักผสมอยู่

น้ำที่ได้ควรจะต้องมีโมเลกุลขนาดเล็ก เพื่อสะดวกต่อการที่ร่างกายจะนำไปใช้งานในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อชำระล้างของเสียออกจากร่างกายตามทางออกต่างๆ ไม่ว่า จะเป็นทางเป็นทางเหงื่อ ทางปัสสาวะ ได้สะดวกยิ่งขึ้น หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า การทำดีท็อคร่างกายนั่นเอง

สำหรับผู้ที่ได้ดื่มน้ำอัลคาไลค์เป็นประจำ ร่างกายจะสามารถดูดซึ่มได้ดีกว่าน้ำดื่มประเภทอื่นๆ อยู่หลายเท่า จะทำให่ร่างกายไม่เกิดภาวะขาดน้ำ ในการนี้ทางการแพทย์ได้มีมีการวิจัยแล้วว่า เชื้อมะเร็งเกิดขึ้น และเติบโตได้ดีในสภาพที่เป็นกรด ซึ่งมักเกิดแฝงมาจากอาหารการกินของเราเองจำพวก แป้ง เนื้อสัตว์ และอื่นๆ ที่เรารู้เท่าไม่ถึงการ ร่างกายเราปรับสภาพไม่ทัน

ทำไมร่างกายถึง ต้องการน้ำที่เป็นด่าง?

• ระบบโลหิตของมนุษย์เราต้องการฤทธิ์ด่าง ตามปกติเลือดของคน มีค่า pH 7.35 – 7.45 นั่นคือด่างอ่อนๆ ถ้า pH ในเลือดต่ำกว่า 7.3 คนไข้จะเริ่มมีอาการสภาวะกรดเป็นพิษในเลือด (Acidosis) และถ้าต่ำกว่า 7.0 จนไปถึง 6.8 (กรด) คนไข้จะหมดสติและอาจตายได้ถ้าไม่รีบแก้ไขให้ทันท่วงที
• น้ำอัดลมนั้นมีค่าความเป็นกรด สูงถึง pH 2.5 นอกจากนี้อาหารในยุคปัจจุบันชนิดอื่นๆ เช่น อาหาร Fast Food ยังมีฤทธิที่เป็นกรดอีกด้วย เพราะฉะนั้น เราจึงต้องดื่มน้ำที่มีค่าความเป็นด่าง เพื่อไปลดความเป็นกรดจากอาหารและน้ำอัดลมที่เราทานเข้าไป คุณรู้หรือไม่ว่า เมื่อคุณดื่มน้ำอัดลม 1 ขวด คุณจะต้องดื่มน้ำแร่ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ ขนาดเท่ากัน 2 ขวดจึงจะดึงเลือดให้กลับมาสมดุลอย่างเดิมได้
• ร่างกายต้องการความเป็นด่างโดยดึงแคลเซียมจากกระดูก แต่ถ้าร่างกายได้อาหารที่มีลักษณะเป็นด่าง ก็จะทำให้เลือดไม่ต้องไปขอยืมแร่ธาตุ (แคลเซียม และ แมกนีเซียม) ออกจากร่างกายเพื่อสร้างสภาวะสมดุลของร่างกาย (Homeostasis) ดังนั้นร่างกายก็จะไม่สึกหรอ และทรุดโทรม สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง

ดังนั้นเครื่องทำน้ำดื่มอัลคาไลค์จึงได้มีความจำเป็นในการดื่มเข้าไปในร่างกายเพื่อที่จะได้ช่วยลดสภาพความเป็นกรดในร่างกายให้ดียิ่งขึ้นๆ ไป และในน้ำดื่มอัลคาไลค์ที่ดีควรมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
ค่า pH 2.0 คุณสมบัติสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และเชื้อโรคต่างๆ เหมาะแก่การใช้ทำความสะอาดแผลสด แผลกดทับ แผลเรื้อรัง ทำความสะอาด จาน ช้อนก่อนใช้รับประทาน กำจัดเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยง และใช้เป็นน้ำยาบ้วนปาก

คุณสมบัติและการใช้ประโยชน์จากค่า Ph ที่แตกต่าง

ค่า pH 4.0-5.5 คุณสมบัติค่า pH 5.5เป็นนำสะอาดมีค่าเหมาะสมกับผิว โทนเนอร์ และเครื่องสำอาง
มีความอ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับการล้างหน้า ล้างผม หรือใช้สำหรับลวกเส้นบะหมี่ สปาเกตตี้ จะทำให้เส้นมีความเหนียวนุ่มมากขึ้น

ค่า pH 7.00 คุณสมบัติเป็นน้ำปราศจากสิ่งปนเปื้อนไม่มีคลอรีนใช้สำหรับรับประทานยา หรือชงนมให้ทารก

ค่า pH 8.5-10.0 น้ำมีคุณสมบัติเป็นด่างอ่อน หรือ Alkaline Water เป็นน้ำดื่มที่มีผลดีต่อสุขภาพ ลดความเป็นกรดและสร้างภาวะสมดุลให้กับโลหิต มีคุณสมบัติเป็นโมเลกุลที่เล็กมีความสามารถในการดูดซึม นำพาสารอาหารและขจัดของเสียออกจากเซลล์ได้ดี อีกทั้งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และจะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ (Free Radical) ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการเจ็บป่วยและความชรา และทำหน้าที่ บริจาคอิเลคตรอนประจุลบที่ขาดหายไปให้อนุมูลอิสระ คืนสภาพสู่สภาพวะปกติ เพื่อหยุดปฏิกิริยาลูกโซ่วงจรที่ทำลายเซลล์ในร่างการ และหากน้ำมาประกอบอาหาร จะได้รสชาติอาหารที่เข้มข้น อร่อยยิ่งขึ้น ถ้านำมาชงกาแฟ ก็จะได้รสชาติและกลิ่นหอมที่เข้มข้นมากขึ้นอีกด้วย
ค่า pH. 11.0+ คุณสมบัติ มีค่าความเป็นด่างสูง ไม่เหมาะสำหรับการดื่ม ใช้สำหรับการทำความสะอาด, ล้างจานเครื่องครัวต่างๆ ใช้เช็ดคราบมันที่ติดตามพื้นกระเบื้อง และเครื่องครัว ใช้ล้างผักผลไม้เพื่อชำระล้างสารเคมี ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงที่ติดมากับพืชผัก

รู้จักน้ำที่เราดื่ม
1.น้ำประปา : ปัจจุบันน้ำมีความสะอาดมากกว่าเมื่ออดีตมากๆ เพราะมีสารคลอรีนที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียอยู่ แต่สารคลอรีนนี้หากมีการโดนความร้อน หรือผ่านการต้ม ก็จะเกิดสารพิษที่ชื่อ ไตรฮาโลมีเทน (TRIHALOMETHANES-THM) ที่ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็งลำไส้, ความจำเสื่อม, ความดันโลหิต และโลหิตจาง เป็นต้น

2.น้ำ RO (รีเวอร์สออสโมซิส) : น้ำกลั่นบริสุทธิ์ ที่มีความสะอาดและบริสุทธิ์มาก ๆ จากการกรองจนได้น้ำที่ไม่มีการปนเปื้อนของสารต่าง ๆ เลย แม้ แต่เกลือแร่ที่อยู่ในน้ำก็โดนกรองไปด้วย ฉะนั้น RO จึงเป็นน้ำที่เหมาะกับอุตสาหกรรมมากกว่าที่คนเราจะดื่ม เพราะ คนเรา ต้องการเกลือแร่มาบำรุงร่างกาย

มาตรฐานน้ำดื่มของเมืองไทย มีอยู่ 2 ข้อ

1.น้ำดื่มทั่วไป : ต้องไม่มีการปนเปื้อนของสารพิษ,โลหะหนัก และเชื้อโรค รวมทั้งต้องมีวิตามิน หรือเกลือแร่ไม่เกินจำนวน...........
3. น้ำแร่ : ต้องไม่มีการปนเปื้อนของสารพิษ,โลหะหนัก และเชื้อโรค รวมทั้งต้องมีวิตามิน และเกลือแร่ ไม่ต่ำกว่าจำนวน.........
ฉะนั้น RO จึงจัดเป็นน้ำดื่มทั่วไปได้ เพราะผ่านคุณสมบัติทั้ง 2 ข้อ (ไม่มีทั้ง 2 ข้อ)

มะเร็ง

เป็นที่ทราบกันว่า chemotherapy เป็นวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่วงการแพทย์ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน สถาบัน John Hopkins ได้ออกแถลงการเกี่ยวกับโรคมะเร็งว่า ทุกคนมีเชื้อมะเร็งอยู่ในตัวเอง เชื้อมะเร็งจะไม่ปรากฏอาการจนกว่าจะมีเชื้อมากพอที่จะออกอาการ เมื่อแพทย์บอกข่าวดีแก่คนไข้ว่า เขาหายจากโรคมะเร็งแล้ว นั่นก็หมายความว่า เชื้อมะเร็งมีน้อยเกินไปที่จะสามารถค้นหาได้

ในชีวิตคนเราเชื้อมะเร็งจะปรากฏตัว 6-10 ครั้ง เชื้อมะเร็งจะพ่ายแพ้ต่อบุคคลที่มีสุขภาพที่ดี ซึ่งหมายถึงคนที่มีภูมิต้านทานโรคสูงเมื่อบุคคลเป็นมะเร็ง เขาผู้นั้นมีความบกพร่องทางการรับประทานอาหารตามกระแสนิยมในยุคปัจจุบัน หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาในข้อที่4 เขานั้นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร และใช้อาหารเสริม [ ซึ่งรวมถึงดื่มน้ำ(ด่าง) ต้านอนุมูลอิสระ]Chemotherapy เป็นกระบวนการทำลายเซลมะเร็งที่กำลังเจริญเติบโต และในเวลาเดียวกันเซลที่ดีก็จะถูกทำลายด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซลที่ถูกทำลายคือเซลไขกระดูกและในเวลาเดียวกันอวัยวะ เช่น ตับ ไต หัวใจและปอดก็จะเสื่อมลง การฉายรังสีก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง ถึงแม้ว่า เชื้อมะเร็งจะถูกทำลาย แต่เซลที่ดี เนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆ ก็จะถูกทำลายลงด้วยถึงแม้ว่าวิธีการรักษามะเร็งด้วยวิธีทั้งสองที่ได้กล่าวมาข้างต้นจะลดอาการของโรคมะเร็ง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะสามารถรักษาเชื้อมะเร็งทั้งหมดได้ ทั้ง 2 วิธีที่ใช้รักษาโรคมะเร็งดังกล่าวอาจจะทำให้ภูมิต้านทานโรคลดน้อยลงหรือดื้อต่อเชื้อมะเร็ง ซึ่งทำให้การรักษาด้วย 2 วิธีดังกล่าวไม่ได้ผลการใช้วิธีดังกล่าวรักษาโรคมะเร็งอาจจะทำให้เชื้อมะเร็งดื้อหรือต่อต้าน

วิธีของการรักษา
การผ่าตัดที่มักนิยมใช้เพื่อกำจัดเชื้อมะเร็งอาจจะทำให้เซลมะเร็งแผ่กระจายไปยังเซลที่ดี
วิธีการที่ดีในการป้องกันโรคมะเร็งคือการที่เราไม่เลี้ยงเชื้อมะเร็งด้วยอาหารที่มีแนวโน้มที่จะก่อมะเร็งในร่างกาย ซึ่งอาหารดังกล่าวได้แก่ อาหารประเภทที่ม่น้ำตาล ไม่ว่า จะเป็นน้ำตาลธรรมชาติหรือน้ำตาลเทียม (อัสพารฺเทม- Aspartame- เป็นสารน้ำตาลเทียมทางเคมีที่ถูกประกาศว่า เป็นสารอันตรายที่อาจจะก่อให้เกิดโรคมะเร็ง) ถ้าต้องการความหวานที่ ปริมาณไม่มากจนเกินไปอาจจะใช้น้ำผึ้งธรรมชาติแทนน้ำตาลได้และในทำนองเดียวกันควรบริโภคเกลือที่ไม่ฟอกสี เช่นเกลือทะเลนมที่เราเคยถูกส่งเสริมให้ดื่มนั้นถือว่า เป็นอาหารเลี้ยงเชื้อมะเร็ง เพราะว่านมก่อให้เกิด ‘มูก’ ในระบบทางเดินย่อยอาหาร และ ‘มูก’ เป็นอาหารที่เชื้อมะเร็งชอบ ดังนั้น เนื่องจากนมเป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่ดี และแหล่งอาหารโปรตีนที่สามารถใช้ทดแทน ‘นม’ ที่ได้มาจากสัตว์คือน้ำนมถั่วเหลือง
เนื่องจากเชื้อมะเร็งเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะแวดล้อมของร่างกายที่มีสภาพเป็นกรด ดังนั้นควรลด (หรือถ้าเป็นไปได้ควรงด)อาหารประเภทเนื้อ รวมไปถึงถึงเนื้อหมู ส่วนเนื้อ (อก) ไก่ควรรับประทานได้ แต่พอประมาณ เนื่องจากวิธีการเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบันมีการใช้ยาปฏิชีวนะ และฮอรฺโมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโต ซึ่งนับว่า อันตรายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนไข้ที่อยู่ในระหว่างการบำบัดโรคมะเร็ง หรือผู้ที่ไม่รู้ตัวว่า ตนเองเป็นมะเร็ง ดังนั้นอาหารแนะนำคืออาหารประเภทปลาควรมาแทนที่เนื้อต่างๆ

เพื่อที่จะให้ร่างกายได้รับอาหารที่ร่างกายสามารถปรับตัวให้อยู่ในสภาพความเป็นด่าง 80 เปอรฺเซนต์ของอาหารที่เรารับประทานควรประกอบด้วยผักสด ธัญพืช ลูกนัท หรือเมล็ดของพืชเช่นเมล็ดฟักทอง เมล็ดดอกทานตะวัน และผลไม้ต่างๆ ส่วนอีก 20 เปอรฺเซนต์ที่เหลือเป็นอาหารปรุงสุกจากผักสดรวมทั้งจำพวกถั่วต่างๆ น้ำคั้นจากผักเป็นแหล่งของเอ็นไซมฺที่สามารถถูกดูดซึมเข้าในระบบได้ง่ายเพื่อไปหล่อเลี้ยงเซล และเนื้อเยื่อได้เร็วภายใน 15 นาที นอกจากนั้นควรรับประทานผักสดมากๆ ทุกวัน วันละ 2-3 ครั้ง (ความร้อนที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียสจะทำลายเอ็นไซมฺโดยสิ้นเชิง
ควรงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟน เช่น ชา กาแฟ และชอคโกแลตเป็นต้น และควรดื่มชาเขียวแทน เพราะชาเขียวมีคุณสมบัติในการต่อต้านโรคมะเร็ง นอกจากนั้นควรดื่มน้ำที่สะอาดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแทนที่จะเป็นน้ำประปา เพราะน้ำประปาอาจจะมีสารจำพวกโลหะหนักที่เป็นอันตรายปนเปื้อนหลงเหลือ หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่สะอาดเกินไปที่ไม่มีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเช่นน้ำกลั่นเป็นต้น
เหตุผลที่ควรลด/งดรัประทานเนื้อเนื่องจากอาหารประเภทเนื้อย่อยยาก เนื้อที่ยังอาจจะยังไม่ถูกย่อยจนหมดจะค้างอยู่ในระบบย่อยอาหารจะเกิดการบูดเน่าและก่อให้เกิดการหมักหมมของสารพิษต่างๆ
เนื่องจากผนังเซลของเซลมะเร็งถูกเคลือบด้วยโปรตีน ดังนั้นการลด/งดบริโภคอาหารประเภทเนื้อและบริโภคผักและผลไม้แทนจะทำให้เอ็น ไซมฺจากผักทำลายโปรตีนที่เคลือบติดผนังเซลของเซลมะเร็ง
อาหารเสริมจำพวกวิตามินต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิตามิน อี จะสามารถช่วยต่อต้านมะเร็งโดยกระบวนการช่วยขจัดเซลที่ตายออกจากร่างกายเนื่องจากอารมณ์ของมนุษย์เรามีอิทธิพลต่อสุขภาพที่ดี ดังนั้นควรมอง
โลกในแง่ที่ดี การทีเรามีความเครียด หรือความอิจฉาริษยา ความโกรธแค้นในตัวเราจะเป็นการเพิ่มสภาวะความเป็นกรดในตัวเรา และสภาวะความเป็นกรดของร่างกายเรานี้จะทำให้เชื้อมะเร็งฟักตัวได้ง่าย ดังนั้นควรฝึกตัวเองให้มองโลกในแง่ดี รู้จักให้อภัย ปลูกฝังความรักในตัวเราและรู้จักผ่อนคลาย และให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง

เนื่องจากเซลมะเร็งไม่สามารถเติบโตในสภาวะของร่างกายที่มีปริมาณออกซิเจนสูงดังนั้นควรออกกำลังกายพอประมาณอย่างสม่ำเสมอ หรือใช้วิธีที่สามารถนำเอาออกซิเจนเข้าในระบบของร่างกาย เช่นฝึกการหายใจลึกๆ หรือฝึกโยคะเป็นต้น

ข้อแนะนำเพิ่มเติม เราคงเคยได้ยินเกี่ยวกับสารอันตรายชื่อ ‘ไดออกซิน – Dioxin’ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งเต้านมในสตรีเราสามารถหลีกเลี่ยงการเกิดสาร ไดออกซินโดยไม่ใส่น้ำในขวดพลาสติคแล้วนำเข้าแช่ในช่อง ฟรีซ (Freezer) เพราะในสภาพความเย็นจนแข็งของน้ำจะทำให้ขวดพลาสติคปล่อยสาร ไดออกซินออกมาดร. เอดเวอรฺต ฟูจิโมโตะ (Dr. Edward Fujimoto) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพของโรงพญาบาล แคซซึล (Castle Hospital) กล่าวถึงอันตรายในการใช้เตาไมโครเวฟอุ่นอาหารที่ถูกบรรจุอยู่ในภาชนะโฟม โดยเพาะอย่างยิ่งอาหารที่เป็นจำพวกไขมัน ดร.ฟูจิโมโตะยังกล่าวโดยให้เหตุผลต่อไปว่า ไขมันที่อยู่ในอาหารเมื่อร้อนขึ้นจะทำปฏิกริยากับภาชนะ โฟมและจะปล่อยสาร ไดออกซิน ออกมา ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดควรใช้ภาชนะแก้วหรือภาชนะเครื่องเคลือบจะปลอดภัยกว่า ในบางโอกาสเราอาจจะสังเกตุเห็นมีการใช้กระดาษแข็ง(ขาว)เป็นภาชนะใส่อาหารแทนภาชนะโฟม แต่ ดร. ฟูจิโมโตะยังมีข้อสงสัยว่า กระดาษแข็งที่ใช้เป็นภาชนะบรรจุอาหารจะมีความปลอดภัย 100 เปอร์เซนต์หรือไม่ เพราะในเนื้อกระดาษอาจจะมีการใช้สารฟอกขาว(Optical Brightener) ซึ่งเป็นสารเคมีดร. ฟูจิโมโตะยังแนะนำไม่ควรใช้เยื่อหุ้มใส (Plastic Wrap) หุ้มห่อเหนือภาชนะที่ใส่อาหารเวลาอุ่นด้วยเตาไมโครเวฟ เพราะความร้อนจะทำให้เกิดหยดน้ำเกาะอยู่ด้านในของเยื่อใสแล้วหยดน้ำที่มีสาร ไดออกซิน ปนเปื้อนก็จะหยดลงบนอาหารที่กำลังถูกอุ่นอยู่ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายจากการเกิดมะเร็งได้ด้วย

ดูเพิ่มเติม www.chanyawee.com

This is the REAL LivingWater! Don't let ANYONE trick you into believing that there is any system that comes close to Vollara's LivingWater technology. It is not an opinion, it is FACT that Vollara has THE market-leading technology.

On the left...alkaline water of 9.5 pH and a piece of steel wool. On the right...tap water and steel wool. Let them sit a few days and voilà! Your digestive problems may just be rusty pipes.