RareBooks Store ร้านหนังสือหายาก
เจ้าของร้าน Login ที่นี่
หน้าร้าน
รายการสินค้า
ติดต่อร้านค้า ส่งข้อความหลังไมค์ วิธีการสั่งซื้อสินค้า วิธีการชำระเงิน เว็บบอร์ด
สมาชิกร้านค้า
สินค้าแนะนำ
หมวดสินค้า
สถิติร้านค้า
เปิดร้าน29/02/2012
เป็นสมาชิกเมื่อ 17/02/2012
บริการของร้านค้า
ตรวจสอบสถานะไปรษณีย์
จดหมายข่าว
ใส่ email ของท่านเพื่อรับข่าวสารร้านค้านี้

subscribe unsubscribe

ข้อมูลร้านค้า
   
ที่อยู่  กรุงเทพมหานคร 10300
โทร.  088-505-6554
Mail  rarebooks.store@gmail.com
Search      Go

Home / All Product List / พระเจ้าช้างเผือก โดย ปรีดี พนมยงค์

พระเจ้าช้างเผือก โดย ปรีดี พนมยงค์

รูปภาพประกอบทั้งหมด 1 รูป

พระเจ้าช้างเผือก โดย ปรีดี พนมยงค์

ลงประกาศเมื่อวันที่  :  10/12/2012
แก้ไขล่าสุด  :  20/12/2012
ราคา  สนใจติดต่อ 088-505-6554, 089-755-5565

พระเจ้าช้างเผือก โดย ปรีดี พนมยงค์ หนังสือเล่มเล็กที่ได้รวบรวมเรื่องราวการจัดสร้างภาพยนตร์เรื่องพระเจ้าช้างเผือก หรือ The King of The White Eight-elephant

พระเจ้าช้างเผือก (อังกฤษ: The King of the White Elephant) เป็นภาพยนตร์ไทยขาวดำ ในระบบถ่ายทำฟิล์ม 35 มม.[1] ให้เสียงเป็นภาษาอังกฤษทั้งเรื่อง สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2483 เพื่อส่งไปประกวดรางวัลสันติภาพเพื่อรางวัลโนเบิล (Noble Prize for Peace) ที่สหรัฐอเมริกา ออกฉายเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2484 โดยฉายรอบปฐมทัศน์พร้อมกันที่ ศาลาเฉลิมกรุง สิงคโปร์ และ นิวยอร์ก อำนวยการสร้างและเขียนบทโดย ปรีดี พนมยงค์ กำกับโดย สันธ์ วสุธาร กำกับภาพโดย ประสาท สุขุม

ภาพยนตร์เล่าเรื่องสงครามระหว่างเจ้ากรุงอโยธยา กับ เจ้ากรุงหงสาวดี ที่เกิดขึ้นจากความโลภของกษัตริย์เพียงองค์เดียว แต่ต้องพาลเดือดร้อนไพร่ฟ้าทั้งแผ่นดิน ซึ่งเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องยาวที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพียงเรื่องเดียวที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือได้ว่า เป็นช้างเผือกของภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวเป็นช้างเผือก เพราะความที่หามาได้ยากเย็นแสนเข็ญ และคุณค่าความศักดิ์สิทธิ์ในตัวมันเอง เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นโดยบุคคลสำคัญระดับผู้นำของชาติ อาศัยความร่วมไม้ร่วมมือจากบุคลากรชั้นสุดยอดในวงการภาพยนตร์ไทยและวงการศิลปไทยเวลานั้น

ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นโดยบุคคลสำคัญของบ้านเมือง คือ นายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลังในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีหลวงพิบูลสงคราม คุณค่าในนวนิยายและภาพยนตร์เรื่องนี้มีมากมาย นอกจากจะเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของไทย ในวงวรรณกรรม และภาพยนตร์ที่ชูประเด็นสันติภาพ ซึ่งเป็นหลักใหญ่ของมนุษยชาติแล้ว ในแง่ความเป็นศิลปะภาพยนตร์ ได้ก้าวข้ามพรมแดนแห่งความสมจริงไปสู่แก่นแกนความคิด ผสานจินตนการของผู้ประพันธ์ และอำนวยการสร้าง กล่าวได้ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้คือ มรดกทางศิลปวัฒนธรรมชิ้นสำคัญที่ชูหลักสันติธรรมให้สูง ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์

ภาพยนตร์เรื่อง พระเจ้าช้างเผือก นี้ ได้นำกลับมาฉายใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2496 และนำมาจัดจำหน่ายในรูปแบบดีวีดี เมื่อปี พ.ศ. 2548

เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2083 ในอโยธยา อันเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรไทย อโยธยาเป็นคำในภาษาบาลีโบราณ แปลว่า ปราศจากสงคราม หรือ สันติภาพ นั่นเอง ยุวกษัตริย์พระนามว่า "จักรา" ทรางขึ้นครองราชบัลลังก์สืบเนื่องจากการเสด็จสวรรคตอย่างกะทันหันของพระราชบิดา พระเจ้าจักราถูกเลี้ยงดูมาโดยภิกษุรูปหนึ่ง จึงไม่ทรงโปรดความโอ่อ่าในราชนำนัก ในการเถลิงถวัลย์ราชสมบัตินี้ทรงมีพระบัญชาให้งดเว้นการเฉลิมฉลองทั้งปวง

พระราชดำรัสของพระเจ้าจักราอันเป็นใจความสำคัญของเรื่อง
ในวันฉัตรมงคล ปีที่สามหลังจากขึ้นครองราชย์ สมุหราชมณเฑียรได้เตือนพระเจ้าจักราให้ปฏิบัติตามโบราณราชประเพณีที่กษัตริย์ต้องมีมเหสี 365 องค์ ตามจำนวนวันในหนึ่งปี สมุหราชมณเฑียรได้จัดให้กุลธิดา หญิงงามผู้เป็นบุตรีของขุนนางชั้นสูงมาฟ้อนรำถวายพระพร โดยหนึ่งในหญิงสาวเหล่านี้ก็มี เรณู บุตรีของสมุหราชมณเฑียรรวมอยู่ด้วย แต่ในขณะนั้นเองมีสาส์นจากต่างประเทศมา พระเจ้าจักราทรงมีพระทัยจดจ่อกับสาส์นนั้นอ่านถึงสองรอบตกอยู่ในภวังค์จนบรรดาสาวงามต่างถวายพระพรลากลับไปหมดแล้วพระเจ้าจักราก็ไม่ทรงรู้พระองค์

พระเจ้าจักราทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า คงไม่อาจปฏิบัติตามโบราณราชประเพณีได้ในกาลดังกล่าว เพราะมีเหตุการคับขันขึ้น กล่าวคือ กษัตริย์โมกุลได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์หงสา และกษัตริย์หงสาก็กำลังเตรียมไพร่พลสำหรับการสงครามอยู่ พระเจ้าจักราจึงจัดให้มีการคล้องช้างเพื่อเป็นกำลังให้อโยธยา ทั้งนี้สมุหราชมณเฑียรไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่า ถ้าทรงมีพระมเหสีเสียก่อน 365 องค์ แล้วพาพระมเหสีไปคล้องช้างด้วยจะได้ช้างมามากกว่าไปพระองค์เดียวเป็นสิบเท่า แต่พระเจ้าจักราปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว เพราะเสนาบดีส่วนใหญ่ล้วนเห็นชอบให้จับช้างก่อน

ได้มีพ่อค้าชาวโปรตุเกสมาเฝ้าทูลอองพระบาท จึงมีพระกระแสสอบถามถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลก รวมถึงจำนวนพระมเหสีที่กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ใน แต่ในดินแดนทรงมี กัปตันทูลตอบว่า กษัตริย์ตะวันตกมีได้พระองค์เดียว เพราะศาสนากำหนดไว้ เว้น แต่สุลต่านแห่งรัฐอิสลามที่มีมเหสีได้สี่องค์ ส่วนเรื่องดินแดนต่างๆ นั้นกัปตันทูลเกี่ยวกับการยึดครองดินแดนที่ค้นพบใหม่ทางตะวันตก (ทวีปอเมริกา) พระเจ้าจักราทรงสนพระทัยและตรัสถามต่อไปว่า ดินแดนเหล่านี้ย่อมมีผู้ปกครองเป็นเจ้าของอยู่แล้ว ไปยึดแย่งเขามาได้อย่างไร กัปตันตอบว่า เพื่อนำพวกชนพื้นเมืองสู่อารยธรรมและเผยแผ่คริสต์ศาสนา และด้วยเหตุนี้เองทำให้ประชาชน (ของโปรตุเกสและชาติมหาอำนาจตะวันตก) ต้องทำสงครามกับอาหรับและทำสงครามอื่นๆ นับครั้งไม่ถ้วน

พระเจ้าจักราทรงมีพระราชจริยาวัตรตื่น แต่เช้าตรู่ และเสด็จไปในอุทยานแห่งวิหารเทพีธรรมเพื่อทรงรับอากาศบริสุทธิ์ วันหนึ่งพระองค์ทรงไม่พอพระทัยอย่างยิ่งเมื่อเด็กๆ ที่รอเรียนหนังสือในวัดนั้นเล่นส่งเสียงดังน่ารำคาญ พระเจ้าจักราเกือบจะทรงตักเตือนเด็กเหล่านี้ด้วยพระองค์เอง แต่ก็มีสตรีนางหนึ่งเข้ามาตักเตือนเสียก่อน พระเจ้าจักราจึงแฝงพระองค์แอบฟัง สตรีนางนั้นได้ยกชาดกเรื่องเต่าช่างพูดมาตักเตือน เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าจักราเป็นอันมาก และทรงระลึกได้ว่า สตรีนางนั้นก็คือ เรณู บุตรีของสมุหราชมณเฑียร

การคล้องช้างสำเร็จลุล่วงด้วยดี ได้ช้างเผือกมาด้วยเชือกหนึ่ง ซึ่งเป็นมหามงคลยิ่งในรัชสมัยของพระเจ้าจักรา จึงจัดให้ทำธงแดงมีช้างเผือกอยู่บนธงใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งพระราชอาณาจักรสืบไป ข่าวลุไปถึงพระกรรณพระเจ้าหงสา พระเจ้าหงสาจึงได้ฉีก "สนธิสัญญาว่า ด้วยการยุติความขัดแย้งโดยมีผู้ไกล่เกลี่ยอย่างสันติระหว่างหงสากับอโยธยา" ทิ้ง และเรียกร้องอโยธยาให้มอบช้างเผือกให้ แต่อโยธยาไม่ยอม จึงใช้เป็นข้ออ้างในการทำสงคราม

กองทัพหงสาบุกตีเมืองกานบุรีแตกโดยไม่ประกาศสงครามอย่างเป็นทางการตามธรรมเนียมระหว่างประเทศ ทัพหงสาจับ แต่ผู้หญิงไว้เป็นเชลย ฆ่าชาวเมืองที่เหลือและเผาเมืองจนสิ้น กองทัพหงสากำลังมุ่งหน้าสู่อโยธยา เมื่อพระเจ้าจักราทรงทราบข่าวก็ทรงจัดตั้งทัพไปต่อต้าน โดยให้สมุหราชมณเฑียรรักษาพระนครไว้

เมื่อทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน หงสากำลังเพลี่ยงพล้ำ พระเจ้าจักราจึงบอกให้ทหารอโยธยาอย่าทำร้ายทหารศัตรูอีก ให้เพียงจับเป็นเชลยถ้าทำได้ ส่วนพระองค์จะกระทำยุทธหัตถีกับกษัตริย์หงสา ทรงย้ำว่า "เราไม่ได้มาเพื่อสู้กับชาวหงสา เรามาสู้กับประมุขของพวกเขาเท่านั้น" ผลการยุทธหัตถีปรากฏว่า พระเจ้าหงสาทรงเป็นผู้พ่ายแพ้ ตกจากหลังช้างทรง สิ้นพระชนม์ ณ ที่รบ เมื่อสิ้นพระเจ้าหงสาผู้เป็นเหตุแห่งสงครามแล้ว พระเจ้าจักราจึงประกาศสงบศึก ปล่อยตัวเชลยให้กลับไป และขอให้สันติสุขจงมีแก่ทุกฝ่าย

กลับมาที่อโยธยา สมุหราชมณเฑียรดึงดันจะให้พระเจ้าจักราปฏิบัติตามโบราณราชประเพณีอีก โดยจะให้มีพระเจ้าจักราเลือกมเหสี 365 องค์ และเลือกอีก 1 องค์เป็นพระราชินีกิตติมศักดิ์ มิให้ด้อยไปกว่ากรุงหงสา พระเจ้าจักราจึงเลือกเรณูอย่างเสียมิได้ ตั้งเป็นพระราชินีกิตติมศักดิ์ ไม่มีเบี้ยหวัดและพระตำหนัก แล้วส่วนมเหสีอีก 365 ทรงตรัสว่า จะเลือกภายหลังแล้วเสด็จพระราชดำเนินจากไป เรณูจึงรีบเข้าไปกราบทูลว่า การเลี้ยงดูมเหสีอีก 365 องค์นั้นไม่จำเป็น ควรนำพระราชทรัพย์นี้ไปบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎรดีกว่า พระเจ้าจักราทรงพอพระทัยเป็นอย่างมาก จึงให้เรณูเป็นพระราชินี "ตัวจริง" แทนที่จะเป็นพระราชินี "กิตติมศักดิ์" เรณูกระซิบบอกวิธีที่ไม่ต้องมีมเหสีมากมายแก่พระเจ้าจักรา พระเจ้าจักราจึงทรงมีพระบรมราชโองการมอบพระราชอำนาจการมีมเหสี 365 องค์แก่สมุหราชมณเฑียรแทน แล้วทรงกำชับว่า "เราต้องไม่แพ้พระเจ้าหงสานะ"

ตัวละคร
พระเจ้าจักรา กษัตริย์อโยธยา แสดงโดย เรณู กฤตยากร
พระเจ้าหงสา แสดงโดย ประดับ รบิลวงศ์
สมุทราชมณเฑียรแห่งอโยธยา แสดงโดย สุวัฒน์ นิลเสน
สมุหกลาโหมแห่งอโยธยา แสดงโดย หลวงศรีสุรางค์
เรณู (ธิดาสมุหราชมณเฑียร) แสดงโดย ไพริน นิลเสน
เจ้าเมืองกาญจนบุรี แสดงโดย นิตย์ มหากนก
พระเจ้าบุเรงนองแห่งหงสาวดี แสดงโดย ไววิทย์ ว.พิทักษ์
อัครมหาเสนาบดีแห่งหงสาวดี แสดงโดย หลวงสมัครนันทพล
สมุหราชมณเฑียรหงสา แสดงโดย ประสาน ศิริพิเดช
องครักษ์ของอัครมหาเสนาบดีแห่งหงสาวดี แสดงโดย มาลัย รักประจิตต์

ทีมงานสร้าง
อำนวยการสร้าง - ปรีดี พนมยงค์
บทภาพยนตร์ - ปรีดี พนมยงค์
ถ่ายภาพ - ประสาท สุขุม A.S.C.
บันทึกเสียง - ชาญ บุนนาค
ตัดต่อ - บำรุง แนวพนิช
กำกับดนตรี - พระเจนดุริยางค์
กำกับศิลป์ - หม่อมเจ้ายาใจ จิตรพงศ์
บทเจรจา - แดง คุณะดิลก
กำกับโขลงช้าง - วงศ์ แสนศิริพันธ์
ที่ปรึกษาการจัดงานพระราชพิธีและเครื่อง แต่งกาย - พระยาเทวาธิราช
ผู้กำกับการแสดง - สันห์ วสุธาร
ผู้ช่วยผู้กำกับการแสดง - หลวงสุขุมนัยประดิษฐ์, ใจ สุวรรณทัต

ประวัติการสร้างและการจัดฉาย
พระเจ้าช้างเผือกเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทางนายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชกาลที่ 8 ประสงค์ต้องการจะให้เป็นภาพยนตร์ที่ประชาสัมพันธ์ความเป็นชาติรัฐของไทยในช่วงเวลานั้น ที่ต้องการปลุกใจให้คนไทยรักชาติ เนื่องจากภาวะของประเทศที่ใกล้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง เนื้อเรื่องเกี่ยวกับบุญบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ไทย พระเจ้าช้างเผือก หรือ พระเจ้าจักรา กษัตริย์ไทย กระทำยุทธหัตถีชนะพระเจ้าหงสา ฯ กษัตริย์พม่า ซึ่งเป็นเรื่องราวที่คาบเกี่ยวในประวัติศาสตร์ไทยถึง 2 รัชกาล คือ รัชกาลของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำที่โรงถ่ายไทยฟิล์ม, ทุ่งมหาเมฆ และจังหวัดแพร่ ได้รับความร่วมมือจากนักศึกษามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองจำนวนมาก ซึ่งสละเวลาช่วยท่านผู้ประศาสน์การโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

การถ่ายภาพขาว-ดำ ได้อย่างยอดเยี่ยมของ ประสาท สุขุม A.S.C. โดยเฉพาะการถ่ายภาพช้าง โดยการขุดดินเป็นหลุมช่างภาพนำกล้องลงไปอยู่ในหลุมตั้งกล้องมุมเงยแล้วให้ช้างเดินข้ามผ่านหลุดไป การสร้างดนตรีเป็นองค์ประกอบที่โดดเด่นที่สุดอีกอย่างหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ เพลงศรีอยุธยา ซึ่งกระหึ่มด้วยวงดนตรีสากล ของกรมศิลปากรที่พระเจนดุริยางค์เป็นผู้ควบคุม กำหนดให้มีเพลงอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่หนึ่งเพลงเอกประจำเรื่องมีอยู่ 5 เพลง ส่วนที่สองเพลงที่ใช้บรรเลงระหว่างฉากใช้เพลงคลาสสิกเป็นท่อนๆ หลายบทเพลงด้วยกัน เพลงประกอบเสียง ใช้เครื่องดนตรีบางชิ้น เช่น เปิงมางคอก มโหรทึก ปี่กลอง ส่วนที่สามวิธีดำเนินเพลง ใช้อารมณ์ของภาพยนตร์เป็นสำคัญใน แต่ละฉาก พระเจนดุริยางค์ พยายามใช้ทำนองที่เหมาะสมเป็นเพลงเพื่อการฟัง มีทำนอง ไม่ใช่เพลงประกอบภาพเสียทีเดียว แต่เป็นภาพประกอบเพลง

The King of The White Elephant ออกฉายที่โรงภาพยนตร์ Happy Theatre ประเทศสิงคโปร์ พ.ศ. 2484
ต้นฉบับเดิมที่ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2484 โดยฉายรอบปฐมทัศน์พร้อมกันที่ ศาลาเฉลิมกรุง สิงคโปร์ และ นิวยอร์ก เป็นภาพยนตร์ไทย แต่พูดด้วยภาษาอังกฤษทั้งเรื่อง เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้ต่างชาติได้รู้จัก เป็นภาพยนตร์ที่มีทุนสร้างสูง มีฉากที่ยิ่งใหญ่ เช่น การนำช้างนับร้อยเชือกเข้าสู่ฉาก การคล้องช้าง เป็นต้น ต่อมาได้นำออกฉายสู่ต่างประเทศ แต่การฉายที่สหรัฐอเมริกากลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ฉายได้เพียง 7 วันเท่านั้นก็ยกเลิก เนื่องจากไม่มีคนดู

ฟิล์มต้นฉบับของภาพยนตร์เรื่องนี้สูญหายไปจากประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากโรงเก็บฟิล์มภาพยนตร์ ในโรงถ่ายภาพยนตร์ทหารอากาศ ทุ่งมหาเมฆ ถูกระเบิดไฟไหม้ไปทั้งหมด แต่ยังคงมีสำเนาต้นฉบับหลงเหลืออยู่ที่หอสมุดรัฐสภาอเมริกัน กรุงวอชิงตัน และที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ในประเทศสวีเดน จนได้มีการนำภาพยนตร์เข้ามาในประเทศไทย และนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ปัจจุบัน ฟิล์มภาพยนตร์ ยังเก็บและรักษาไว้อยู่ที่ หอภาพยนตร์แห่งชาติ เพื่ออนุรักษ์ และได้รับการนำออกฉายบ่อยครั้งทั้งในประเทศและส่งออกไปฉายยังต่างประเทศ

ต้นปี พ.ศ. 2544 พระเจ้าช้างเผือก กลับมาฉายอีกครั้งและมีการผลิตวีซีดีออกจำหน่ายในโครงการ "หนังไทยรักชาติ" ของบริษัท สหมงคลฟิล์ม จำกัด พร้อมกับภาพยนตร์ไทยเรื่องอื่นในแนวเดียวกัน เช่น มหาราชดำ (พ.ศ. 2522), ขุนศึก (พ.ศ. 2495), พยัคฆ์ร้ายไทยถีบ (พ.ศ. 2518), ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ (พ.ศ. 2543) เป็นต้น หอภาพยนตร์แห่งชาติ ร่วมกับบริษัท เทคนิคัลเลอร์ ได้บูรณะฟิล์มภาพยนตร์ พระเจ้าช้างเผือก และจัดจำหน่ายในรูปแบบดีวีดี เมื่อ พ.ศ. 2548

พระเจ้าช้างเผือก เผยแพร่ช่อง สถานีโทรทัศน์ สาธารณะเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ในรายการแกะกล่องหนังไทย ทางทีวีไทย

ปี พ.ศ. 2554 หอภาพยนตร์ฉลองครบรอบ 70 ปี พระเจ้าช้างเผือก โดยเลือกวันสวนสนามเสรีไทย ในการเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ และความสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมทั้งเปิดฉายภาพยนตร์ เวอร์ชั่นพากย์ไทยเป็นครั้งแรก วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554 ที่โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา หอภาพยนตร์

(ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81_(%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C))

หนังสือมีสภาพสุดสมบูรณ์
หน้าปกเป็นกระดาษอาร์ตมันหนาอย่างดี
ภายในเป็นกระดาษอย่างดี

สนใจติดต่อ 088-505-6554, 089-755-5565
E-mail: rare collections.gallery@gmail.com
Website: http://www.pantipmarket.com/mall/rarecollections/

แนะนำร้าน

หนังสือหายาก (RareBooks Store) จำหน่ายหนังสือหายากนานาชนิด
E-mail: rarebooks.store@gmail.com
Website: http://www.pantipmarket.com/mall/rarebooksstore/
Facebook: http://www.facebook.com/pages/RareBooks-Store-ร้านหนังสือหายาก/305195526209095

พระแกลเลอรี่ (Phra Gallery) จำหน่าย พระเครื่อง พระบูชา ของโบราณ
Website: http://www.phra-gallery.com/th/index.php หรือ http://www.pantipmarket.com/mall/phragallery/
Facebook: http://www.facebook.com/PhraGalleryThailand

สั่งซื้อสินค้า / ติดต่อสอบถาม

เขียนอีเมลถึงเจ้าของร้าน

ส่งเมลถึง:RareBooks Store ร้านหนังสือหายาก
อีเมลผู้ส่ง:
เนื้อความ:
มีไฟล์แนบ
ทำสำเนา