จำหน่าย,ขาย,เหล็ก SCM440,SK5,SK85,S50C,4140,4340,SNCM439,SCM439,SS400,4130,S45C
เจ้าของร้าน Login ที่นี่
หน้าร้าน
รายการสินค้า
ติดต่อร้านค้า ส่งข้อความหลังไมค์ วิธีการสั่งซื้อสินค้า วิธีการชำระเงิน เว็บบอร์ด
สมาชิกร้านค้า
สินค้าแนะนำ
หมวดสินค้า
สถิติร้านค้า
เปิดร้าน11/11/2013
อัพเดท24/03/2024
เป็นสมาชิกเมื่อ 26/01/2012
สถิติเข้าชม17662
บริการของร้านค้า
ตรวจสอบสถานะไปรษณีย์
จดหมายข่าว
ใส่ email ของท่านเพื่อรับข่าวสารร้านค้านี้

subscribe unsubscribe

ข้อมูลร้านค้า
   
ที่อยู่  บริษัท เอเชี่ยนพลัส ซัพพลาย จำกัด 234/7 หมู่ 7 ถ.สุขุมวิท ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ 10280
โทร.  Tel 087-6039752,02-1863711,02-1863713 Fax 02-1863712
Mail  asianplussupply@hotmail.com
Search      Go

Home > All Product List > นำเข้าและจำหน่ายเหล็ก S50C,เหล็ก SNCM439,S45C,เพลากลม S45C,เหล็ก SKD11,SKD61,เหล็กเพลาหัวแดง S50C,เหล็กแข็ง,เหล็กหัวสีแดง,เหล็กหัวสีฟ้า,เหล็กแผ่น S50C,เหล็กเพลา S50C,เหล็กเพลาหัวแดง S50C,เหล็กเกรด S50C,เหล็กเพลาขาว S50C,เหล็กแผ่นแข็ง S50C,เหล็กแผ่น S50C


นำเข้าและจำหน่ายเหล็ก S50C,เหล็ก SNCM439,S45C,เพลากลม S45C,เหล็ก SKD11,SKD61,เหล็กเพลาหัวแดง S50C,เหล็กแข็ง,เหล็กหัวสีแดง,เหล็กหัวสีฟ้า,เหล็กแผ่น S50C,เหล็กเพลา S50C,เหล็กเพลาหัวแดง S50C,เหล็กเกรด S50C,เหล็กเพลาขาว S50C,เหล็กแผ่นแข็ง S50C,เหล็กแผ่น S50C

รูปภาพประกอบทั้งหมด 4 รูป

นำเข้าและจำหน่ายเหล็ก S50C,เหล็ก SNCM439,S45C,เพลากลม S45C,เหล็ก SKD11,SKD61,เหล็กเพลาหัวแดง S50C,เหล็กแข็ง,เหล็กหัวสีแดง,เหล็กหัวสีฟ้า,เหล็กแผ่น S50C,เหล็กเพลา S50C,เหล็กเพลาหัวแดง S50C,เหล็กเกรด S50C,เหล็กเพลาขาว S50C,เหล็กแผ่นแข็ง S50C,เหล็กแผ่น S50C

ลงประกาศเมื่อวันที่  :  30/10/2015
แก้ไขล่าสุด  :  17/07/2023
ราคา  ตามตกลง

คุณสมบัติ JIS S50C | DIN ซม.50/1.1241 | ASTM 1050 เหล็กกล้าวิศวกรรม
แผ่นเหล็ก JISG4051 S50C เหล็กกล้าคาร์บอนสูง
SCM440 ใช้กันอย่างแพร่หลายในเหล็กโครงสร้างโลหะผสมที่มีความเหนียวสูง
AISI 4140 | 709 Steel | SCM440 | EN19 High Tensile Steel โลหะผสม SCM440
S45C เหล็กกล้าคาร์บอน | S50C-JIS G4051 สำหรับการใช้งานโครงสร้างเครื่องจักร

ในมาตรฐานญี่ปุ่น JIS G4051, S45C และ S50C เป็นเกรดเหล็กกล้าทั่วไปของเหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง ซึ่งสอดคล้องกับเหล็กกล้า C45 และ C50 ในมาตรฐานยุโรป และเหล็กกล้า AISI 1045 และ AISI 1050 ในเกรดอเมริกัน ควรกล่าวได้ว่า ทั้งหมด มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคของตน

เหล็กกล้า S45C และ S50C มีความสามารถในการแปรรูปได้ดีและมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตเครื่องจักร เนื่องจากเหล็กกล้าคาร์บอนที่มีปริมาณคาร์บอนมากกว่า 0.4% จึงมีการสึกหรอที่ดี ความต้านทานและความเหนียวเฉลี่ย เหล็กกล้า S45C และ S50C มีความสามารถในการชุบแข็งต่ำและมีแนวโน้มที่จะเกิดการแตกร้าวและการเสียรูป ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ชิ้นงานที่มีขนาดภาคตัดขวางขนาดใหญ่และความต้องการสูง

1.1210/ S50C/ SAE1050 / 50# แผ่นเหล็กเครื่องมือคาร์บอนและแถบแบน
S50Cยังเป็นเกรดเหล็กกล้าธรรมดาที่ใช้งานได้หลากหลาย มีความใกล้เคียงกับ เหล็กกล้าคาร์บอน S45Cทั้งในด้านคุณสมบัติและการใช้งาน เพียงแค่ลูกค้าต่างพื้นที่มีพฤติกรรมการใช้ S45C หรือ S50C ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ ต้นทุนและราคาของเหล็กทั้ง S45C และ S50C ยังแตกต่างกันเล็กน้อย คุณสามารถเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับแอปพลิเคชันของคุณเอง

ขอบเขตการใช้งานของวัสดุเหล็กกล้าคาร์บอน S50C
เหล็กกล้าคาร์บอนเกรด JIS S50C ใช้กันอย่างแพร่หลายในโครงสร้างรองรับที่แข็งแกร่งของการผลิตเครื่องจักร คุณสมบัติเชิงกลที่ดีของเหล็กกล้านี้

โดยทั่วไปแล้วเหล็กกล้าคาร์บอน S50C จะใช้เพื่อสร้างชิ้นส่วนกลไกรองรับที่แข็งแรง เช่น สปริง เกียร์ แถบปรับความตึง ลูกกลิ้ง แกน แกนรับน้ำหนัก และอื่นๆ

เหล็กกล้า AISI1050 S50C เป็นเหล็กกล้ารีดเย็นที่มีคาร์บอนปานกลาง ซึ่งมีคาร์บอนประมาณ 0.50% ที่สามารถชุบแข็งได้โดยการอบชุบด้วยความร้อนจนถึงค่าความแข็งสูงสุดประมาณ Rockwell C 58 เหล็กกล้าคาร์บอนสูงที่ผ่านการอบอ่อนแบบอ่อนมีไว้สำหรับการใช้งานที่ต้องการการขึ้นรูปปานกลาง ในขณะที่เหล็กกล้าทรงกลมแบบอ่อน ผลิตภัณฑ์อบอ่อนมีไว้สำหรับการใช้งานที่ต้องการการขึ้นรูปเย็นสูงสุด เหล็กกล้าเกรดนี้ใช้สำหรับการผลิตใบมีด ตัวยึด จานเบรก คลิปหนีบ คลัตช์ สปริง แหวนรอง และเฟือง และสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งสามารถใช้คุณสมบัติเชิงกลที่ผสมผสานกันได้ดี การอบชุบด้วยความร้อนของเหล็กกล้าคาร์บอน ASSAB 760: - การหลอม: การหลอมแบบสมบูรณ์ของการตีขึ้นรูป C1050 ขนาดเล็กดำเนินการตั้ง แต่ 1450-1600ºF (790-870ºC) ตามด้วยการหล่อเย็นเตาที่ 50ºF (28ºC) ต่อชั่วโมง ถึง 1200ºF (650ºC) การแช่และการระบายความร้อนด้วยอากาศ . - การทำให้เป็นมาตรฐาน: ช่วงอุณหภูมิที่ทำให้เป็นมาตรฐานสำหรับเกรดนี้โดยทั่วไปคือ 1650-1700ºF (900-925ºC) การทำให้เป็นมาตรฐานจะตามมาด้วยการทำให้เย็นลงในอากาศนิ่ง เมื่อการตีขึ้นรูปถูกทำให้เป็นมาตรฐานก่อนการชุบแข็งและการอบคืนตัวหรือการอบชุบด้วยความร้อนอื่น ๆ

เหล็กกล้าคาร์บอนโครงสร้างคาร์บอนความแข็งแรงสูงปานกลางมีความแข็งแรงและความแข็งสูงหลังจากการชุบแข็ง เหล็กกล้ามีความสามารถในการแปรรูปปานกลาง พลาสติกขึ้นรูปเย็นต่ำ เชื่อมได้ไม่ดี ไม่เปราะบางขณะอบชุบด้วยความร้อน แต่มีความสามารถในการชุบแข็งต่ำ เส้นผ่านศูนย์กลางวิกฤตในน้ำคือ 13 * 30 มม. และมีแนวโน้มแตกระหว่างการดับน้ำ เหล็กกล้านี้มักจะใช้หลังจากการอบชุบด้วยความร้อน เช่น การทำให้ปกติ การชุบแข็งและการอบคืนตัว หรือการชุบผิวด้วยความถี่สูง

เหล็กกล้า 50 สามารถชุบแข็งได้ถึง hrc42 ~ 46 ดังนั้นหากต้องการความแข็งผิวและคาดว่า คุณสมบัติเชิงกลที่เหนือกว่าของเหล็กกล้า 50 จะสามารถรับความแข็งผิวของเหล็กกล้า 50 ได้โดยการคาร์บูไรซิ่งและการชุบแข็ง

S50C เป็นเกรดเหล็กทั่วไปที่มีการใช้งานกว้าง คล้ายกับเหล็กกล้าคาร์บอน S45C ไม่ว่า จะเป็นคุณสมบัติหรือการใช้งานก็ตาม แต่ลูกค้าในพื้นที่ที่แตกต่างกันจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันสำหรับ S45C หรือ S50C นอกจากนี้ ต้นทุนและราคาของเหล็กทั้ง S45C และ S50C นั้นแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คุณสามารถเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับแอปพลิเคชันของคุณเอง

ในมาตรฐานญี่ปุ่น JIS G4051, S45C และ S50C เป็นเกรดเหล็กกล้าทั่วไปของเหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง ซึ่งสอดคล้องกับเหล็กกล้า C45 และ C50 ในมาตรฐานยุโรป และเหล็กกล้า AISI 1045 และ AISI 1050 ในเกรดอเมริกัน ควรกล่าวได้ว่า ทั้งหมด มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคของตน

เหล็กกล้า S45C และ S50C มีความสามารถในการแปรรูปได้ดีและมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตเครื่องจักร เนื่องจากเหล็กกล้าคาร์บอนที่มีปริมาณคาร์บอนมากกว่า 0.4% จึงมีการสึกหรอที่ดี ความต้านทานและความเหนียวเฉลี่ย เหล็กกล้า S45C และ S50C มีความสามารถในการชุบแข็งต่ำและมีแนวโน้มที่จะเกิดการแตกร้าวและการเสียรูป ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ชิ้นงานที่มีขนาดภาคตัดขวางขนาดใหญ่และความต้องการสูง

เหล็กกล้า S50C ถูกจุ่มร้อนลงในโลหะผสม Al-Fe หลอมเหลวที่มีปริมาณ Fe ต่างกัน; เมื่อปริมาณ Fe เกิน 23 wt.% การเคลือบแบบจุ่มร้อนบนเหล็กกล้า S50C ไม่สามารถทำได้เนื่องจากขาดการเปียกน้ำ การใช้ความแข็งของ Vicker การสึกหรอของใบพัดบนดิสก์ และการทดสอบการสะท้อนแสงด้วยเลเซอร์ การเคลือบแบบจุ่มร้อนโลหะผสม Al–23-wt.% Fe แสดงความแข็งสูง ต้านทานการสึกหรอ และความมันวาวของพื้นผิว CLSM, SEM และ EDS ถูกนำมาใช้เพื่อสังเกตปฏิกิริยาส่วนต่อประสานระหว่างเหล็กกล้า S50C และโลหะผสม Al–23wt.% Fe ที่จุ่มร้อนหลังจากการอบอ่อนที่อุณหภูมิ 650°C–850°C เนื่องจากเฟไม่สามารถแพร่เข้าไปในโลหะผสม Al–23-wt.% Fe ได้ โลหะผสม Al–23-wt.% Fe จึงไม่มีชั้นปฏิกิริยาระหว่างผิวหน้า มีเพียงเหล็กกล้า S50C เท่านั้นที่เกิดสารประกอบโลหะระหว่างโลหะ Fe 3 Al ระหว่างปฏิกิริยากระตุ้นด้วยความร้อน (พลังงานกระตุ้น =  253 kJ โมล−1) นอกจากนี้ ยังพบว่า อุณหภูมิการหลอมที่ >850°C ป้องกันการก่อตัวของสารประกอบระหว่างโลหะ Fe 3 Al เนื่องจากการแพร่กระจายของคาร์บอนเข้าไปในชั้นเชื่อมหล่อ

เหล็กกล้าคาร์บอนมีให้เลือกทั้งแบบเหล็กกล้าคีย์ดึงสว่างทั้งแบบแบนและแบบสี่เหลี่ยม เหล็กกล้าคีย์ที่มีความต้านทานแรงดึงปานกลางใช้กันอย่างแพร่หลายในงานวิศวกรรมทั่วไปสำหรับส่วนประกอบต่างๆ เช่น คีย์ธรรมดา กิบเฮด เทเปอร์ และคีย์ขนาน เหล็กกล้าคีย์ถูกผลิตขึ้นตามค่าความคลาดเคลื่อนที่กำหนดใน British Standard BS46 และ BS4235 ข้อกำหนดของเหล็กสปริงคาร์บอน EN42, CS70, CS80, CS95 และ CS100 มีให้เลือกใช้เป็นแถบเหล็กสปริงชุบแข็งและอบคืนตัว แถบเหล็กสปริงอบอ่อน แผ่นเหล็กสปริง และสปริง เหล็กแผ่น. เหล็กสปริง EN43 มีทั้งแบบแท่งและแบบแผ่น เกรดโดยทั่วไปเป็นไปตามมาตรฐาน BS970, BS1449, BS EN10083-1, BS EN10083-2, BS EN 10277 และ BS EN 10278 X120Mn12 1.3401 เป็นเหล็กกล้าแมงกานีสที่มีเหล็กกล้าคาร์บอน 1% และมีปริมาณแมงกานีส 11% ถึง 14%

คุณสมบัติที่สำคัญของเหล็กกล้าเครื่องมือ ความสามารถในการชุบแข็ง (Hardenability) คือ คุณสมบัติที่เหล็กกล้าที่บ่งถึงความยาก-ง่ายในการชุบแข็งและความลึกของเหล็กที่แข็งขึ้นจากการชุบแข็ง (quenching) คุณสมบัตินี้จะขึ้นกับส่วนผสมทางเคมีและขนาดของเกรนของเหล็กกล้า โดยเหล็กกล้าที่มีความสามารถในการชุบแข็งสูง จะสามารถทำการชุบแข็งได้ง่ายด้วยลม แต่ถ้าเหล็กกล้ามีความสามารถในการชุบแข็งต่ำ การชุบแข็งด้วยลมจะไม่สามารถทำให้ได้เฟสมาร์เทนไซต์ จึงอาจต้องทำการชุบแข็งด้วยน้ำหรือของเหลวอื่น ซึ่งจะมีผลต่อการบิดตัวของชิ้นงานที่ทำการชุบ คุณสมบัตินี้เพิ่มขึ้นตามปริมาณธาตุผสม ดังนั้น การทำให้ได้ชิ้นงานที่มีความแข็งสูงตลอดชิ้น หรือสามารถชุบแข็งได้ลึก จึงควรเลือกใช้เหล็กกล้าที่มีธาตุผสมสูง โดยโคบอลต์เป็นเพียงธาตุเดียวที่ลดคุณสมบัตินี้
.
ความเหนียว (Toughness) คือ ความสามารถในการรับพลังงานของวัสดุก่อนที่จะเกิดการแตกหัก เหล็กกล้าเครื่องมือที่ถือว่า มีคุณสมบัติด้านความเหนียวที่ดี คือ กลุ่มที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ หรือปานกลาง คุณสมบัตินี้จำเป็นสำหรับการใช้งานในสภาวะที่ต้องรับแรงกระแทก
ความทนต่อการเสียดสี (Wear resistance) คือ ความสามารถทนต่อการถูกขัดสี ซึ่งรวมถึงการเสียดสีของคมตัดด้วย คุณสมบัตินี้จะเกี่ยวข้องกับความแข็งของเหล็ก และปริมาณคาร์ไบด์ที่ไม่ละลาย (คาร์ไบด์ที่ไม่สลายตัว เมื่อมีการใช้งานในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูง) โดยหากเหล็กกล้าเครื่องมือมีความแข็งสูงก็จะทนการเสียดสีได้ดี หรือหากมีคาร์ไบด์ที่ไม่ละลาย (แม้อุณหภูมิสูง) ก็จะทำให้ทนการเสียดสีได้ดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจากคาร์ไบด์จะมีความแข็งสูง
.
การรักษาความแข็งไว้ได้ที่อุณหภูมิสูง (Red-hardness) เป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการใช้งานเหล็กกล้าเครื่องมือที่ต้องได้รับความร้อนจนมีอุณหภูมิสูงกว่า 480 °C โดยธาตุผสมที่ทำให้เกิดคาร์ไบด์ที่เสถียรจะช่วยปรับปรุงคุณสมบัตินี้ ซึ่งจะทำให้เหล็กกล้าเครื่องมือไม่อ่อนลง (ความแข็งลดลง) อันเนื่องมาจากผลของความร้อนในขณะใช้งานที่อุณหภูมิสูง หรือในขณะทำการอบคืนตัว (tempering)
ความสามารถในการกลึงไส (Machinability) คือ ความสามารถของโลหะที่จะกลึงไส ตก แต่งได้ง่าย และมีผิวที่เรียบภายหลังการกลึงไส

ความต้านทานการสูญเสียคาร์บอน (Resistance to decarburization) การสูญเสียคาร์บอน ซึ่งจะเกิดเมื่ออบเหล็กที่อุณหภูมิสูงกว่า 704 °C (1300°F) เป็นผลให้ความแข็งที่ได้ภายหลังการชุบแข็ง ต่ำลง เหล็กกล้าเครื่องมือที่มีคุณสมบัตินี้ต่ำจะต้องมีวิธีป้องกัน/ควบคุมบรรยากาศในการอบชุบความร้อนเพื่อไม่ให้ชิ้นงานสูญเสียคาร์บอนโดยเฉพาะที่ผิว สำหรับเหล็กกล้าเครื่องมือที่มีคาร์บอนเป็นส่วนผสมหลักจะสามารถต้านทานการสูญเสียคาร์บอนได้ดี
.
การไม่เปลี่ยนรูปร่างหรือขนาด (Non deformation properties) คุณสมบัตินี้สัมพันธ์กับความสามารถในการชุบแข็ง โดยทั่วไปเหล็กกล้าที่สามารถชุบแข็งได้ด้วยลมจะมีการบิดตัวน้อยที่สุด เหล็กกล้าที่ทำการชุบแข็งด้วยน้ำมันทำให้เกิดการบิดตัวปานกลาง และเหล็กกล้าที่ทำการชุบแข็งด้วยน้ำทำให้เกิดการบิดตัวสูงที่สุด ดังนั้นในการออกแบบเลือกเหล็กกล้าเครื่องมือจะต้องคำนึงถึงคุณสมบัติด้านนี้ด้วย
.
อิทธิพลของธาตุผสมต่อคุณสมบัติของเหล็กกล้าเครื่องมือ คาร์บอน (C) เป็นธาตุผสมสำคัญของเหล็กกล้าเครื่องมือ จะมีผลต่อคุณสมบัติเชิงกลหลายประการ โดยช่วยเพิ่มความแข็ง ความเค้นแรงดึง ความสามารถในการชุบแข็ง แต่จะลดคุณสมบัติความเหนียว และการยืดตัวของเหล็ก นอกจากนี้คาร์บอนจะรวมตัวกับธาตุผสมตัวอื่น เช่น โครเมียม โมลิบดินั่ม ทังสเตน และฟอร์มตัวเป็นคาร์ไบด์ด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณสมบัติในการใช้งานต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น เช่น ความสามารถในการชุบแข็ง ความทนต่อการเสียดสี การรักษาความแข็งไว้ได้ที่อุณหภูมิสูง เป็นต้น
.
ซิลิกอน (Si) โดยปกติจะพบในเหล็กกล้าเครื่องมือปริมาณ 0.2-0.3% เพราะในการหลอมเหล็กกล้าจะใช้ซิลิกอนเพื่อไล่แก๊สออกซิเจน สำหรับซิลิกอนที่เป็นธาตุผสมจะมีบทบาทช่วยให้คาร์บอนรวมตัวเป็นกราไฟต์ ดังนั้นในเหล็กกล้าเครื่องมือบางประเภทที่มีปริมาณคาร์บอนสูงและผสมซิลิกอนประมาณ 1% จะมีโครงสร้างหลังการชุบแข็งที่ประกอบด้วยกราไฟต์กระจัดกระจาย ซึ่งช่วยให้เกิดความลื่นเมื่อใช้ทำแม่พิมพ์ ลดปัญหาการติดของโลหะในขณะทำการขึ้นรูป ธาตุนี้จะไม่ใช้ตามลำพัง แต่จะผสมร่วมกับโมลิบดินั่ม หรือวานาเดียม โดยให้ผลดีทั้งด้านการลดการเกิดออกซิเดชั่นที่อุณหภูมิสูง ช่วยให้ชุบแข็งง่ายขึ้น และช่วยให้คงความแข็งไว้ได้ดีในขณะอบคืนตัว (tempering)

แมงกานีส (Mn) เป็นธาตุที่มีอยู่ทั่วไปในเหล็กกล้า เนื่องจากในกระบวนการผลิตเหล็กกล้าจะใส่แมงกานีสเป็นตัวกำจัดแก๊ส และรวมตัวกับกำมะถัน (S) การจัดว่า แมงกานีสเป็นธาตุผสมในเหล็กกล้าก็ต่อเมื่อมีปริมาณสูงกว่า 0.6% ขึ้นไป แมงกานีสมีบทบาทในการเพิ่มความสามารถในการชุบแข็งของเหล็กกล้าเครื่องมือ สำหรับเหล็กที่ผสมแมงกานีสเพียงลำพังจะมีข้อเสียคือ จะเปราะหลังจากอบคืนตัวในช่วงอุณหภูมิ 400-600 °C จึงมักผสมแมงกานีสจะผสมร่วมกับโครเมียม (Cr) และโมลิบดินั่ม (Mo) ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการชุบแข็งได้มากขึ้น กว่าการผสมแมงกานีสเพียงธาตุเดียว
.
โครเมียม (Cr) เป็นธาตุผสมที่ใส่ลงไปเพื่อคุณสมบัติหลายประการ เช่น เพิ่มความสามารถในการชุบแข็ง เพิ่มคุณสมบัติทนต่อการเสียดสี เพิ่มความเหนียว เป็นต้น โครเมียมสามารถรวมตัวกับคาร์บอนให้คาร์ไบด์ได้หลายรูปแบบ ซึ่งหากมีการใช้งานที่อุณหภูมิสูงและคาร์ไบด์เหล่านี้ละลายหมด เกรนจะขยายตัวมาก ดังนั้นการใช้งานเหล็กกล้าเครื่องมือที่ผสมโครเมียมตามลำพัง ต้องเลี่ยงการใช้งานที่อุณหภูมิสูงและทิ้งแช่ไว้ระยะเวลานาน หรืออาจแก้ไขได้โดยผสมวานาเดียมเพื่อชะลอการขยายตัวของเกรน

โมลิบดินั่ม (Mo) ส่วนใหญ่เหล็กกล้าเครื่องมือทำงานร้อน และเหล็กกล้าเครื่องมือความเร็วสูงจะผสมโมลิบดินั่มเพื่อผลในการชุบแข็ง นอกจากนี้ยังทำให้สามารถคงความแข็งของมาร์เทนไซต์ได้จนถึงอุณหภูมิ 500 °C แต่ข้อเสียของโมลิบดินั่ม คือ เหล็กจะเป็นออกไซด์มากที่อุณหภูมิ 1000-1100 °C และมีแนวโน้มทำให้สูญเสียคาร์บอนที่ผิวได้ง่าย จึงมักเติมซิลิกอนเพื่อปรับปรุงข้อบกพร่องนี้
.
ทังสเตน (W) ที่ผสมลงไปในเหล็กกล้าเครื่องมือทำให้เกิดคาร์ไบด์ที่มีเสถียรภาพสูง สลายตัวได้ช้าที่อุณหภูมิสูง จึงมีบทบาทต้านทานต่อการสึกหรอสำหรับการใช้งานที่ต้องการคุณสมบัติทนต่อการเสียดสี และทนความร้อน โดยเฉพาะหากผสมทังสเตนสูงถึง 18% จะช่วยคงความแข็งไว้ที่อุณหภูมิสูง และรักษาคมตัดได้ดี
โคบอลท์ (Co) เป็นธาตุเดียวที่ลดความสามารถในการชุบแข็ง แต่จะมีบทบาทอย่างมากที่จะช่วยให้เหล็กมีความคม ตัดโลหะได้ดี (High cutting ability) และสามารถรักษาความแข็งได้จนถึงอุณหภูมิสูง จึงพบว่า เหล็กกล้าเครื่องมือความเร็วสูง (high speed tool steel) จะผสมโคบอลท์อยู่ด้วย
วานาเดียม (V) มีผลอย่างมากที่ทำให้ได้คาร์ไบด์ที่แข็ง เสถียร ขนาดละเอียด และกระจัดกระจาย ซึ่งมีผลทำให้ได้โครงสร้างที่มีเกรนละเอียด สามารถเพิ่มความแข็งแรงและความเหนียวให้กับชิ้นงานได้

การแบ่งกลุ่มเหล็กกล้าเครื่องมือ เหล็กกล้าเครื่องมือเป็นเหล็กที่มีความหลากหลายในการใช้งาน การเลือกใช้ไม่จำกัดที่จะต้องเลือกเกรดใดเกรดหนึ่ง สามารถใช้งานแทนกันได้ อย่างไรก็ตาม หากแบ่งเหล็กกล้าเครื่องมือ
ตามลักษณะการใช้งานจะสามารถแบ่งได้ 6 ประเภทดังนี้
1. เหล็กกล้าเครื่องมือชุบแข็งด้วยน้ำ เป็นเหล็กกล้าคาร์บอน (plain carbon) ที่ผสมคาร์บอน ตั้ง แต่ 0.60-1.40% ดังนั้นคุณสมบัติด้านการชุบแข็ง หรือความลึกของผิวชุบแข็งจึงต่ำ และจำเป็นต้องชุบแข็งด้วยน้ำ ในบางเกรดอาจมีการผสมโครเมียมหรือวานาเดียมลงไปเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความสามารถในการชุบแข็ง และทนต่อการเสียดสี
.
เหล็กกล้ากลุ่มนี้จะมีราคาถูกกว่ากลุ่มอื่น และมีจุดเด่น คือ สามารถกลึงไสเพื่อตก แต่งชิ้นงานได้ง่าย สูญเสียคาร์บอนที่ผิวยาก จุดด้อยของเหล็กกลุ่มนี้ คือ การชุบแข็งด้วยน้ำอาจมีผลทำให้ชิ้นงานบิดเบี้ยวได้ง่าย และไม่สามารถทนต่อความร้อนได้ จึงไม่สามารถใช้สำหรับงานตัดที่รุนแรงหรือใช้งานซ้ำๆ กันจนเกิดความร้อนได้ ดังนั้นโดยทั่วไปจึงไม่นิยมใช้งานกัน อาจมีการใช้งานบ้างสำหรับทำเครื่องมือตัดที่ใช้ความเร็วต่ำและตัดด้วยแรงเบาๆ เช่น ไม้ อะลูมิเนียม แม่พิมพ์สำหรับทุบหัวขึ้นรูปเย็น (cold heading) เป็นต้น ตัวอย่างการใช้งานของเหล็กกลุ่มนี้ เช่น W1 W2 และ W5
.
2. เหล็กกล้าเครื่องมืองานเย็น (Cold work tool steels) เป็นกลุ่มที่ใช้ผลิตเครื่องมือสำหรับนำไปใช้ในงานแปรรูปโลหะที่ไม่ได้ให้ความร้อนก่อนการแปรรูป เช่น แม่พิมพ์ตัดแผ่นโลหะเย็น ใบมีดตัดกระดาษ เฟืองกัดไม้ คัดเตอร์ เป็นต้น คุณสมบัติสำคัญที่ต้องการสำหรับเหล็กกล้าเครื่องมือกลุ่มนี้ คือ ความสามารถในการกลึงไสดี เปลี่ยนแปลงขนาดน้อยหลังการชุบแข็ง (เนื่องจากการชุบแข็งจะทำโดยการชุบ้ำมันหรือให้เย็นตัวในอากาศ) ต้านทานการสึกหรอสูง และมีความเหนียวทนแรงอัดกระแทกได้ดี เหล็กกล้าเครื่องมืองานเย็น ได้เแก่
.
3. เหล็กกล้าเครื่องมืองานเย็นประเภทชุบด้วยน้ำมัน เป็นกลุ่มที่มีคุณสมบัติต้านทานการสึกหรอสูง และมีความแข็งสูง ซึ่งเป็นผลมาจากมีปริมาณคาร์บอนสูง และคาร์ไบด์ขนาดเล็กที่มีอยู่อย่างกระจัดกระจาย ธาตุผสมเพียงเล็กน้อยของโครเมียม โมลิบดินั่ม และทังสเตน ทำให้สามารถชุบแข็งได้ด้วยน้ำมัน ซึ่งมีข้อดีกว่าเหล็กกล้าเครื่องมือชุบแข็งด้วยน้ำ เนื่องจากการชุบแข็งด้วยน้ำมันจะทำให้ชิ้นงานบิดตัว และมีโอกาสแตกน้อยกว่าการชุบแข็งด้วยน้ำอย่างมาก ตัวอย่างการใช้งานเหล็กกล้ากลุ่มนี้ ได้แก่ เครื่องทำเกลียว (taps) เครื่องคว้าน (reamers) ใบตัด (circular cutters) เครื่องคว้านรู (broaches) สว่าน (drills) แม่พิมพ์เจาะรู (blanking dies) หัวกด (punches) แม่พิมพ์ขึ้นรูป (forming dies) แม่พิมพ์สำหรับงานตัดขอบเย็น (cold-trimming dies) ใบมีดตัดขนาดเล็ก (small shear blades) แม่พิมพ์งานลากขึ้นรูป (drawing dies) รวมถึงแม่พิมพ์สำหรับพลาสติกหรือยาง เป็นต้น

สั่งซื้อสินค้า / ติดต่อสอบถาม

เขียนอีเมลถึงเจ้าของร้าน

ส่งเมลถึง:จำหน่าย,ขาย,เหล็ก SCM440,SK5,SK85,S50C,4140,4340,SNCM439,SCM439,SS400,4130,S45C
อีเมลผู้ส่ง:
เนื้อความ:
มีไฟล์แนบ
ทำสำเนา