ลักษณะทั้่วไปของสแตนเลส 440C,440,SUS440C,SS440,SUS440, X105CrMo17, 1.4125, SUS440C, UNS S44004 สแตนเลส AISI440C,JIS440C,Stainless SUS440C,Stainless 440C,N695,สแตนเลส N695,สแตนเลส 440,AISI440,AISI440C,Round Bar N695,430
ASTM A276 เกรดสแตนเลสเกรด 440c เป็นเหล็กกล้าไร้สนิมมาร์เทนซิติกระดับสูง ซึ่งโดยทั่วไปจะถูกจัดให้อยู่ในสภาพการอบที่มีความแข็ง Brinell สูงสุด 269 (Rc29) หรืออบและดึงเย็นที่มีความแข็ง Brinell สูงสุดที่ 285 สเตนเลสเกรด 440C มีความสามารถในการบรรลุหลังจากการรักษาความร้อนความแข็งแรงสูงสุดความแข็งและความต้านทานการสึกหรอของโลหะผสมสแตนเลสทั้งหมด ส่วนเหล็กกล้า AISI 440C ขนาดเล็กสามารถระบายความร้อนด้วยอากาศได้และส่วนน้ำมันขนาดใหญ่ก็สามารถผ่านความแข็งได้สูงสุด
เหล็กกล้า AISI 440C มีความต้านทานการกัดกร่อนที่ดีในสภาพแวดล้อมที่ไม่รุนแรงทั้งในประเทศและในอุตสาหกรรมรวมถึงน้ำจืด, สารอินทรีย์, กรดอ่อน, ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมต่าง ๆ , พร้อมกับความแข็งแรงสูง, ความแข็งและการทนทานต่อการสึกหรอเมื่ออยู่ในสภาพชุบแข็ง Linkun เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำของจีนสแตนเลสและซัพพลายเออร์เราส่วนใหญ่จัดหา 440C เหล็กกลมบาร์ แผ่นแผ่นและคอยส์
ช่วงอุปทานสำหรับ 440C สแตนเลส:
เหล็กเส้นกลม 440C: เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 มม. ~ 400 มม
แผ่นสเตนเลส 440C: ความหนา 0.1-100 x กว้าง 500-2000 มม. ยาว 1,000-6000 มม
รูปร่างเหล็กอื่น ๆ : แผ่นเหล็ก 440c, ขดลวด 440C, บาร์แบนและขนาดที่กำหนดเองสามารถใช้ได้กับคำขอ
มาตรฐานของ 440C สแตนเลสและเหล็กเกรดเทียบเท่า:
ประเทศ สหรัฐอเมริกา /BS & DIN ประเทศญี่ปุ่น มาตรฐาน ASTM A276
EN 10088 / JIS G4303 / เกรด S44004 / 440C /X105CrMo17 / 1.4125 /SUS440C
ข้อกำหนดอื่น ๆ : AMS 5630, AMS 5880, ASTM A 276, UNS S44004, W. Nr./EN 1.4125
ASTM 440C คุณสมบัติทางกลของเหล็กกล้าไร้สนิม:
อุณหภูมิแบ่งเบา (° C)
แรงดึง (MPa)ความแข็งแรงของผลตอบแทน 0.2% หลักฐาน (MPa)
การยืดตัว (% in 50mm) ความแข็ง Rockwell (HRC)
ผลกระทบ Charpy V (J)คุณสมบัติทางกายภาพ เกรด
ความหนาแน่น (kg / m3) / โมดูลัสยืดหยุ่น (GPa)
ค่าสัมประสิทธิ์เฉลี่ยของการขยายตัวทางความร้อน (mm / m / ° C)
การนำความร้อน (W / mK) /ความร้อนจำเพาะ /ความต้านทานไฟฟ้า (nW.m)
การปลอมแปลงของเหล็กกล้าไร้สนิม 440C : อุ่นก่อนถึง 760oC - 820oC จากนั้นให้ความร้อนอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอที่ 1050oC - 1150oC ถือไว้จนกว่าอุณหภูมิจะสม่ำเสมอทั่วทั้งส่วนเหล็ก 440c และเริ่มการปลอมทันที อย่าทำให้ร้อนเกินไป 440c สแตนเลส เพราะอาจทำให้สูญเสียความเหนียวและความเหนียว อย่าเคลื่อนย้ายต่ำกว่า 900oC การตีขึ้นรูปที่เสร็จแล้วของ SS 440c ควรทำให้เย็นลงอย่างช้าๆ ในเตาเผาปูนขาวแห้งอุ่นหรือขี้เถ้ากับอุณหภูมิห้องและอบทันที อากาศเย็นหลังจากการปลอมอาจทำให้เกิดการแตกของเหล็ก 440c
ความสามารถในการแปรรูปของเหล็ก 440C : เหล็กกล้าไร้สนิม ASTM เกรด 440C สามารถกลึงได้ดีกับการดำเนินการทั้งหมดเช่นการกลึงและการเจาะเป็นต้นในสภาพที่ผ่านการอบอ่อน เนื่องจากปริมาณคาร์บอนสูง 440C SS ทำให้เครื่องจักรค่อนข้างจะชอบเหล็กกล้าความเร็วสูง เนื่องจากชิปมีความเหนียวและแข็งแรงผู้ม้วนและชิปเบรกจึงมีความสำคัญ
การเชื่อมเหล็กกล้าไร้สนิม 440C : เนื่องจากความสามารถในการแข็งสูงและสามารถชุบแข็งอากาศได้ง่ายสเตนเลส 440c จึงไม่ค่อยเชื่อม อย่างไรก็ตามหากจำเป็นต้องมีการเชื่อมควรอุ่นที่ 260 ° C (500 ° F) และเชื่อมรอยที่ผ่านการอบที่อุณหภูมิ 732-760 ° C (1350-1400 ° F) เป็นเวลา 6 ชั่วโมงแล้วค่อย ๆ ระบายความร้อนในเตาเพื่อป้องกัน กรอบ เพื่อให้ได้สมบัติเชิงกลในแนวเชื่อมที่ใกล้เคียงกับโลหะพื้นฐานควรพิจารณาวัสดุสิ้นเปลืองเชื่อมที่มีองค์ประกอบคล้ายกัน ไม่เช่นนั้นอาจพิจารณา AWS E / ER309
การอบชุบเหล็กกล้าไร้สนิม 440C
การทำงานที่ร้อนแรง / ทำงานเย็น / หลอมเหล็กกล้า 440C
การแบ่งเบาบรรเทาของสแตนเลส 440C / การชุบเหล็กกล้า 440C
เหล็กกล้าไร้สนิมเกรด 440C สามารถชุบแข็งได้โดยการให้ความร้อนที่ 760 ° C (1400 ° F) สามารถเพิ่มอุณหภูมิได้สูงสุดถึง 1010 ° C (1850 ° F) ตามด้วยการดับในน้ำมันอุ่นหรือเย็นในอากาศ อย่างไรก็ตามอย่าร้อนมากเกินไปเนื่องจากเมื่อไม่ได้รับความร้อนมากเกินไป
- ความต้านทานการกัดกร่อน
AISI สเตนเลส 440C มีความต้านทานการกัดกร่อนค่อนข้างคล้ายกับเกรด 410 แต่ต่ำกว่า 431 เกรดยังต่ำกว่าสเตนเลสเกรดเฟอร์ริติก 400 ชุดและสเตนเลสออสเทนนิติกทั้งหมด 300 ชุด
- การใช้งาน
ASTM 440C เหล็กกล้าถูกใช้อย่างกว้างขวางสำหรับชิ้นส่วนที่ต้องการความต้านทานการสึกหรอที่ยอดเยี่ยมรวมถึงความต้านทานการกัดกร่อนที่เหมาะสม ASTM Stainless Steel 440C มักใช้ในงานต่อไปนี้:
มีด ลูกปืนและการแข่งขัน / แม่พิมพ์และแม่พิมพ์ / ใบมีดคุณภาพสูง /ชิ้นส่วนวาล์ว, ชิ้นส่วนปั๊ม,
เครื่องมือวัด, เครื่องมือผ่าตัด /ส่วนประกอบสิ่งทอที่ทนต่อการสึกหรอ
แถบสแตนเลส 440C UNS S44004
เหล็กกล้าไร้สนิม 440C หรือที่เรียกว่า UNS S44004 มีองค์ประกอบหลักคือ .95% ถึง 1.2% คาร์บอน โครเมียม 16% ถึง 18% นิกเกิล .75% มีแมงกานีส ซิลิกอน ทองแดง โมลิบดีนัม ฟอสฟอรัส และกำมะถัน เกรด 440C เป็นสเตนเลสมาร์เทนซิติกคาร์บอนสูงที่มีความต้านทานการกัดกร่อนปานกลาง มีความแข็งแรงดี และสามารถรับความแข็งได้ดีเยี่ยม (Rc 60) และทนต่อการสึกหรอ ถือว่า ใช้ความเย็นได้เล็กน้อยโดยวิธีปฏิบัติทั่วไปและตอบสนองต่อการรักษาความร้อน
เหล็กกล้าไร้สนิมประเภท 440 หรือที่เรียกว่า "เหล็กใบมีดโกน" เป็นเหล็กกล้าโครเมียมคาร์บอนสูงที่สามารถชุบแข็งได้ เมื่อนำไปอบชุบด้วยความร้อน จะมีระดับความแข็งสูงสุดของสแตนเลสเกรดใดๆ Type 440 Stainless Steel ซึ่งมีให้เลือก 4 เกรด ได้แก่ 440A, 440B, 440C, 440F มีความต้านทานการกัดกร่อนที่ดีพร้อมกับทนต่อการเสียดสี เกรดทั้งหมดสามารถตัดเฉือนได้ง่ายในสภาวะอบอ่อน และยังมีความทนทานต่อกรดอ่อน ด่าง อาหาร น้ำจืด และอากาศ Type 440 สามารถชุบแข็งเป็นสายรัด Rockwell 58 ได้
ด้วยคุณสมบัติเด่น แต่ละเกรด เกรด 440 Stainless Steel ทั้งหมดสามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย
สแตนเลสเส้น,สแตนเลสเส้นกลม,สแตนเลสเส้นสี่เหลี่ยม,สแตนเลสแผ่น,เพลากลมสแตนเลส,สแตนเลสเส้นแบน,สแตนเลสแผ่นเรียบ,แผ่นสแตนเลส,ตัดแบ่งขายตามขนาด,สแตนเลสแท่ง,สแตนเลสแท่งกลม,สแตนเลสกลม, สแตนเลสเกรดพิเศษ,สแตนเลสตัดแบ่งขาย (ร้านขายสแตนเลส สมุทรปราการ)
รับตัดสแตนเลส,แผ่นสแตนเลสตัด,เพลาสแตนเลสตัด,แบ่งขายสแตนเลส,สแตนเลสตัดพลาสม่า,สแตนเลสตัดเลเซอร์ Laser,รับตัดสแตนเลสตามแบบ (เครื่อง CNC) อลูมิเนียมอัลลอยแบ่งขาย,อลูมิเนียมตัดตามขนาดเหล็กตัดแก๊ส,เหล็กตัดเลเซอร์,รับตัดเหล็กตามแบบ,เหล็ก Finishing,ร้านรับตัดเหล็ก / ตัดแบ่งขายตามขนาด - บริการจัดส่งทั่วประเทศ
สแตนเลสสำเร็จรูป
สแตนเลสเส้น (Stainless Bar)
สแตนเลสเส้นกลม (Stainless Round Bar)
สแตนเลสเส้นสี่เหลี่ยม (Stainless Square Bar)
สแตนเลสเส้นหกเหลี่ยม (Stainless Hexagon Bar)
สแตนเลสเส้นฉาก (Stainless Angle)
เส้นแบน (Stainless Flat Bar)
แผ่น (Stainless Sheet) No. 304, 316L, 430
สแตนเลสแผ่นเรียบ (Stainless steal sheet)
สแตนเลสแผ่นลายกันลื่น Checker plate stainless steel
สแตนเลสแผ่นเจาะรู
แป๊ปสแตนเลส (Stainless Pipe) No. 304, 316L, 420
แป๊ปสแตนเลสเงา (Stainless steal solid pipe)
แป๊ปสแตนเลสด้าน (Stainless steel pipe ASTM)
แป๊ปสแตนเลสด้านมีตะเข็บ
แป๊ปสแตนเลสด้านไม่มีตะเข็บ (Seamless stainless pipe)
แป๊ปสแตนเลสกลม (Round stainless pipe)
แป๊ปสแตนเลสสี่เหลี่ยม (Square stainless steal pipe)
แผ่นสแตนเลส สแตนเลสแผ่น (Stainless Sheet) - No. 304, 316L, 430
แผ่นสแตนเลสตัดขายตามต้องการ แผ่นสแตนเลสตัดขายตามขนาด แบ่งขาย
- สแตนเลสแผ่นเรียบ (Stainless Steel Sheet) แบ่งขาย
- สแตนเลสแผ่นลายกันลื่น (Checker Plate Stainless Steel)
- สแตนเลสแผ่นเจาะรู (Stainless Steel Sheet with hole)
- ชิมสแตนเลส (Spring Stainless Sheet)
ข้อมูลทั่วไป / Overview:
ประเภทของสแตนเลส
คนโดยทั่วไปจะไม่ทราบว่า สเตนเลสมีกี่ประเภท และมักจะมีการเข้าใจผิดว่า สเตนเลสแท้ต้องแม่เหล็กดูดไม่ติด แต่จริงๆ แล้วการที่แม่เหล็กจะดูดติดหรือไม่ติดนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของสเตนเลส สเตนเลสแบ่งออกเป็นกลุ่มพื้นฐาน ได้ 5 กลุ่มคือ ออสเทนนิติค, เฟอริติค, ดูเพล็กซ์, มาร์เทนซิติค และ กลุ่มเพิ่มความแข็งโดยวิธีการตกผลึก
กลุ่มออสเทนนิติค (Austenitic) หรือสเตนเลสตระกูล 300 เป็นเกรดที่ใช้งานแพร่หลายมากที่สุดถึง 70%
มีคุณสมบัติที่แม่เหล็กดูดไม่ติด (non – magnetic) มีส่วนผสมของโครเมียม 16% คาร์บอนอย่างมากที่สุด 0.15% มีส่วนผสมของธาตุนิกเกิล 8% เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติในการทำการประกอบ(Fabrication)และเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน เกรดที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและนิยมเรียก 18/10 คือการที่มีส่วนผสมของโครเมียม 18% และนิกเกิล 10%
กลุ่มเฟอริติค (Ferritic) แม่เหล็กดูดติด(magnetic) มีธาตุคาร์บอนผสมปริมาณที่ต่ำ และมีโครเมียมเป็นธาตุผสมหลักที่สำคัญอาจอยู่ระหว่าง 10.5%-27% และมีนิกเกิ้ลเป็นส่วนผสมอยู่น้อยมากหรือไม่มีเลย
กลุ่มมาร์เทนซิติค (Martensitic) แม่เหล็กดูดติด(magnetic) มีส่วนผสมของโครเมียม 12-14% และมีธาตุคาร์บอนผสมอยู่ปานกลาง มีโมลิบดีนัมเป็นส่วนผสมอยู่ประมาณ 0.2-1% ไม่มีนิกเกิล
สเตนเลสตระกูลนี้สามารถปรับความแข็งได้โดยการให้ความร้อนแล้วทำให้เย็นตัวอย่างรวดเร็ว (Quenching)และอบคืนตัว (Tempering) สามารถลดความแข็งได้ คล้ายกับเหล็กกล้าคาร์บอน และพบการใช้งานที่สำคัญในการผลิตเครื่องตัด, อุตสาหกรรมเครื่องบินและงานวิศวกรรมทั่วไป
กลุ่มเพิ่มความแข็งโดยการตกผลึก (Precipitation hardening)เกรดที่เป็นที่รู้จักในตระกูลนี้ คือ 17-4H ซึ่งมีส่วนผสมของโครเมียม 17% และนิกเกิล 4% สามารถเพิ่มความแข็งแรงได้โดยกลไกเพิ่มความแข็งจากการตกผลึก (Precipitation hardening mechanism) โดยสามารถเพิ่มความแข็งแรงสูงมาก มีค่าความเค้นพิสูจน์ (Proof stress) อยู่ระหว่าง 1,000 ถึง 1,500 เมกาปาสคาล (MPa) ขึ้นอยู่กับชนิดและกรรมวิธีปรับปรุงคุณสมบัติด้วยความร้อน (Heat treatment)
กลุ่มดูเพล็กซ์ (Duplex) มีโครงสร้างผสมระหว่าง โครงสร้างเฟอริติค และออสเทนนิติค มีโครเมียมเป็นธาตุผสมอยู่ระหว่าง 19-28% และโมลิบดินัมสูงกว่า 5% และมีนิกเกิลน้อยกว่าตระกูลออสเทนนิติค พบว่า มีการใช้งานมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบรรยากาศแวดล้อมของคลอไรด์
สเตนเลสแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มหลัก (อีกนิยามหนึ่ง)
MARTENSITIC เป็นกลุ่มที่มีส่วนผสมของโครเมี่ยม (Cr) ระหว่าง 12 - 18% โดยมีเกรด 403, 410, 414,416, 420, 431, 416, 440A/B/C, 501 และ 502 คุณสมบัติหลักคือ สามารถชุบแข็งได้ ซึ่งส่งผลให้เนื้อสเตนเลสมีความแข็งแกร่งมากและทนต่อการเสียดสีได้ดี จึงเหมาะกับงานทำชิ้นส่วนเครื่องมือ เครื่องจักร แต่แม่เหล็กสามารถดูดติดได้
FERRITIC เป็นกลุ่มที่มีโครเมี่ยม (Cr) อยู่ระหว่าง 12 - 18% และมีคาร์บอน (C) น้อยกว่า 0.2% สเตนเลสในกลุ่มนี้มีราคาถูกที่สุด ไม่สามารถรีดให้แข็งขึ้นได้ แม่เหล็กดูดติด และไม่สามารถชุบแข็งได้ มีโอกาสเป็นสนิมได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่น หากใช้งานในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม จึงนิยมนำมาใช้งาน บางชนิดที่ไม่สัมผัสกับกรดโดยตรง เช่น ฝอยขัดหม้อ ลวดรัดสายไฟฟ้า โครงโต๊ะวางเตาแก๊ส เกรดในกลุ่มนี้มี 405, 430, 442 และ 446
AUSTENITIC เป็นกลุ่มที่นิยมใช้กันมากที่สุด โดยมีโครเมียม (Cr) 10.5 -24% เมื่อเพิ่มนิเกิ้ล (Ni) จะทำให้สเตนเลสมีคุณสมบัติทนต่อสนิมและการกัดกร่อนได้ดี สามารถเพิ่มความแข็งด้วยการรีดเย็นได้ แม่เหล็กดูดไม่ติด แต่ไม่สามารถชุบแข็งได้ เกรดในกลุ่มนี้มี 201, 202, 301, 302, 303, 304, 305, 308, 309, 310, 314, 316, 347 และ 348
DUPLEX เป็นกลุ่มที่ผสมกันระหว่า AUSTENITIC และ FERRITIC ซึ่งนำข้อดีของทั้งสองกลุ่มมารวมกันเพื่อวัตถุประสงค์ของการใช้งานเฉพาะเจาะจงบางประเภท ซึ่งไม่ค่อยมีการผลิตมากนัก
ผิวของสเตนเลส
No.1- รีดร้อนหรือรีดเย็น / อบอ่อน หรือปรับปรุงด้วยความร้อน คราบออกไซด์ไม่ได้ขจัดออก / ใช้งานในสภาพที่รีดออกมาโดยทั่วไปจะใช้งานที่ทนความร้อน
2D- สภาพผิว 2D หลังจากการรีดเย็นโดยลดความหนาลง ผ่านการอบอ่อนและการกัดผิวโดยกรดลักษณะผิวสีเทาเงินเรียบ
2B- ผิว 2D ที่ผ่านลูกรีดขนาดใหญ่กดทับปรับความเรียบ เพิ่มความเงาผิวเงาสะท้อนปานกลาง ผลิตโดยวิธีการรีดเย็น ตามด้วยการอบนำอ่อนขจัดคราบออกไซด์ และนำไปรีดเบาๆ ผ่านไปยังลูกกลิ้งขัด ซึ่งเป็นวิธีการทั่วไปของการรีดเย็น ผิวที่ได้ส่วนมากจะอยู่ในระดับ 2B
BA-ผ่านกระบวนการรีดเย็นโดยความหนาลดลงทีละน้อยๆ ผ่านการอบอ่อนด้วยก๊าซไฮโดรเจน เพื่อป้องกันกันการออกซิเดชั่นกับออกซิเจนในอากาศ ผิวมันเงา สะท้อนความเงาได้ดี ผิวผลิตภัณฑ์สเตนเลสจะกระทำด้วยวิธีนี้ ซึ่งจะมีเครื่องหมาย BA หรือ No.2BA, A ซึ่งผิวอบอ่อนเงา จะมีลักษณะเงากระจก ซึ่งเริ่มต้นจากการรีดเย็น อบอ่อนในเตาควบคุมบรรยากาศ ผิวเงาที่เห็นจะเป็นการขัดผิวด้วยลูกกลิ้งขัดผิว หรือเจียรนัยผิวตามเกรดที่ต้องการ ผิวอบอ่อนเงาส่วนมากจะใช้กับงานสถาปัตยกรรม ที่ต้องการผิวสะท้อน ผิวอบอ่อนสีน้ำนมจะไม่สะท้อนแสงเหมือนกับ No.8 จะใช้กับงานที่เป็นขอบ ชิ้นส่วนทางสถาปัตยกรรม ภาชนะในครัว อุปกรณ์ในกระบวนการผลิตอาหาร
No.4, Hair Line- สภาพผิว 2B ที่ผ่านการจัดถูด้วยกระดาษทรายเบอร์ 120-220 โดยค่าความหยาบขึ้นอยู่กับแรงกด, ขนาดของอนุภาคเม็ดทราย และระยะเวลาการใช้งานของกระดาษทราย ผิว No.4 เป็นสภาพผิวที่สนองต่อการนำไปใช้งานทั่วไป เช่นร้านอาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัว อุปกรณ์รีดนม
No.8- สภาพผิว 2B, BA ขัดด้วยผ้าขัดอย่างละเอียดมากขั้นตามลำดับ เช่น #1000, ผ้าขนสัตว์ โดยมีผงขัดอะลูมิเนียมและโครเมียมออกไซด์ ผิว No.8 ส่วนมากจะเป็นผิวเงาสะท้อนคล้ายกระจกเงา ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะเป็นสเตนเลสชนิดแผ่นโดยผิวจะถูกขัดด้วยเครื่องขัดละเอียด นำไปใช้กับงานตก แต่งทางด้านสถาปัตยกรรม และงานที่เน้นความสวยงาม
ประโยชน์ของการใช้งานสแตนเลส
•ใช้ในสิ่งแวดล้อมที่กัดกร่อน (Corrosive Environment)
•งานอุณหภูมิเย็นจัด ป้องกันการแตกเปราะ
•ใช้งานอุณหภูมิสูง (High temperature)ป้องกันการเกิดคราบออกไซด์ (scale) และยังคงความแข็งแรง
•มีความแข็งแรงสูงเมื่อเทียบกับมวล (High strength vs. mass)
•งานที่ต้องการสุขอนามัย(Hygienic condition) ต้องการความสะอาดสูง
•งานด้านสถาปัตยกรรม (Aesthetic appearance) ไม่เป็นสนิม ไม่ต้องทาสี
•ไม่ปนเปื้อน (No contamiation) ป้องกันการทำ ปฏิกิริยากับสารเร่งปฏิกิริยา
•ต้านทานการขัดถูแบบเปียก (Wet abrasion resistance)
การเลือกใช้หรือซื้อสแตนเลส
ผู้ซื้อหรือผู้ใช้ควรมีความรู้พื้นฐานสักเล็กน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้
•ความรู้เกี่ยวกับวัสดุ - ความรู้จะช่วยการตัดสินใจไม่เกิดปัญหาผิดพลาดและประหยัดราคา
•ความรู้เรื่องเกรดของวัสดุ- เลือกใช้เกรดวัสดุ ถูกต้อง ลดความเสี่ยง ช่วยลดหรือประหยัดจากการใช้วัสดุราคาแพงได้
•ความรู้ในการออกแบบ- การออกแบบที่ดีจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการประกอบ
•ความรู้ในการตก แต่งผิว- การตก แต่งผิวทำให้ดู สวยงามและมีราคาเพิ่มขึ้น
•การประยุกต์ใช้ในงานตก แต่งหรืองานเครื่องใช้ภายในบ้าน- ใช้เป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงหรือแก้ไข
•การใช้การวางแผนการผลิต - การวางแผนการผลิตจะช่วย ประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์
แผ่นสแตนเลส สแตนเลสแผ่น (Stainless Sheet) - No. 304, 316L, 430
แผ่นสแตนเลสตัดขายตามต้องการ แผ่นสแตนเลสตัดขายตามขนาด แบ่งขาย
- สแตนเลสแผ่นเรียบ (Stainless Steel Sheet) แบ่งขาย
- สแตนเลสแผ่นลายกันลื่น (Checker Plate Stainless Steel)
- สแตนเลสแผ่นเจาะรู (Stainless Steel Sheet with hole)
- ชิมสแตนเลส (Spring Stainless Sheet)
สแตนเลสเส้น (Stainless Bar)
- สแตนเลสเส้นกลม (Stainless Round Bar)
- สแตนเลสเส้นสี่เหลี่ยม (Stainless Square Bar)
- สแตนเลสเส้นหกเหลี่ยม (Stainless Hexagon Bar)
สแตนเลสแบ่งขาย แผ่นสแตนเลสแบ่งขาย เพลาสแตนเลสแบ่งขาย แผ่นสแตนเลสตัดตามแบบ
สแตนเลสตัด เพลาแผ่นสเตนเลส 304 เพลาแผ่นสเตนเลส 310S เพลาแผ่นสเตนเลส 316Lเพลาแผ่นสเตนเลส 321 เพลาแผ่นสเตนเลส 416 เพลาแผ่นสเตนเลส 420 เพลาแผ่นสเตนเลส 420J2 เพลาแผ่นสเตนเลส 431 เพลาแผ่นสเตนเลส 630เพลาแผ่นสเตนเลส 904L DUPLEX PLATE AND TUBE สเตนเลสตัด
คุณสมบัติเหล็กกล้าไร้สนิม หรือ สแตนเลส สเตนลส สแตนเลสตัดตามแบบ
สแตนเลสแบ่งขาย แผ่นสแตนเลสแบ่งขาย เพลาสแตนเลสแบ่งขาย สแตนเลสตัดตามแบบ
ปี 1872 หลังการค้นพบของ ปิแอร์ เบอร์แทร์ (Pierre Berthier) กว่า 50 ปี มีชาวอังกฤษสองคนคือ วูดส์และคลาร์ค (Woods and Clark) ได้จดสิทธิบัตรโลหะที่ทนต่อการกัดกร่อนจากสภาพอากาศและกรดเป็นครั้งแรก โดยประกอบด้วย โครเมียม 30-35 % และทังสเตน 1.5-2.0 %
สแตนเลสแบ่งขาย แผ่นสแตนเลสแบ่งขาย เพลาสแตนเลสแบ่งขาย สเตนเลสตัด สแตนเลสตัดตามแบบ
การผลิตโลหะทนต่อการกัดกร่อนในเชิงอุตสาหกรรมเริ่มต้นจริงๆ ในปี 1908 เมื่อบริษัท ครุปป์ไอออนเวิร์ค (Krupp Iron Works) ของเยอรมันได้นำเหล็กกล้าผสมโครเมียม-นิกเกิลมาผลิตเป็นตัวเรือเดินสมุทร นอกจากนั้น บรัษัทยังได้พัฒนาเหล็กกล้าออสเทนนิติกด้วยส่วนผสม คาร์บอน < 1% นิกเกิล < 20% และ โครเมียม 15-40 % ระหว่างปี ค.ศ. 1912-1914 สแตนเลสตัดตามแบบ
อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กกล้าทนการกัดกร่อน เพื่อการค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีความรุ่งเรื่องอย่างมากในยุคเริ่มต้นอยู่ระหว่าง ปี 1911-1913 เริ่มที่ปี 1911 เอลวูด เฮย์เนส (Elwood Haynes) ชาวอเมริการได้คิดค้นและผลิตมีดโกนหนวดไร้สนิมเป็นผลสำเร็จ โดยมีส่วนผสมของโครเมียม 14-16 % และ คาร์บอน 0.07-0.15 % ในขณะที่ แฮร์รีย์ เบรียรเลย์ (Harry Brearley) ชาวอังกฤษได้คิดค้นและผลิตลำกล้องปืนที่ทนต่อการกัดกร่อนเป็นผลสำเร็จด้วยส่วนผสมโครเมียม 6-15% คาร์บอน ประมาณ 0.2 % นอกจากนี้ แฮร์รีย์ เบรียรเลย์ ยังได้นำโลหะที่ค้นพบนี้ไปผลิตเป็น มีด กรรไกร และเครื่องครัวอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เขาได้ตั้งชื่อเหล็กกล้าที่ทนต่อากรกัดกร่อนนี้ว่า ?Rustless steel? ก่อนที่จะมาเปลี่ยนชื่อเป็น คำว่า ?stainless steel? ด้วยคำแนะนำของเออร์เนส์ท สะทูอาร์ท (Ernest Stuart) เจ้าของโรงงานผลิตพวกเครื่องใช้คัดเตอร์รีที่คิดว่า มีความไพเราะกว่าในปี 1912 ต่อมาในปี 1913 ในงานแสดงนิทรรศการที่กรุงเวียนนา แม็ค เมียวแมนน์ (Max Mauermann) ชาวโปแลนได้นำเสนอผลงานว่า เขาได้ผลิตสเตนเลสสำเร็จเป็นครั้งแรกในปี 1912 สแตนเลสตัดตามแบบ
สแตเลสตัด ผิวของสเตนเลส
No.1- รีดร้อนหรือรีดเย็น / อบอ่อน หรือปรับปรุงด้วยความร้อน คราบออกไซด์ไม่ได้ขจัดออก / ใช้งานในสภาพที่รีดออกมาโดยทั่วไปจะใช้งานที่ทนความร้อน สแตนเลสตัดตามแบบ
2D- สภาพผิว 2D หลังจากการรีดเย็นโดยลดความหนาลง ผ่านการอบอ่อนและการกัดผิวโดยกรดลักษณะผิวสีเทาเงินเรียบ
สแตนเลสแบ่งขาย แผ่นสแตนเลสแบ่งขาย เพลาสแตนเลสแบ่งขาย
2B- ผิว 2D ที่ผ่านลูกรีดขนาดใหญ่กดทับปรับความเรียบ เพิ่มความเงาผิวเงาสะท้อนปานกลาง ผลิตโดยวิธีการรีดเย็น ตามด้วยการอบนำอ่อนขจัดคราบออกไซด์ และนำไปรีดเบาๆ ผ่านไปยังลูกกลิ้งขัด ซึ่งเป็นวิธีการทั่วไปของการรีดเย็น ผิวที่ได้ส่วนมากจะอยู่ในระดับ 2B สแตนเลสตัดตามแบบ
BA-ผ่านกระบวนการรีดเย็นโดยความหนาลดลงทีละน้อยๆ ผ่านการอบอ่อนด้วยก๊าซไฮโดรเจน เพื่อป้องกันกันการออกซิเดชั่นกับออกซิเจนในอากาศ ผิวมันเงา สะท้อนความเงาได้ดี ผิวผลิตภัณฑ์สเตนเลสจะกระทำด้วยวิธีนี้ ซึ่งจะมีเครื่องหมาย BA หรือ No.2BA, A ซึ่งผิวอบอ่อนเงา จะมีลักษณะเงากระจก ซึ่งเริ่มต้นจากการรีดเย็น อบอ่อนในเตาควบคุมบรรยากาศ ผิวเงาที่เห็นจะเป็นการขัดผิวด้วยลูกกลิ้งขัดผิว หรือเจียรนัยผิวตามเกรดที่ต้องการ ผิวอบอ่อนเงาส่วนมากจะใช้กับงานสถาปัตยกรรม ที่ต้องการผิวสะท้อน ผิวอบอ่อนสีน้ำนมจะไม่สะท้อนแสงเหมือนกับ No.8 จะใช้กับงานที่เป็นขอบ ชิ้นส่วนทางสถาปัตยกรรม ภาชนะในครัว อุปกรณ์ในกระบวนการผลิตอาหาร
No.4, Hair Line- สภาพผิว 2B ที่ผ่านการจัดถูด้วยกระดาษทรายเบอร์ 120-220 โดยค่าความหยาบขึ้นอยู่กับแรงกด, ขนาดของอนุภาคเม็ดทราย และระยะเวลาการใช้งานของกระดาษทราย ผิว No.4 เป็นสภาพผิวที่สนองต่อการนำไปใช้งานทั่วไป เช่นร้านอาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัว อุปกรณ์รีดนม
No.8- สภาพผิว 2B, BA ขัดด้วยผ้าขัดอย่างละเอียดมากขั้นตามลำดับ เช่น #1000, ผ้าขนสัตว์ โดยมีผงขัดอะลูมิเนียมและโครเมียมออกไซด์ ผิว No.8 ส่วนมากจะเป็นผิวเงาสะท้อนคล้ายกระจกเงา ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะเป็นสเตนเลสชนิดแผ่นโดยผิวจะถูกขัดด้วยเครื่องขัดละเอียด นำไปใช้กับงานตก แต่งทางด้านสถาปัตยกรรม และงานที่เน้นความสวยงาม สแตนเลสตัด
แผ่นสแตนเลส สแตนเลสแผ่น (Stainless Sheet) - No. 304, 316L, 430
แผ่นสแตนเลสตัดขายตามต้องการ แผ่นสแตนเลสตัดขายตามขนาด แบ่งขาย
- สแตนเลสแผ่นเรียบ (Stainless Steel Sheet) แบ่งขาย
- สแตนเลสแผ่นลายกันลื่น (Checker Plate Stainless Steel)
- สแตนเลสแผ่นเจาะรู (Stainless Steel Sheet with hole)
- ชิมสแตนเลส (Spring Stainless Sheet)
สแตนเลสเส้น (Stainless Bar)
- สแตนเลสเส้นกลม (Stainless Round Bar)
- สแตนเลสเส้นสี่เหลี่ยม (Stainless Square Bar)
- สแตนเลสเส้นหกเหลี่ยม (Stainless Hexagon Bar)
สแตนเลสเส้น,สแตนเลสแผ่น,สแตนเลสเส้นกลม,แผ่นสแตนเลส,สแตนเลสแท่ง,ขาย,จำหน่าย,สแตนเลสเส้น สี่เหลี่ยม,เพลาสแตนเลส,สแตนเลสเพลา,แตนเลส เกรด 304,304l,316,316l,sus, Stainless steel,ตัด,แบ่งขาย,ตามขนาด
สแตนเลสตัด เพลาสเตนเลส แผ่นสเตนเลส เส้นแบนเสตนเลส ฉากสเตนเลส สเตนเลสตัด รางน้ำเตนเลส
แป๊ปสเตนเลส ท่อสเตนเลส แบ่งขาย สเตนเลสตัด
สแตนเลสแบ่งขาย แผ่นสแตนเลสแบ่งขาย เพลาสแตนเลสแบ่งขาย สเตนเลสตัด
• ค่าการนำความร้อน (Thermal conductivity)
สเตนเลสทุกชนิดจะมีค่าการนำความร้อนต่ำกว่าเหล็กกล้าคาร์บอนมาก สเตนเลสเกรดที่มีส่วนผสมโครเมียมอย่างเดียว (plain chromium steel) มีค่าการนำความร้อน +_1/3 และเกรดออสเทนนิติกมีค่าการนำความร้อน +_1/4 ของเหล็กกล้าคาร์บอน ทำให้มีผลต่อการใช้งานที่อุณหภูมิสูง เช่นมีผลต่อการควบคุมปริมาณความร้อนเข้าระหว่างการเชื่อม, ต้องให้ความร้อนเป็นระยะเวลานานขึ้น เมื่อต้องทำงานขึ้นรูปร้อน
• สัมประสิทธิ์การขยายตัว(Expansion coefficient)
สเตนเลสเกรดที่มีส่วนผสมโครเมียมอย่างเดียวมีสัมประสิทธิ์การขยายตัวคล้ายกับเหล็กกล้าคาร์บอน แต่เกรดออสเทนนิติกจะมีสัมประสิทธ์การขยายตัวสูงกว่าเหล็กกล้าคาร์บอน 1½ เท่า การที่สเตนเลสมีการขยายตัวสูง แต่มีค่าการนำความร้อนต่ำทำให้ต้องหามาตรการป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียหายที่ตามมาเช่น ใช้ปริมาณความร้อนในการเชื่อมต่ำ, กระจายความร้อนออกโดยใช้แท่งทองแดงรองหลัง, การจับยึดป้องกันการบิดงอ ปัจจัยเหล่านี้ต้องพิจารณาการใช้งานร่วมกันของวัสดุ เช่นท่อแลกเปลี่ยนความร้อน (heat exchanger) ระหว่างเปลือกโครงสร้างเหล็กกล้าคาร์บอน และท่อออสเทนนิติคเป็นต้น
• ฟิล์มป้องกันและการสร้างฟิล์ม (Passive film)
สเตนเลสจะมีฟิล์มบางๆ ต้านทานการกัดกร่อน จำเป็นต้องรักษาความสมบูรณ์ของฟิล์มป้องกัน ดังนี้
• หลีกเลี่ยงความเสียหายหรือการสัมผัสรุนแรงทางกล
• ซ่อมปรับปรุงพื้นที่ที่มีผลต่อการเสียหายเช่น บริเวณที่เกิดสะเก็ดหรือคราบออกไซด์เนื่องจากอุณหภูมิสูงใกล้ๆ แนวเชื่อม, บริเวณที่เกิดความเสียหายทางกลหรือมีการเจียระไน, มีการปนเปื้อนโดยวิธีการสร้างฟิล์มป้องกัน (passivation) อย่างเดียวหรือใช้ทั้งวิธีการแช่กรดเพื่อกำจัดคราบจากออกไซด์ (pickling) หรือ การแช่กรดหรือทาน้ำยาสร้างฟิล์มออกไซด์ (passivation) ที่ผิวเหล็กกล้าสเตนเลส
• แน่ใจว่า มีออกซิเจนเพียงพอและสม่ำเสมอที่สร้างออกไซด์ที่ผิวของ เหล็กกล้าสเตนเลสได้
• การเสียหายที่ผิวเนื่องจากการเสียดสีที่ผิวโลหะกับโลหะอย่างรุนแรง (Galling /pick up / seizing)
ผิวหน้าสเตนเลสมีแนวโน้มที่จะเกิดการเสียหายเนื่องจากการเสียดสีอย่างรุนแรง ต้องหลีกเลี่ยงและระมัดระมัดระวัง ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นดังกล่าวโดยสำหรับผิวหน้าที่มีการเสียดสีกันตลอดเวลา ควรใช้ Load หรือแรงเสียดสีต่ำสุด และต้องแน่ใจว่า การเสียดสีไม่สร้างความร้อนเกิดขึ้น ควรรักษาผิวสัมผัสไม่ให้มีการบดกับผงฝุ่น เม็ด ทรายฯลฯ และใช้น้ำมันหล่อลื่นหรือเคลือบผิว
เทคนิคการขึ้นรูป สแตนเลส
หลักการขึ้นรูป การขึ้นรูปโลหะแผ่นด้วยแรงกดเป็นวิธีหลักในการเปลี่ยนรูปโลหะให้ได้รูปร่างตามที่ต้องการ ไม่ว่า จะด้วยวิธีการที่เรียกว่า การปั้มขึ้นรูป (Pressing) การลากขึ้นรูป (Drawing) หรือ การขึงขึ้นรูป (Stretching) ด้วยใช้วิธีการอัดแผ่นโลหะให้ไปอยู่ในช่องพื้นที่ตามที่ต้องการ
เทคนิคการตัดแผ่น หรือ เจาะรูสเตนเลส สแตนเลส 310S
แผ่น สแตนเลส ตัด การตัดแผ่นเปล่า (Blanking) หรือ อาจเรียกว่าการปั้มแผ่น (Punching) หมายถึง แผ่นที่ได้จากการตัดบริเวณรอบให้ขาดจากกันในขั้นตอนครั้งเดียว
การเจาะ (Piercing) หรือ อาจเรียกว่า การเจาะรู (perforating) จะคล้ายกับการตัดแผ่นเปล่า (Blanking) ต่างกันตรงที่ ส่วนที่เป็นแผ่นเปล่าจะเป็นเศษทิ้ง และบริเวณโดยรอบจะเป็นชิ้นงาน
1.2 ขั้นตอนการตัดแผ่นเปล่า
การเจาะ (Piercing) อาจหมายถึงรูที่มีรูปร่างเหมือนแผ่นเปล่า ปกติจะพิจรณาใน 2 ขั้นตอนการทำงาน ได้แก่ การเจาะและหลุดออก ขั้นตอนการเจาะมี 6 ลำดับดังนี้
1.3 ลักษณะขอบของแผ่นเปล่า ลักษณะขอบที่ได้จากแผ่นเปล่าด้วยการตัดจากเครื่องตัดแผ่นเปล่าแบบทั่วไปจะมีลักษณะไม่เรียบโดยจะมีลักษณะเป็นขอบล้มในแนวตั้ง ซึ่งเมื่อขยายภาพตรงตำแหน่งขอบจะได้ภาพดังข้างล่าง
เกร็ดความรู้ในการใช้สเตนเลส
ค่าการนำความร้อน (Thermal conductivity) เพลากลวงสแตนเลส SUS 304 316 316L
เทคโนโลยีการตัดด้วยพลาสม่า
การตัดโลหะเป็นกระบวนการหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในวงการอุตสาหกรรม ไม่เฉพาะ แต่งานอุตสาหกรรมหนักเท่านั้น งานอุตสาหกรรมขนาดย่อม หรืองานภายในครอบครัวก็มีความจำเป็นมากเช่นกัน การตัดโลหะที่มีประสิทธิภาพยังช่วยให้งานอื่นๆ เช่น การออกแบบ ทั้งที่เป็นชิ้นส่วนของเครื่องจักรเครื่องมือ และโครงสร้างรูปแบบต่างๆ มีอิสระในการออกแบบมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องคำนึงถึงขอบเขตของรอยตัดต่างๆ ต่อไป นอกจากนั้นยังช่วยให้งานซ่อมแซม ดัดแปลงหรืองานอดิเรกอื่นๆ สำเร็จลงได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันการตัดโลหะด้วยอาร์คพลาสมาเป็นที่นิยมมากขึ้นเนื่องจากมีความสะดวกรวดเร็วและงานออกมาเรียบร้อย
สเตนเลสหรือเหล็กกล้าไร้สนิม เป็นเหล็กที่มีส่วนผสมของธาตุโครเมี่ยมมากกว่า 10.5 % ขึ้นไป ซึ่งจะทำให้เกิดการต้านทานการเกิดสนิม แต่ระดับชั้นของคุณภาพความต้านทานสนิมจะขึ้นกับปริมาณของโครเมียมที่ผสมตั้ง แต่ 10.5 % ขึ้นไป ตลอดจนธาตุอื่นๆ ที่ผสมร่วมเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน กรณีการนำสเตนเลสมาใช้ในผลิตภัณฑ์ประกอบอาหาร อาจแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1.สเตนเลสที่มีความต้านทานการกัดกร่อนต่ำ (ปริมาณโครเมียมตั้ง แต่ 10.5-16%) มีนิกเกิลหรือไม่ก็ได้ ได้แก่เกรด 409, 410 อนุกรม 200 เกรดนี้จะไม่นิยมนำมาทำอุปกรณ์เพื่อบรรจุอาหาร
2.สเตนเลสที่มีการต้านทานการกัดกร่อนปานกลาง (ปริมาณโครเมียมตั้ง แต่ 16-18%) มีความเหมาะสมที่จะนำมาทำภาชนะบรรจุอาหารทั่วไป
3.สเตนเลสที่มีการต้านทานการกัดกร่อนสูงถึงสูงมาก (ปริมาณโครเมียมตั้ง แต่ 18%ขึ้นไป) เหมาะสมสำหรับงานอาหารเครื่องดื่มจนถึงอุปกรณ์ประกอบอาหารทางอุตสาหกรรม และอุปกรณ์ทางด้านเคมีอุตสาหกรรม
คุณสมบัติสำคัญของสเตนเลส
1.คงทนต่อการกัดกล่อน หรือเป็นสนิม เนื่องจากเนื้อสเตนเลสจะสร้างฟิล์มบางๆ เรียกว่า PASSIVE FILM มาเคลือบผิวหน้าตลอดเวลาเมื่อผิวนั้นทำปฏิกิริยากับอ๊อกซิเจน (H2O) ที่มีอยู่ในบรรยากาศทั่วไป
2.ทำความสะอาดและดูแลรักษาง่าย เนื่องจากสเตนเลสไม่เกิดสนิมจึงสามารถทำความสะอาดได้ง่าย
3.แข็งแกร่ง เนื้อสเตนเลสมีความแข็งแกร่ง และมีจุดหลอมเหลวสูงกว่าเหล็กมาก ส่งผลให้ชิ้นงานที่ทำจากสเตนเลสมีความแข็งแรงทนทานมาก แต่การทำชิ้นงานจากสเตนเลสก็ทำได้ยากเช่นกัน อุปกรณ์สำหรับงานแปรรูป ตัด เจาะ หรือเชื่อม ต้องเป็นเฉพาะที่ใช้กับงานสเตนเลส
จุดด้อยของสเตนเลส
4.มีความเปราะกว่าเหล็ก จึงไม่เหมาะสำหรับทำวัสดุที่ต้องดัดงอมากๆ และบ่อยๆ เช่น ลวดสลิงสำหรับงานรอก
5.เคลือบสีไม่ติด เนื่องจากสเตนเลสมีการสร้างฟิล์มด้วยตัวเองทำให้สีที่เคลือบไม่สามารถเกาะติดบนผิวสเตนเลสได้
6.เป็นสนิมได้ หากใช้งานในสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีอ๊อกซิเจนปกคลุมผิวสเตนเลส
7.ผุ กร่อนได้