Hyaluronic Acid...คืออะไร ??
หลายๆ คนอาจสงสัย ว่าทำไมเครื่องสำอางค์ที่ญี่ปุ่นถึงโปรโมทกันจังว่า มีส่วนผสมของ Hyaluron ๆ ๆ มันมีอะไรดีกันนะ ???
ที่บ้านเรานั้น...ส่วนมากจะรู้จัก แต่ คอลลาเจน วิตามินซี หรือกรูต้าไธโอน ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงให้ผิวเราขาวเด้ง มีผลิตภัณฑ์ออกมามากมายทั้งการบำรุงภายนอก และการับประทานเพื่อบำรุงจากภายใน จึงไม่ค่อยมีใครทราบว่า เจ้าไฮยาลูรอนนี้เป็นกรดมหัศจรรย์ ที่ทางประเทศญี่ปุ่นบูมเป็นอย่างมากก และเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์และอาหารเสริมกว่า 80% ของประเทศเลยทีเดียวค่ะ !!!
Hyaluronic AcidHyaluronic Acid
Hyaluronic Acid คือ กรดที่ร่างกายของเราผลิตขึ้นมาเองได้ มีอยู่ทั่วไปตามร่างกาย และโดยเฉพาะบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างอวัยวะและเซลล์ เพื่อเพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสีและเพิ่มความยืดหยุ่น เช่น บริเวณหัวเข่า ถ้าขาดสารตัวนี้ จะมีผลทำให้การเดินจะเจ็บปวด เพราะว่า ไม่มีตัวช่วยลดการเสียดสีระหว่างกระดูก ข้อต่อนั่นเอง ในวงการแพทย์ถูกใช้นำมาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อ นับว่า เป็นประโยชน์อย่างกว้างขวางทั้งร่างกายและผิวพรรณค่ะ
เป็นสารสำคัญในร่างกายเป็นสารสำคัญในร่างกาย
Hyaluronic Acid ถูก ใช้กันมานานกว่า 10 ปี และนิยมใช้ในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมมาตลอด เป็น เพราะว่า มันออกฤทธิ์ได้ผลดี ปกติเมื่อคนเราอายุมากขึ้นการผลิตกรดไฮยาลูรอนิกตามธรรมชาติก็จะลดน้อยไป ด้วย ผลที่ตามมาคือผิวสูญเสียความชุ่มชื่น ผิวแห้งขึ้น ขาดความยืดหยุ่น สภาพผิวไม่สดใสเปล่งปลั่ง ดังนั้นการใช้ผลติภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิกจึงเป็นสิ่งที่ คุณผู้หญิงไม่ควรละเลย แค่นี้ก็จะได้ผิวที่สุขภาพดีกลับมา แต่ต้องพิถีพิถันดูด้วยว่า ผลิตภัณฑ์มีความเข้มข้นพอหรือไม่ หากเรียงอยู่อันดับท้ายๆ ของส่วนประกอบ แสดงว่า มีอยู่น้อยไม่เพียงพอที่ผิวต้องการและดูแลปัญหาผิว
ผิวจะอิ่มน้ำ เติมเต็มร่องลึก ขาวเด้งผิวจะอิ่มน้ำ เติมเต็มร่องลึก ขาวเด้ง
นอกจากนี้ ยังมีความสามารถในการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย และเร่งกระบวนการหายของแผล ทำให้นำมาเป็นจุดขายของหลายผลิตภัณฑ์แบนรด์เนมตามท้องตลาด เป็นเวชสำอางดูแลริ้วรอย ความไม่สดใสของผิว ใช้เป็นสารออกฤทธิ์ที่สำคัญร่วมกับโคเอ็นไซม์-คิวเทน , วิตามิน , ต้านอนุมูลอิสระ และจำหน่ายในคลินิกต่างๆ เพื่อดูแลผิว เพราะมีความอ่อนโยนและปลอดภัยไม่มีผล ข้างเคียงใดๆ ปัจจุบันนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ทาผิวแล้วยังผลิตเพื่อนำมาใช้ฉีดเพื่อแก้ไขจุด บกพร่องบนใบหน้า ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกตอนนี้แล้วว่า ปลอดภัย สามารถสลายได้เองตามธรมชาติ
รักษาอาการบาดเจ็บของเซลล์ผิวหนังได้เร็วกว่าเดิม 80% นั่นหมายความว่า ผิวสามารถที่จะสมานและฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น และโดยปรกติการไหลเวียนของเลือดจะเป็นตัวนำของเสียออกจากเซลล์ตามธรรมชาติ แต่สำหรับเซลล์ผิวที่ไม่ได้ติดต่อกับเส้นเลือดโดยตรง กรดไฮยาลูรอนิคจะช่วยเพิ่มการนำสารอาหารเข้าสู่เซลล์ผิวในส่วนนั้น และยังช่วยกำจัดของเสียออกจากเซลล์เหล่านั้น
ลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวอิ่มเอิบมีน้ำมีนวลสดใส กรดตัวนี้จะถูกผลิตขึ้นและถูกหล่อเลี้ยงจากบริเวณผิวหนังชั้น dermis (ผิวชั้นล่าง) และกระจายไปถึงผิวหนังชั้น epidermis (ผิวหนังชั้นบน) บทบาทสำคัญก็คือ มันจะช่วยให้ผิวหนังสามารถเก็บกักความชุ่มชื่นได้มากกว่าปรกติหลายเท่า โดยที่เมื่อผิวมีความชุ่มชื่นที่ดีเพียงพอ ผิวหน้าก็จะดูอ่อนเยาว์ ดูเนียนเรียบผิวดูเต่งตึงขึ้น (plump effect) ริ้วรอยลดลง มีความยืดหยุ่น นุ่มนวล และดูมีชีวิตชีวา นอกเหนือจากคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดีแล้ว มันยังช่วยลดการสร้างอนุมูลอิสระและช่วยกรองรังสี UV ได้อีก ดังนั้นจะเห็นได้ว่า โดยลำพังแล้วกรดไฮยาลูโรนิกจัดได้ว่า เป็นสารที่ช่วยชะลอความแก่ที่มีประสิทธิภาพดีตัวหนึ่ง จึงมีราคาค่อนข้างแพงพอควร และราคาของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายก็ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของปริมาณกรดไฮยาลูโรนิกที่ผสมอยู่
ดัง นั้นถ้าอยากดูแลและป้องกันความหย่อนตล้อยและริ้วรอยนอกจาดูแลคอลลาเจน อิลาสตินแล้ว ต้องหันมาดูแลเรื่องน้ำในผิวด้วยจึงจะเป็นการดูแลครบส่วน
จัดเป็น Moisturizer ที่ดี ไม่เพิ่มความมันแบบที่ไม่ดีกับผิวบนผิวชั้นนอก(sebum) ดังนั้นคนที่มีผิวมันจึงใช้ได้อย่างไม่ต้องกังวล รวมทั้งคนที่เป็นและผิวบอบบาง จึงจัดว่า เป็นมอยเจอไรเซอร์ที่คนรักผิวต้องใช้ แสงแดดเป็นตัวทำลาย hyaluronic acid ในผิว ส่งผลให้ผิวไม่สดใส เกิดริ้วรอย ผิวแห้งเป็นขุย(แม้ผิวในก็พบได้) ปัญหาดังกล่าวพบได้ง่ายในสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน ยิ่งอายุ 25 ปีขึ้นไปก็จะพบปัญหานี้ได้มากและง่าย ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องรีบดูแล ในส่วนของคนที่ยังไม่เกิดก็ต้องดูแลและป้องกัน
ฟื้นฟูผิวแพ้ง่าย ผิวแพ้ง่ายคือ ผิวที่มีภูมิต้านทางผิวต่ำ ผิวขาดสมดุล ไม่แข็งแรงก็เนื่องจากน้ำในผิวมีไม่เพียงพอ คนผิวมันหลายคนเป็นผิวขาดน้ำโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว บางคนใช้อะไรก็แพ้ง่าย น้ำกับน้ำมันในผิวเป็นคนละส่วนกัน คนผิวมันมักมองข้ามทำให้ละเลยการดูแล ส่วนผู้ที่มีผิวแห้งหลายต่อหลายคนก็เข้าใจว่า เป็นคนผิวแห้ง แท้จริงผิวคุณอาจเป็นผิวธรรมดา แต่มีน้ำในผิวน้อยเท่านั้น การมอบน้ำให้ผิวทุกวันทำให้ผิวดูสดชื่น เปล่งปลั่ง ผิวแข็งแรงขึ้น ทั้งยังลดการระคายเคืองจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไปรวมทั้งเครื่องสำอาง ที่มีทั้งน้ำหอม และสารกันเสีย ตลอดจนหลังการทำทรีทเม้นต์
สำหรับผิวขาดน้ำ ผิวขาดน้ำเกิดขึ้นได้กับผิวทุกประเภทไม่เว้นแม้กระทั่งผิวมัน หลายคนผิวข้างนอกมันเยิ้ม แต่เนื้อในกลับแห้ง ผิวประเภทนี้มักแพ้ง่ายอีกด้วย การให้น้ำกับผิวเป็นวิธีพื้นฐานที่ฟื้นฟูผิว และดีสำหรับคนที่ผิวมัน ผิวแพ้ง่าย เพราะไม่เพิ่มความมันบนใบหน้า และฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรงมีภูมิต้านทานขึ้น การให้น้ำกับผิวหรือสภาพผิวที่มีน้ำในผิวสมดุลจะเปล่งปลั่งสดใสมีชีวิตชีวา นุ่มเนียน ผิวแข็งแรงขึ้น อีกทั้งส่งผลให้การ แต่งหน้าเรียบเนียนติดทนขึ้นด้วย นอกจากประโยชน์ที่ทำให้ถูกใช้อย่างแพร่หลายแล้ว ความอ่อนโยนของสารตัวนี้ยังสามารถใช้ได้กับผิวทุกประเภท เหตุนี้เองมันจึงเป็นสารที่ใช้ปลอบประโลมผิวที่ปลอดภัย ซึ่งจัดอยู่ในอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้อย่างสบายใจ
ข้อมูลจาก : http://www.dd-foryou.com