(ปรับโฉมใหม่เป็นแบบขวดทันสมัยกว่าเดิม)
นวัต กรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญ และลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ หลากหลายชนิด เช่น สารสะกัดจาก ส้มแขก สารสะกัดจากพริก และชาเขียว ปรับโฉมใหม่จากแบบกล่อง (สีส้ม) เป็นแบบขวดทันสมัย พกพาสะดวก
ผอม สวย หุ่นดี ด้วยวิธีง่าย ๆ เห็นผลไว ปลอดภัย ด้วยสารสะกัดจากธรรมชาติ 100%มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพและความปลอดภัย ผลิตภัณมี อ.ย. ,เครื่องหมายฮาลาน และ GMPที่สุดแห่งนวัตกรรมความงาม ที่คุณสัมผัสได้จริง
ส่วนประกอบที่สำคัญ ทั้งหมด 9 ชนิด ของ Mee Shape (มีเชฟ)
สารสกัดจากโสม (Ginseng Extract) 100 มก.
แอล-คาร์นิทีน แอล-ทาเทรท (L-Carnitine L-tartrate) 100 มก. (ให้ แอล-คาร์นิทีน 68.2 มก.)
สารสกัดจากส้มแขก 75% เอช ซี เอ (Garcenia Extract 75% HCA) 100 มก.
ผงชะเอมเทศ (Glycyrrhiza Glabra Powder) 75 มก.
สารสกัดจากพริก (Capsicum Extract) 60 มก.
โคเอนไซม์ คิว เท็น (Coenzyme Q10) 29 มก.
สารสกัดจากกระบองเพชร (Cactus Extract) 25 มก.
สารสกัดจากขิง (Ginger Extract) 20 มก.
โครเมียม อมิโน แอชิด คีเลต (Choromium Amino Acid Chelate) 1 มก. (ให้ โครเมียม 20 ไมโครกรัม)
น้ำหนักสุธิ 500 มก.
- สารสกัดจากโสม (Ginseng Extract)
อาหารเสริม โสม (Ginseng)
เป็น พืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมมากกว่า 5,000 ปีมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชนชาวจีน, ญี่ปุ่น, และเกาหลี มีความเชื่อกันว่า รากโสมสามารถรักษาได้สารพัดโรค สารสกัดจากโสมมีสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด ช่วยต้านความเครียด ช่วยฟื้นฟูและเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและช่วยชะลอความแก่
Ginseng Extract for Skin
สารสกัด จากโสม ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิต พร้อมนำพาออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ผิว และถ่ายเทของเสียออกจากเซลล์ผิว ลดการอุดตันและการสะสมของเสียภายใต้ชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง
Ginseng Extract for Men
สารสกัด จากโสมมีสรรพคุณในการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตไปยังส่วนต่างๆ ในร่างกายได้ อย่างดี ช่วยให้เนื้อเยื่อแข็งแรง ช่วยให้ผนังเซลล์ดูดซึมออกซิเจนได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กระบวนการเผาพลาญในร่างกายเพิ่มขึ้น ให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า แข็งแรง ลดอาการอ่อนเพลีย รวมทั้งในโสมยังมีองค์ประกอบที่ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่า “ไฟโตรแอนโดรเจน” ที่ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย
- แอล-คาร์นิทีน แอล-ทาเทรท (L-Carnitine L-tartrate)
แอล-คา ร์นิทีน เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ร่างกายได้รับจาก 2 ทางคือ ร่างกายสามารถสร้างเองได้ และได้รับจากการรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์
คน เอเชียจะพบแอล-คาร์นิทีน ในร่างกายน้อยกว่าคนยุโรป เนื่องจากเนื้อสัตว์ที่รับประทานส่วนใหญ่เป็นสีขาว ซึ่งมีปริมาณ แอล-คาร์นิทีน น้อยกว่าเนื้อสัตว์ชนิดสีแดง
แอล-คา ร์นิทีน ทำหน้าที่นำากรดไขมันเข้าไปเผาผลาญเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย ดังนั้นถ้าหากร่างกายได้รับ แอล-คาร์นิทีน ไม่เพียงพอ การเผาผลาญพลังงานก็จะลดลง และจะทำให้ไขมันถูกสะสมในร่างกายมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ มีอาการปวดเมื่อย อ่อนแรง และที่สำคัญคือโรคอ้วน
การ ได้รับแอล-คาร์นิทีนเสริมเข้าไป เพื่อให้ร่างกายนำไปเผาผลาญเป็นพลังงาน และเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมในปัจจุบันนี้ แอล-คาร์นิทีนมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น การควบคุมน้ำหนัก ระบบหลอดเลือดและหัวใจ ภาวะผู้มีบุตรยากในเพศชาย การออกกำลังกาย เล่นกีฬา ระบบการเผาผลาญพลังงาน ฯลฯ
- สารสกัดจากส้มแขก 75% เอช ซี เอ (Garcenia Extract 75% HCA)
มีสารสกัดสำคัญที่ชื่อว่า กรดไฮดรอกซีซิติกช่วยยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมัน และยังช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย
ผลส้มแขก (Garcenia Cambogia)
เป็น พืชพื้นบ้านดั้งเดิมของไทย นิยมนำมาประกอบอาหาร ลักษณะของผลส้มแขก จะคล้ายฟักทองขนาดเล็ก มีมากทางภาคใต้ ซึ่งมีการนำมาปรุงเป็นอาหารโดย ใช้เพิ่มรสเปรี้ยวให้อาหาร…
ได้ มีการค้นคว้าพบว่า ผล ส้มแขก มีสาร HCA หรือ Hydroxy-citric acid อยู่เป็นจำนวนมาก โดยพบว่า HCA นี้มีคุณสมบัติในการยับยั้งการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกาย และลดความอยากอาหารได้ จึงได้มีบางคนนำผลส้มแขกมาใช้ในการควบคุมน้ำหนัก
กลไก การออกฤทธิ์ของ HCA จะออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ ATP Citrate Lyase ในวงจร Kreb’s cycle (วงจรการย่อยสลายกลูโคส ของเซลร่างกาย) ทำให้ยับยั้งการนำน้ำตาล จากอาหารประเภท แป้ง ข้าว และน้ำตาล ไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามร่างกาย แต่จะนำไปใช้เป็นพลังงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่นไม่อ่อนเพลีย และ เมื่อในกระแสเลือดไม่ขาดน้ำตาล ก็จะทำให้ความรู้สึกหิวอาหารลดลง ไปด้วย ขณะเดียวกัน ก็ จะนำไปสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของไกลโคเจนที่ตับ ทำให้ร่างกายรับรู้ว่า มีพลังงานสำรองเพียงพอ ทำให้ไม่รู้สึกหิวมาก นอกจากนี้ ยังมีผลไปกระตุ้น ให้มีการดึงเอาไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นพลังงานทำให้ไขมันที่สะสมอยู่ลดลง ซึ่งจะมีผล ทำให้รูปร่างดีขึ้น
จาก การนำสารสกัดจากผลส้มแขกมารับประทานเพื่อให้น้ำหนักลดลง พบว่าน้ำหนักตัวอาจจะไม่ลดลงเร็วมากนัก ประมาณ 1 กิโลภายใน 3-4 อาทิตย์ แต่รูปร่างจะดีขึ้น เอว(พุง) ลดลง ความอึดอัดลดน้อยลง เนื่องจากไขมันมีน้ำหนักเบากว่ากล้ามเนื้อ ( แต่ถ้าร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อก็จะเกิดการอ่อนแอและโรคแทรกซ้อนได้ง่าย)
ขณะ ที่ใช้สารสกัดจากส้มแขก คุณสามารถ รับประทานอาหารได้ตามสมควร แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมันลงบ้าง และเมื่อความรู้สึกหิวน้อยลงจากการที่ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ แล้วจะทำให้ นิสัยการกินอาหารจุๆ จำนวนมากก็จะค่อยๆ ลดลง และไม่กลับมาอ้วนใหม่
ผล ส้มแขก จนถึงบัดนี้ ยังไม่พบผลข้างเคียงหรืออันตรายที่เกิดขึ้นจากการรับประทานตามขนาดที่แนะนำ แต่ไม่ว่า จะลดน้ำหนัก ด้วยวิธีใด การปรับเปลี่ยน พฤติกรรมในการกินอาหาร ควบคู่กับการออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ได้ผลเร็วและปลอดภัยกว่ายาใดๆ ทั้งหมด
- ผงชะเอมเทศ (Glycyrrhiza Glabra Powder)
ชะเอมเทศ (Glycyrrhiza glabra L.) หรือ Licorice
เป็น สมุนไพรที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย สรรพคุณพื้นบ้านใช้รากเป็นยาขับเสมหะทำให้ชุ่มคอ แก้ไอ แก้น้ำลายเหนียว แก้คอแห้ง ขับลม แก้คัน บำรุงร่างกาย ขับเลือดเน่า และเจริญ ซึ่งหทัยวาตให้สดชื่น เนื่องจากรากของชะเอมเทศพบสารสำคัญคือสาร glycyrrhizin (หรือ glycyrrhizic acid หรือ glycyrrhizinic acid) และ 24-hydroxyglyrrhizin ซึ่งสารเหล่านี้ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 50 – 100 เท่า รากชะเอมจึงถูกนำไป แต่งรสอาหาร ปรุงยาสมุนไพร หรือใช้เป็น แต่งรสหวานในขนมและลูกอม
มี รายงานว่า การรับประทานผลิตภัณฑ์จากชะเอมเทศติดต่อกันนานๆ มีผลต่อความดันโลหิต โดยพบรายงานในหญิงอายุ 31 ปีที่รับประทานฝรั่งจิ้มผงชะเอมเทศ (asam boi) ครั้งละน้อยๆ จนถึง 3 ช้อนโต๊ะ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันนาน 6 สัปดาห์ ชายสูงอายุวัย 70 ปี ที่รับประทานลูกอมชะเอมเทศวันละ 60 – 100 ก. (เม็ดละ 2.5 ก. พบ glycyrrhizic acid 0.3% ต่อเม็ด) ทุกวันเป็นเวลา 4 – 5 ปี หญิงสูงอายุที่รับประทานยาระบายที่มีส่วนผสมของชะเอมเทศ วันละ 2 ครั้ง (ได้รับ glycyrrhizic acid 94 มก./วัน) และหญิง 2 รายที่รับประทานหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของชะเอมเทศติดต่อกันทุกวัน (รับประทาน glycyrrhizic acid เฉลี่ยวันละ 50 มก.) ทุกรายถูกนำส่งโรงพยาบาลเนื่องจากมีค่าความดันโลหิตสูง (190 – 200/120 มม.ปรอท) ร่วมกับมีอาการปวดหัว อ่อนแรงตามข้อต่อ และเมื่อตรวจวัดค่าชีวเคมีในเลือดพบว่า ทุกรายมีปริมาณโพแทสเซียมต่ำ (hypokalemia) เกิดภาวะ hypermineralocotiodism (ทำให้ระดับ aldosterone เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ร่างกายกักเก็บโซเดียมไว้มากขึ้น จนร่างกายมีน้ำเกิน เกิดอาการบวมและเพิ่มความดันโลหิต)และมีรายงานในอาสาสมัคร 37 คน ที่รับประทานยาสมุนไพรในประเทศญี่ปุ่น Shakuyaku-kanzo-To (SKT) หรือ Shosaiko-To (SST) ซึ่งส่วนผสมของชะเอมเทศขนาด 6 ก. และ 1.5 ก. ตามลำดับ พบว่า กลุ่มที่รับประทาน SKT เกิดภาวะ pseudoaldosteronism (ภาวะที่มีปริมาณฮอร์โมน aldoterone สูงกว่าปกติ) เฉลี่ยในวันที่ 35 หลังจากรับประทาน ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับ SST ผลจะแสดงออกในวันที่ 450 และเมื่อเทียบกับการรับประทานผลิตภัณฑ์อื่นจากชะเอมเทศที่มี glycyrrhizin พบว่า จะมีผลในวันที่ 210 โดยพบความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณ glycyrrhizin ว่ามีผลต่อการเกิด pseudoaldosteronism อย่างมีนัยสำคัญ และพบว่า กว่า 80% ของผู้ที่รับประทานSKT ติดต่อกันนาน 30 วัน มีผลโพแทสเซียมในเลือดต่ำเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปี จึงอาจกล่าวได้ว่า ผู้สูงอายุที่รับประทาน SKTเกิน 30 วัน เสี่ยงต่อการเกิดโพแทสเซียมในเลือดต่ำได้
- สารสกัดจากพริก (Capsicum Extract)
ไม่มีอะไรดีไปกว่า การเผาผลาญไขมัน จากพลังของสุดยอดสมุนไพรไทยที่เราเรียกกันว่า พริก
Capsicum Extract
ภายในพริกมีสารสำคัญที่ชื่อว่า แคปซิคัม (Capsicum) ซึ่งมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อสัตว์เลี้ยงลูก
ด้วยนม จึงทำให้เกิดรสเผ็ดร้อนเมื่อรับประทานพริก โดยพบสารนี้ในเนื้อเยื่อของพริกสด มากกว่าในเมล็ด
ประโยชน์
มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันเก่า และลดการสะสมไขมันใหม่จากการรับประทานอาหาร
นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มระดับการเผาผลาญอาหารโดยรวมของร่างกายดีขึ้นอีกด้วย
แหล่งที่พบในเนื้อเยื่อของพริกสดปริมาณที่แนะนำต่อวันมิได้กำหนด
หน้าที่หลัก
- เร่งการเผาผลาญไขมันเก่า
- ลดอัตราการสะสมไขมันใหม่
- ช่วยให้การเผาผลาญอาหารโดยรวมดีขึ้น
เคล็ดลับ
พริกมีถิ่นกำเนิดอยุ่ที่ประเทศ อินเดีย
ชาวอินเดียจึงผูกผันกับพริกมากว่า 5,000 ปีแล้ว
- โคเอนไซม์ คิว เท็น (Coenzyme Q10)
Coenzyme Q10 (CoQ10) คืออะไร ?
เซลล์ เป็นโครงสร้างที่สำคัญมากที่สุดของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด แต่ละเซลล์มีองค์ประกอบและสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยการนำสารอาหารเข้าไปและเปลี่ยนสารอา
ข้อแนะนำระหว่างทานมีเชฟ
1.ควรทานน้ำตามมากๆ 2.5-3 ลิตรขึ้นไป/วัน
2.ทานมีเชฟ ตามเวลาอย่างสม่ำเสมอ หากลืมทานให้ทานในขณะท้องว่าง
3.ทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ ทานมื้อเช้าอิ่ม มื้อกลางวันให้พอดี แต่มื้อเย็นทานให้น้อยลง
4.ควรระมัดระวังการรับประทานอาหารประเภทแป้ง,ไขมัน และลดปริมาณลง ปรับเปลี่ยนมาทานผักผลไม้และโปรตีนให้เพรียงพอ
5.ไม่ทานควบคู่กับนม/อาหารและเครืองดื่มที่เป็นกรด
6.หากออกกำลังกายร่วมด้วยจะช่วยลดได้ดีมากขึ้นค่ะ
7.หากเกิดอาการแพ้ให้หยุดทานทันทีแล้วทานน้ำตามมากๆ
วิธีรับประทาน
รับประทานวันละ 1-2 แคปซูลก่อนอาหารเช้าอย่างน้อย 15-30 นาที
ควรดื่มน้ำในวันละ 12-15 แก้วเพื่อช่วยในการเผาผลาญ
และขับของเสียออกจากร่างกาย จะทำให้เห็นผลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
คำเตือน :
- เด็กและสตรีให้นมบุตรไม่ควรรับประทาน
- ควรทานอาหารหลากหลาย ตรบ 5หมู ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ
เลขทะเบียน อ.ย. 12-1-08152-1-0007