เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
กรมธนารักษ์ได้จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเนื่องในพระราชพิธีหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นพระราชพิธีในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชพิธีสำคัญพิธีหนึ่งที่มีมาตั้ง แต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งดำเนินตามแนวทางที่ทรงถือปฎิบัติตั้ง แต่ครั้งที่ยังทรงผนวกขณะที่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชสมบัติ ปรากฎตามพระบรมราชาธิบายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานไว้ในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือนความว่า "การทำบุญวันเกิดทุกๆ ปี ในเมื่อบรรจบครบรอบตามทางสุริยกาล เช่นทำกันอยู่ทุกวันนี้เกิดขึ้นโดยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยทรงทำเป็นต้นเดิมมา แต่ยังทรงผนวชใช่ว่า ตามอย่างจีนหรือตามอย่างฝรั่ง ด้วยทรงพระราชดำริเห็นว่า การมีอายุมาถึงบรรจบครบรอบปีไม่ตายไปเสียก่อนเป็นลาภอันอุดมอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ควรยินดี เมื่อผู้มารู้สึกยินดีเช่นนั้นก็ครวบำเพ็ญกุศล ซึ่งเป็นประโยชน์ตนและผู้อื่น สมกับที่มีน้ำใจยินดี และครวทำใจให้เป็นที่ตั้งแห่งความไม่ประมาท ด้วยความที่ไม่รู้ว่า จะอยู่ไปจนบรรจบครบรอบเช่นนี้อีกหรือไม่ ครวจะบำเพ็ญกุศลและหันหาสุจริตธรรม วันเกิดปีหนึ่งเป็นเครื่องเตือนใจครั้งหนึ่งให้รู้สึกว่า อายุล่วงไปใกล้ถึงต่อมรณะอีกก้าวคืนหนึ่งจะได้บรรเทาความเมาในชีวิต ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเป็นตัวอกุศลนั้นเสีย..." โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเจริญพระพุทธมนต์เลี้ยงพระเหมือนเมื่อครั้งทรงผนวชจนกระทั่งในปีพ.ศ. 2407 ซึ่งเป็นปีที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ (60 พรรษา) จึงมีการพระราชพิธีใหญ่เป็นงาน 3 วัน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ทรงจัดสร้างเหรียญตราพระมหามงกุฎทำด้วยทองคำและเงิน สำหรับพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ การพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาได้ถือปฎิบัติสืบมาโดยมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดไปตามสมัย ซึ่งในปัจจุบันมีการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาในวันที่ 5, 6 และ 7 ธันวาคม เป็นประจำทุกปี นอกจากการพระราชพิธีอย่างเป็นทางการ และการจัดงานเพื่อเฉลิมพระเกียรติโดยหน่วยงานของรัฐ เอกชน และประชานทั่งประเทศแล้ว ในปี พ.ศ. 2503 ได้ถือเอาวันที่ 5 ธันวาคมเป็นวันพ่อแห่งชาติด้วย โดยกำหนดให้ใช้ดอกพุทธรักษา ดอกไม้อันมีชื่อเป็นมงคลเป็นสัญลักษณ์แทนความดีของพ่อทุกคน สำหรับปี พ.ศ. 2530 อันเป็นปีมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ นอกจากมีการพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่อย่างเป็นทางการแล้ว ประชาชนชาวไทยทั้งภาครัฐและเอกชนตามร่วมใจถวายความจงรักภักดีและจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติโดยถ้วนหน้า ในส่วนของกรมธนารักษ์ได้จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเป็นกรณีพิเศษยิ่งใหญ่กว่าครั้งใด ๆ ที่ผ่านมา คือจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเป็นชุดใหญ่ รวม 9 ชนิดราคาด้วยกัน โดยแบ่งเป็นเหรียญชนิดทองคำ 3 ราคา คือ ราคา 6000 บาท 3000 บาท และ 1500 บาท เหรียญชนิดเงิน 3 ราคา คือ ราคา 600 บาท 300 บาท และ 150 บาท เหรียญนิกเกิล ราคา 10 บาท และเหรียญโลหะสีขาว ราคา 5 บาท และ 2 บาท ซึ่งจัดทำทั้งประเภทขัดเงาและไม่ขัดเงา
ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงฉลองพระองค์ครุยชิดวงขอบเหรียญด้านซ้ายมีข้อความว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" ด้านขวามีข้อความว่า "รัชกาลที่ ๙"
ด้านหลัง กลางเหรียญมีพระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านล่างมีข้อความบอกราคา ชิดวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า "มหามงคลพระชนมพรรษา ๖๐" เบื้องล่างมีข้อความว่า "๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ ประเทศไทย" มีลายดอกประจำยามคั่นระหว่างข้อความเบื้องบนกับเบื้องล่าง

เทียรสิริ (อ้า) ธีระชาติแพทย์
08 9366 1912/08 6889 8073/0 2512 3030 (81/113 ลาดพร้าว 15)