หลักการพิจารณาพระสมเด็จวัดพระแก้ว
โดย อาจารย์ไพรพนา ศรีเสน
พ.ศ. ๒๕๕๐
ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๕๓
พระสมเด็จวัดพระแก้วที่จัดสร้าง เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๐๘ ปี พ.ศ. ๒๔๑๑ ปี พ.ศ. ๒๔๒๕ หลักที่สำคัญในการพิจารณาต้องศึกษาประวัติความเป็นมาให้เข้าใจ ต้องมีความรู้ และความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นพื้นฐาน คือ
๑. พุทธศิลป์ ทรงพิมพ์
๒. องค์ประกอบของเนื้อมวลสาร
๓. การพิจารณา รัก ชาด ทอง
๔. การพิจารณา แร่รัตนชาติ
๕. หลักแห่งวิทยาศาสตร์ และหลักความเป็นไปแห่งธรรมชาติ
๖. ฌานสมาบัตร
พระสมเด็จวัดพระแก้วที่จัดสร้าง เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๐๘
เนื้อมวลสารที่พบ ดังนี้ เนื้อมวลสารกังไส หรือเนื้อน้ำมัน และเนื้อมวลสารปูนสอ
๑. พุทธศิลป์ ทรงพิมพ์ เป็นพิมพ์ของพระสมเด็จวัดระฆัง และทรงพิมพ์อื่น ๆ ที่พบส่วนใหญ่เป็นพิมพ์ประธาน หรือพิมพ์ใหญ่ และปรกโพธิ์ ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ทรงพิมพ์ที่พบเป็นส่วนใหญ่ คือ พิมพ์ประธาน หรือพิมพ์ใหญ่ และพิมพ์ปรกโพธิ์
๒. เนื้อมวลสาร ลักษณะเนื้อมวลสารกังไส และเนื้อมวลสารปูนสอ ใกล้เคียงพระสมเด็จวัดระฆัง แต่มีลักษณะที่แตกต่างจากพระสมเด็จวัดพระแก้วที่สร้างใน ปี พ.ศ. ๒๔๑๑ และปี พ.ศ. ๒๔๒๕ หลายประการทั้งพุทธลักษณะ พิมพ์แม่แบบ และความละเอียดของเนื้อมวลสาร กล่าวคือเนื้อมวลสารขององค์พระจะแห้งจัด แต่หนึกนุ่ม มันวาว แข็งแกร่ง มีน้ำหนัก มีความละเอียดมากกว่าเนื้อของพระสมเด็จวัดระฆัง แต่น้อยกว่าพระสมเด็จวัดพระแก้วที่สร้างใน ปี พ.ศ. ๒๔๑๑ และปี พ.ศ. ๒๔๒๕
๓. ในเรื่องของวรรณลักษณะขาวตั้งต้น เช่น ขาวนวลคล้ายมุก ขาวขุ่น ขาวใส ขาวอมชมพู ขาวอมเขียว ขาวอมฟ้า ขาวอมเหลืองอ่อน ขาวอมเทา ขาวอมน้ำตาล
๔. พิมพ์แม่แบบเป็นลักษณะเดิมคือ เป็นพิมพ์ชิ้นเดียวมีการตัดขอบทั้งสี่ด้าน และปาดหลังโดยใช้วัสดุบาง และมีคม เช่นเดียวกับพระสมเด็จวัดระฆัง
๕. ด้านหน้าและด้านหลัง พิจารณาโดยละเอียดจะพบ เกาะแก่ง หลุมเล็กๆ รอยปูไต่ รอยหนอนด้น ทรายทอง รอยเหนอะจากการยุบ และหดตัวของเนื้อมวลสารที่เกิดจากธรรมชาติ และกาลเวลาเป็นสำคัญ ด้านหลังปรากฏรอยแล่ง หลังกระดาน และหลังเรียบ อันเกิดจากวัสดุปาดหลัง และการใช้ไม้กระดานรองในขณะผึ่ง ตาก เช่นเดียวกับพระสมเด็จวัดระฆัง ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ด้านหลังปรากฏสัญลักษณ์รูปสมอเรือโดยเฉพาะพิมพ์คะแนน ส่วนพิมพ์ประธานจะพบเป็นส่วนน้อยเท่านั้น ไม่พบสัญลักษณ์อื่นใดนอกจากที่กล่าวมาแล้ว
๖. การแตกลายงาขององค์พระจะมีสองประเภท คือ หนึ่งแตกลายงาแบบหยาบ (แบบสังคโลก คือเครื่องถ้วยชามแบบเก่าในสมัยสุโขทัย) สองการแตกลายงาแบบละเอียด (เหมือนไข่นกปรอท) ทั้งสองลักษณะร่องรอยการแตกตัวจะไม่ลึกถ้าดูเผินๆ คล้ายไม่แยกจากกัน ต้องใช้กล้องส่องจึงจะเห็นชัด และขอให้จำเป็นหลักไว้ว่า การแตกลายงาขององค์พระไม่ได้เกิดจากสาเหตุการลงชาด รัก ปิดทอง เพียงประการเดียว แต่เกิดจากการยุบ และหดตัวของเนื้อมวลสารในขั้นตอนของการตาก ผึ่ง และสภาพแวดล้อมของธรรมชาติในขณะนั้นเป็นสำคัญ ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ปรากฏการแตกลายงาเป็นส่วนใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และเป็นการแตกลายงาโดยไม่ได้ลงชาดรักหรือปิดทอง
๗. คราบไขขาว ที่หลายท่านมีความเข้าใจว่า เป็นคราบแป้งโรยพิมพ์ แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ ในสมัยโบราณจะใช้น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันงาเป็นส่วนสำคัญในการทาพิมพ์ เพราะมีคุณสมบัติใสและลื่น ส่วนคราบไขขาวที่พบเห็นบริเวณผิวหน้าองค์พระนั้นเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำมันที่ทาพิมพ์กับเนื้อมวลสารของพระสมเด็จ ซึ่งเป็นไปตามปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ส่วนใหญ่จะพบเห็นได้จากพระในสกุลพระสมเด็จ แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับพระสมเด็จทุกองค์ คราบไขขาวนี้จะติดแน่นล้างออกได้ยาก ไม่สามารถล้างออกได้ด้วยความร้อน และถ้าใช้สารเคมีจะทำให้ผิวของพระเสียหาย ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ปรากฏคราบไขขาวเป็นบางส่วน
๘. ผงทองนพคุณ คือทองคำแท้เป็นผงทองจากการตะไบทองของช่างทำทองโดยมีลักษณะ เป็นผงละเอียด หยาบ และเกร็ด ส่วนที่หยาบเป็นท่อนเล็ก ๆ ที่พบขนาดใหญ่ที่สุดกว้าง ๑.๕ มิลลิเมตร ยาว ๓ มิลลิเมตร โดยประมาณ โรยไว้ทั้งด้านหน้า และด้านหลังเป็นบางองค์ ไม่บ่งบอกถึงรูปแบบอาจมีมากบ้างน้อยบ้าง สันนิษฐานว่า เป็นไปโดยอัธยาศัยของผู้กดพิมพ์ (ถ้าพบผงทองที่เกิดสนิมสีเขียวแสดงว่า เป็นผงทองเหลือง ไม่ใช่ของแท้) ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ปรากฏผงทองนพคุณค่อนข้างหยาบ โดยวิธีโรยทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นบางองค์
๙. ผงแร่เหล็กไหล คือโลหะเหล็กที่มีเนื้ออ่อนสีดำมัน เงา ละลายและหลอมเหลวได้ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าแร่เหล็กชนิดอื่น ๆ นำมาย่อยมีขนาดไม่แน่นอนพบทั้งละเอียดและหยาบ สัมผัสดูจะรู้สึกคล้ายมีคมเหมือนกระดาษทรายหยาบ ก้อนใหญ่สุดมีขนาดไม่เกิน ๓ มิลลิเมตร ผสมอยู่ในเนื้อมวลสาร มากบ้าง น้อยบ้าง เป็นแร่เหล็กที่เป็นมงคล ไม่เกิดสนิม และหายากมาก ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้มีผงแร่เหล็กไหลผสมอยู่ในเนื้อมวลสาร แต่พบเป็นส่วนน้อยเป็นส่วนน้อย
๑๐. ผงแร่รัตนชาติ (รัตนชาติ คือแร่ ๙ ประเภทที่นำมาใช้ทำเป็นเครื่องประดับ) พบทั้งหมด ๑๒ สี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน ฟ้า เขียว เหลือง น้ำตาล ส้ม แดง ชมพู ดำ และขาว แบ่งเป็นสองลักษณะ ลักษณะมวลแข็ง จะแลดูแกร่ง แสงสลัว มันวาว ลักษณะมวลอ่อน จะแลดูแข็ง แต่ไม่แกร่ง ทึบแสง ไม่มันวาว แห้ง สัณฐานจะกลมหรือเหลี่ยมให้สังเกตจะมนไม่มีคมถูกนำมาย่อยเป็นเม็ดเล็ก ๆ ขนาดโดยประมาณ .๕ - ๓ มิลลิเมตร ผสมอยู่ในวรรณต่าง ๆ มากบ้าง น้อยบ้าง ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้มีผงแร่รัตนชาติลักษณะมวลอ่อนผสมอยู่ในเนื้อมวลสารเล็กน้อย และผสมอยู่เป็นบางองค์
๑๑. ไม่มีวรรณเบญจสิริ ไม่มีวรรณสีสิริมงคลหรือสีประจำวัน
๑๒. ไม่ลงชาด รัก และไม่ปิดทอง (ไม่ลงรักปิดทองล่องชาด)
๑๓. ไม่ประดับอัญมณี ไม่ปิดทอง ไม่บุทอง ไม่ลงเครื่องมุกแบบจีน ไม่มีตราแผ่นดิน ไม่มีอักขระเลขยันต์ ไม่จาลึก ปี พ.ศ. ไม่ฝังก้างปลา
๑๔. ไม่บรรจุกรุ
๑๕. การพุทธาภิเษก สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เป็นองค์พุทธาภิเษก พระเทพโลกอุดรเป็นองค์ประธานในการพุทธาภิเษกโดยอทิสสมานกาย
พระสมเด็จวัดพระแก้วที่จัดสร้าง เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๑๑ – ๒๔๑๒
เนื้อมวลสารที่พบ ดังนี้ เนื้อมวลสารกังไส หรือเนื้อน้ำมัน และเนื้อมวลสารปูนสอ
วรรณลงชาด รัก
- ลงชาดสีแดงและรักสีดำ
- ลงชาดสีแดงและรักสีน้ำเงินจากพม่า
- ลงชาดสีแดงและรักสีเหลือง
๑. พุทธศิลป์ ทรงพิมพ์ เป็นพิมพ์ของพระสมเด็จวัดระฆัง วัดไชโย เช่น พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดี พิมพ์เกศบัวตูม พิมพ์ฐานแซม พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ฐานเจ็ดชั้น พิมพ์ฐานเก้าชั้น นอกจากนั้นยังพบพิมพ์ที่แกะขึ้นใหม่อีกหลายพิมพ์เป็นพิมพ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ได้แก่ พิมพ์ฐานคู่ และพิมพ์อกครุฑเศียรบาตร และทรงพิมพ์อื่น ๆ ที่มีความหมายในทางพุทธศาสนา เช่น พิมพ์ชฎาหรหม พิมพ์ฉัตรสามชั้น พิมพ์ทรงครุฑ พิมพ์ทรงคชสาร พิมพ์รูปเหมือนสมเด็จฯ พิมพ์ล้อ เป็นต้น ที่สำคัญได้พบพิมพ์พระประธาน (พิมพ์พระประธาน คือการจำลองแบบพระประธานในพระอุโบสถ มีพุทธลักษณะ ดังนี้ ปางสมาธิ พระพักตร์กลมใหญ่ พระเกศปลีเรียวยาวจรดซุ้ม มีพระเนตร พระกรรณ พระนาสิก และพระโอษฐ์ ปรากฏเด่นชัด สังฆาฏิพาดคลุมจากพระอังสาจรดพระนาภี ขัดสมาธิกว้างโค้งเล็กน้อยบนนิสีทนสันถัต ฐานสามชั้นสมส่วนสวยงาม) ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ทรงพิมพ์มีมากกว่าหนึ่งร้อยพิมพ์
๒. เนื้อมวลสาร ลักษณะเนื้อมวลสารกังไส หรือเนื้อน้ำมัน เนื้อมวลสารปูนสอ ในเรื่องของความหนึกนุ่มใกล้เคียงพระสมเด็จวัดระฆัง ส่าวนในเรื่องของวรรณลักษณะขาวตั้งต้น ขาวนวลคล้ายมุก ขาวขุ่น ขาวอมเหลืองอ่อน ขาวอมเทา ขาวอมน้ำตาล ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้เนื้อมวลสารมีลักษณะที่แตกต่างกับพระสมเด็จในยุคใด ๆ คือ มีความละเอียดมากกว่า หนึกนุ่ม มันวาว มีน้ำหนัก แข็งแกร่ง แห้งจัด สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า และที่สำคัญใช้มวลสารที่หายาก และเป็นสิริมงคลในตัวเอง
๓. พิมพ์แม่แบบลักษณะเดิม คือ เป็นพิมพ์ชิ้นเดียวมีการตัดขอบทั้งสี่ด้าน และปาดหลังโดยใช้วัสดุบาง และมีคม ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ด้านข้างและด้านหลังขององค์พระจะปรากฏรอยเหนอะจากการยุบ และหดตัวของเนื้อมวลสาร ด้านหลังปรากฏรอยแล่งอันเกิดจากวัสดุปาดหลัง และรอยกระดานอันเกิดจากการใช้รองในขณะผึ่ง ตาก เรียกว่า “หลังกระดาน” เช่นเดียวกับพระสมเด็จวัดระฆัง
๔. พิมพ์แม่แบบลักษณะพัฒนาใหม่ ทั้งรูปแบบที่เน้นสาระรายละเอียด มีความลงตัวในสัดส่วน สง่างาม มีความคมชัด จัดเป็นวิจิตรศิลป์ เป็นพิมพ์สองชิ้นประกบกัน จึงไม่มีการตัดขอบทั้งสี่ด้าน และไม่ปาดหลัง แต่มีการ แต่งขอบด้านหน้า และด้านหลังหลังทั้งสี่ด้านเล็กน้อยอันเนื่องด้วยมีเนื้อเกิน ด้วยการมนและปาดขอบหลังถอดพิมพ์ขณะเนื้อพระแห้งหมาด ๆ ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ด้านหลังและด้านข้างขององค์พระจะเรียบ ปราศจากรอยแล่ง แต่จะพบรอยเหนอะจากการยุบและหดตัวของเนื้อมวลสาร และรอยหลังกระดานอันเกิดจากการใช้รองในขณะผึ่ง ตาก
๕. ด้านหน้าและด้านหลัง พิจารณาโดยละเอียดจะพบ เกาะแก่ง หลุมเล็กๆ รอยปูไต่ รอยหนอนด้น ทรายทอง ที่เกิดจากธรรมชาติ และกาลเวลาเป็นสำคัญ ด้านหลังขององค์พระบางส่วนจะปรากฏพระราชลัญจกร และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ดังนี้ ครุฑ จักร ชฎา ช้าง ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ด้านหลังปรากฏสัญลักษณ์ต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่ ส่วนพระราชลัญจกรพบเห็นเพียงส่วนน้อย
๖. การแตกลายงาขององค์พระจะมีสองประเภท คือ หนึ่งแตกลายงาแบบหยาบ (แบบสังคโลก คือเครื่องถ้วยชามแบบเก่าในสมัยสุโขทัย) สองการแตกลายงาแบบละเอียด (เหมือนไข่นกปรอท) ทั้งสองลักษณะร่องรอยการแตกตัวจะไม่ลึกถ้าดูเผินๆ คล้ายไม่แยกจากกัน ต้องใช้กล้องส่องจึงจะเห็นชัด และขอให้จำเป็นหลักไว้ว่า การแตกลายงาขององค์พระไม่ได้เกิดจากสาเหตุการลงชาด รัก ปิดทอง เพียงประการเดียว แต่เกิดจากการยุบ และหดตัวของเนื้อมวลสารในขั้นตอนของการตาก ผึ่ง และสภาพแวดล้อมของธรรมชาติในขณะนั้นเป็นสำคัญ ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ปรากฏการแตกลายงาเป็นส่วนใหญ่ และไม่ปรากฏการแตกลายงาก็มีเป็นบางส่วน
๗. คราบไขขาว ที่หลายท่านมีความเข้าใจว่า เป็นคราบแป้งโรยพิมพ์ แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ ในสมัยโบราณจะใช้น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันงาเป็นส่วนสำคัญในการทาพิมพ์ เพราะมีคุณสมบัติใสและลื่น ส่วนคราบไขขาวที่พบเห็นบริเวณผิวหน้าองค์พระนั้นเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำมันที่ทาพิมพ์กับเนื้อมวลสารของพระสมเด็จ ซึ่งเป็นไปตามปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ส่วนใหญ่จะพบเห็นได้จากพระในสกุลพระสมเด็จ แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับพระสมเด็จทุกองค์ คราบไขขาวนี้จะติดแน่นล้างออกได้ยาก ไม่สามารถล้างออกได้ด้วยความร้อน และถ้าใช้สารเคมีจะทำให้ผิวของพระเสียหาย ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ปรากฏคราบไขขาวเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะวรรณสีสิริมงคล และสีประจำวัน และวรรณเบญจสิริ ที่ไม่ปรากฏคราบไขขาวก็มีเป็นบางส่วน
๘. ผงทองนพคุณคือทองคำแท้ เป็นผงทองจากการตะไบทองของช่างทำทองโดยมีลักษณะเป็นผงละเอียด หยาบ และเกร็ด ส่วนที่หยาบเป็นท่อนเล็ก ๆ ที่พบขนาดใหญ่ที่สุดกว้าง ๑.๕ มิลลิเมตร ยาว ๓ มิลลิเมตร โดยประมาณ โรยไว้ทั้งด้านหน้า และด้านหลังไม่บ่งบอกถึงรูปแบบอาจมีมากบ้างน้อยบ้าง สันนิษฐานว่า เป็นไปโดยอัธยาศัยของผู้กดพิมพ์ (ถ้าพบผงทองที่เกิดสนิมสีเขียวแสดงว่า เป็นผงทองเหลือง ไม่ใช่ของแท้) ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ปรากฏผงทองนพคุณโดยวิธีโรยทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นส่วนใหญ่ในทุกทรงพิมพ์ และถ้ามีผงทองนพคุณผสมอยู่ในเนื้อมวลสารเป็นเอกเทศเรียกว่า “เนื้อมวลสารทองนพคุณ”
๙. ผงแร่เหล็กไหล คือโลหะเหล็กที่มีเนื้ออ่อนสีดำมัน เงา วาว ละลายและหลอมเหลวได้ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าแร่เหล็กชนิดอื่น ๆ ได้ถูกนำมาย่อยมีขนาดไม่แน่นอนพบทั้งละเอียดและหยาบ ก้อนใหญ่สุดมีขนาดไม่เกิน ๓ มิลลิเมตร และผสมอยู่ในวรรณต่าง ๆ มากบ้าง น้อยบ้าง เป็นแร่เหล็กที่เป็นมงคล ไม่เกิดสนิม และหายากมาก ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้มีผงแร่เหล็กไหลผสมอยู่ในเนื้อมวลสารเป็นบางองค์ และถ้ามีผงแร่เหล็กไหลผสมอยู่ในเนื้อมวลสารเป็นเอกเทศเรียกว่า “เนื้อมวลสารแร่เหล็กไหล” ไม่ลงชาด รัก
๑๐. ผงหินอ่อน จากศิลาจารึกพระคาถาพญาธรรมิกราชอยู่ในสระน้ำวัดระฆังโฆสิตาราม วัดอินทรวิหาร และวัดหงส์รัตนาราม ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้มีผงหินอ่อนผสมอยู่เป็นบางองค์ ลักษณะจะเป็นสีขาวขุ่นดังเช่นหินอ่อนทั่วไป สีสม่ำเสมอ มีความเก่า ถูกนำมาย่อยละเอียด ขนาดมีความใกล้เคียงกัน ก้อนใหญ่สุดมีขนาดไม่เกิน ๓ มิลลิเมตร (ยกเว้นวรรณสีสิริมงคล และสีประจำวันจะมีผงหินอ่อน และผงทองนพคุณ เป็นส่วนผสมหลัก)
๑๑. ผงแร่รัตนชาติ (รัตนชาติ คือแร่ ๙ ประเภทที่นำมาใช้ทำเป็นเครื่องประดับ) พบทั้งหมด ๑๒ สี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน ฟ้า เขียว เหลือง น้ำตาล ส้ม แดง ชมพู ดำ และขาว แบ่งเป็นสองลักษณะ ลักษณะมวลแข็ง จะแลดูแกร่ง แสงสลัว มันวาว ลักษณะมวลอ่อน จะแลดูแข็ง แต่ไม่แกร่งทึบแสง ไม่มันวาว แห้ง สัณฐานจะกลมหรือเหลี่ยมให้สังเกตจะมนไม่มีคมถูกนำมาย่อยเป็นเม็ดเล็ก ๆ ขนาดโดยประมาณ .๕ - ๓ มิลลิเมตร และผสมอยู่ในวรรณต่าง ๆ มากบ้าง น้อยบ้าง ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้มีผงแร่รัตนชาติผสมอยู่ในเนื้อมวลสารผสมอยู่เป็นบางองค์ และถ้ามีผงแร่แร่รัตนชาติผสมอยู่ในเนื้อมวลสารเป็นเอกเทศเรียกว่า “เนื้อมวลสารแร่รัตนชาติ”
๑๒. มีการลงชาดและลงรัก ดังนี้ ลงชาดสีแดง และลงทับด้วยรักสมุกสีต่าง ๆ คือ รักสมุกสีดำ รักสมุกสีน้ำเงิน รักสมุกสีเหลือง (หรดาล) เป็นการลงสองชั้นบาง ๆ คือลงชาดหนึ่ง และลงรักสมุกสีต่าง ๆ หนึ่ง การลงชาดรักจะลงทั้งผิวด้านหน้าและด้านหลังขององค์พระ พบว่า ชาดรักมีความเก่ามากให้สังเกตว่า สีของรักดำเหมือนสีของตากุ้ง รักสีน้ำเงินจากพม่าจะดูเป็นสีเทาเข้ม ส่วนรักสีเหลืองหรดาลจะเหมือนสีของหมากสุก แต่คล้ำ (รักสีเหลืองหรดารนี้หาได้ยากมาก) ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ลงชาดและลงรักเป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญชาดรักต้องไม่เป็นมันเงา ต้องแห้งด้าน ต้องมีการร่อนและลอกออก เป็นแผ่นบาง หรือเป็นขุย ไม่มีลักษณะของการกะเทาะ เพราะเป็นการลงชาดรักบาง ๆ เพียงสองชั้นเท่านั้น การลอกจะเป็นหย่อม ๆ ไม่ทั่วทั้งองค์ มากบ้างน้อยบ้างตามกาลเวลา และมีลักษณะเป็นไปโดยธรรมชาติ
๑๓. ไม่ประดับอัญมณี ไม่ปิดทอง ไม่บุทอง ไม่ลงเครื่องมุกแบบจีน ไม่มีตราแผ่นดิน ไม่มีอักขระเลขยันต์ ไม่จาลึก ปี พ.ศ. ไม่ฝังก้างปลา
๑๔. บรรจุกรุ พิจารณาจะพบคราบไขขาว และคราบฝุ่นเล็กน้อย ไม่พบคราบกรุอื่นใด ด้วยเหตุผลคือสถานที่บรรจุพระ(กรุ)ไม่ถูกน้ำท่วม ไม่ถูกน้ำค้าง คงถูกความร้อน ความเย็นและความชื้นจากสภาพอากาศกลางวัน กลางคืน ตามฤดูกาลเท่านั้น ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้บรรจุลงหีบปิดไว้อย่างดีแล้วจึงนำลงบรรจุกรุ
๑๕. ผงวิเศษของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
๑๖. การพุทธาภิเษก จัดเป็นพระราชพิธีหลวงตามโบราณราชประเพณี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เป็นองค์ประธาน พระเกจิอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบในยุคนั้นอีกหลายรูปร่วมพิธีในการพุทธาภิเษก
วรรณสีสิริมงคล และสีประจำวัน
วรรณสีสิริมงคล และสีประจำวัน คือสีที่เป็นสิริมงคลใช้เป็นสีประจำวัน และแทนธาตุทั้งห้า ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไม้ ธาตุไฟ และธาตุทอง ธาตุทั้งห้าถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของทุกสรรพสิ่งในโลกนี้จึงมีอิทธิพลเกี่ยวกับความสัมพันธ์กันของสิ่งต่าง ๆ ให้มนุษย์ได้อยู่กับสภาพการณ์ และสภาวะแวดล้อมของโลกได้อย่างสมดุล และมีพลัง ดังเช่นหยินกับหยาง สีสิริมงคล ที่นำมาผสมลงในเนื้อพระให้เป็นสีต่าง ๆ นำมาจากหลายประเทศ เช่น จีน เกาหลี และประเทศในยุโรป อันประกอบด้วย สีแดง สีเหลือง สีชมพู สีเขียว สีส้ม สีฟ้า สีม่วง มีทั้งสีอ่อน และสีเข้มปะปนกันเป็นสีหลัก ส่วนสีอื่น ๆ ที่พบ เช่น สีขาว สีดำ สีน้ำตาล เป็นสีที่ใช้ทำเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ของไทย การพิจารณาสีสิริมงคลนั้น สี แต่ละสีจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว กล่าวคือ สีมันเป็นเงางาม และสดใส เมื่อแห้งแล้วไม่ละลายในน้ำ และในน้ำมัน ทนต่อสภาวะธรรมชาติได้ดี ไม่หลุดลอกไม่ติดมือ และที่สำคัญสีต่าง ๆ จะไม่สามารถนำมาผสมกันให้เป็นสีใหม่ได้ดังเช่นแม่สี พระสมเด็จสกุลนี้จัดเป็นเนื้อมวลสารลักษณะเนื้อน้ำมัน มีความละเอียด หนึกนุ่ม มันวาว มีน้ำหนัก และแข็งแกร่ง
๑. พิมพ์แม่แบบลักษณะเดิมพบเป็นจำนวนน้อย พิมพ์แม่แบบลักษณะพัฒนาใหม่พบเป็นจำนวนมาก ทรงพิมพ์ที่พบได้แก่พิมพ์ประธานหรือพิมพ์ใหญ่ ส่วนพิมพ์อื่น ๆ อาจจะมีบ้าง แต่ยังไม่เคยพบเห็น
๒. ปรากฏการแตกลายงาทั้งสองประเภท และไม่แตกลายงา
๓. ผงแร่รัตนชาติ ผงทองนพคุณ ผงแร่เหล็กไหล ผงหินอ่อน จะปรากฏมากบ้าง น้อยบ้าง คือ ปรากฏทั้งหมด บางชนิด หรือไม่ปรากฏ ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้จะมีผงหินอ่อน และผงทองนพคุณ เป็นส่วนผสมหลัก
๔. ไม่ลงชาด และรัก
๕. ไม่ประดับอัญมณี ไม่ปิดทอง ไม่บุทอง ไม่ลงเครื่องมุกแบบจีน ไม่มีตราแผ่นดิน ไม่ลงอักขระเลขยันต์ ไม่จาลึก ปี พ.ศ. ไม่ฝังก้างปลา ข้อพิจารณา ด้านหลังไม่มีพระราชลัญจกร และไม่มีสัญลักษณ์ใด ๆ
๖. ผงวิเศษของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
๗. บรรจุกรุ และการพุทธาภิเษก การพุทธาภิเษกจัดเป็นพระราชพิธีหลวงตามโบราณราชประเพณี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เป็นองค์ประธาน พระเกจิอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบในยุคนั้นอีกหลายรูปร่วมพิธีในการพุทธาภิเษก
วรรณเบญจสิริ
วรรณเบญจสิริ คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นสิริมงคลสูงสุดตามหลักแห่ง สีสิริมงคลฉัพพรรณรังสี เป็นสำคัญ ประกอบไปด้วยสีที่เป็นสิริมงคลห้าสีเป็นอย่างน้อย ได้แก่ สีขาว สีเหลือง สีดำ สีเขียว สีแดง และใสดังแก้วผลึก และอาจมีสีอื่น ๆ ปะปนอยู่บ้าง เข่น สีน้ำตาล สีเทา และสีฟ้า เป็นต้น สีต่าง ๆ นำมาจากหลายประเทศ เช่น จีน เกาหลี และประเทศในยุโรป เป็นสีที่ใช้ทำเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ของไทย โดยมีเนื้อมวลสารขาวเหลือง ขาวนวล เป็นหลัก แล้วนำสี แต่ละสีมาผสมลงไปลักษณะของศิลป์ที่เป็นเส้นสายมีการเรียงตัวตามธรรมชาติอย่างเป็นเอกเทศ เป็นศิลป์สีสิริมงคลฉัพพรรณรังสี การพิจารณาสีสิริมงคลเบญจสิรินั้นสี แต่ละสีจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว กล่าวคือ สีมันเป็นเงางาม และสดใส เมื่อแห้งแล้วไม่ละลายในน้ำ และน้ำมัน ทนต่อสภาวะธรรมชาติได้ดี ไม่หลุดลอกไม่ติดมือ และที่สำคัญสีต่าง ๆ จะไม่สามารถนำมาผสมกันให้เป็นสีใหม่ได้ดังเช่นแม่สี พระสมเด็จสกุลนี้จัดเป็นเนื้อมวลสารลักษณะเนื้อน้ำมัน มีความละเอียด หนึกนุ่ม มันวาว มีน้ำหนัก และแข็งแกร่ง
๑. พิมพ์แม่แบบลักษณะเดิมพบเป็นจำนวนน้อยมาก พิมพ์แม่แบบลักษณะพัฒนาใหม่พบเป็นจำนวนมาก ทรงพิมพ์ที่พบได้แก่ พิมพ์ประธานหรือพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ฉัตรสามชั้น พิมพ์ทรงครุฑ พิมพ์ทรงคชสาร ส่วนพิมพ์อื่น ๆ อาจจะมีบ้าง แต่ยังไม่เคยพบเห็น
๒. ปรากฏการแตกลายงาทั้งสองประเภท และไม่แตกลายงา จำนวนใกล้เคียงกัน
๓. ผงแร่รัตนชาติ (ประเภทมวลแข็ง) ผงทองนพคุณ ผงแร่เหล็กไหล ผงหินอ่อน จะปรากฏมากบ้างน้อยบ้าง คือ ปรากฏทั้งหมด บางชนิด หรือไม่ปรากฏ
๔. ไม่ลงชาด และรัก
๕. ไม่ประดับอัญมณี ไม่ปิดทอง ไม่บุทอง ไม่ลงเครื่องมุกแบบจีน ไม่มีตราแผ่นดิน ไม่ลงอักขระเลขยันต์ ไม่จาลึก ปี พ.ศ. ไม่ฝังก้างปลา ด้านหลังไม่ปรากฏพระราชลัญจกร และสัญลักษณ์ใด ๆ
๖. ผงวิเศษของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
๗. บรรจุกรุ และการพุทธาภิเษก การพุทธาภิเษกจัดเป็นพระราชพิธีหลวงตามโบราณราชประเพณี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เป็นองค์ประธาน พระเกจิอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบในยุคนั้นอีกหลายรูปร่วมพิธีในการพุทธาภิเษก
พระสมเด็จวัดพระแก้วที่จัดสร้าง เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๒๕
เนื้อมวลสารที่พบ ดังนี้ เนื้อมวลสารกังไส หรือเนื้อน้ำมัน และเนื้อมวลสารปูนสอ
วรรณลงชาด รัก
- ลงชาดสีแดงและรักสีดำ
- ลงชาดสีแดงและรักสีน้ำเงินจากพม่า
- ลงชาดสีแดงและรักสีเหลือง
๑. พุทธศิลป์ ทรงพิมพ์ เป็นพิมพ์ของพระสมเด็จวัดระฆัง วัดไชโย วัดบางขุนพรหม เช่น พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดี พิมพ์เกศบัวตูม พิมพ์เส้นด้าย พิมพ์ฐานแซม พิมพ์สังฆาฏิ พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ฐานคู่ พิมพ์อกครุฑ พิมพ์ฐานเจ็ดชั้น พิมพ์ฐานเก้าชั้น พิมพ์ล้อ และทรงพิมพ์อื่น ๆ ที่มีความหมายในทางพุทธศาสนา
๒. เนื้อมวลสาร ลักษณะเนื้อมวลสารกังไส หรือเนื้อน้ำมัน เนื้อมวลสารปูนสอ ความหนึกนุ่ม ใกล้เคียงพระสมเด็จวัดระฆัง ในเรื่องของวรรณลักษณะขาวตั้งต้น ขาวนวลคล้ายมุก ขาวขุ่น ขาวอมเหลืองอ่อน ขาวอมเทา ขาวอมน้ำตาล ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้เนื้อมวลสารมีลักษณะที่เหมือนกับพระสมเด็จใน ปี พ.ศ. ๒๔๑๑ คือมีความละเอียด หนึกนุ่ม มันวาว มีน้ำหนัก แข็งแกร่ง และแห้งจัด สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า และที่สำคัญใช้มวลสารที่หายาก และเป็นสิริมงคลในตัวเอง
๓. พิมพ์แม่แบบลักษณะพัฒนาใหม่ ลักษณะพุทธศิลป์ทรงพิมพ์เหมือนพระสมเด็จวัดระฆัง แต่เน้นสาระรายละเอียด มีความลงตัวในสัดส่วน สง่างาม มีความคมชัด จัดเป็นวิจิตรศิลป์ เป็นพิมพ์สองชิ้นประกบกัน จึงไม่มีการตัดขอบทั้งสี่ด้าน และไม่ปาดหลัง ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ด้านหลังและด้านข้างขององค์พระจะเรียบ ปราศจากรอยแล่ง แต่จะพบรอยเหนอะจากการยุบและหดตัวของเนื้อมวลสาร และรอยหลังกระดานอันเกิดจากการใช้รองในขณะผึ่ง ตาก
๔. ด้านหน้าและด้านหลัง พิจารณาโดยละเอียดจะพบ เกาะแก่ง หลุมเล็กๆ รอยปูไต่ รอยหนอนด้น ทรายทอง ที่เกิดจากธรรมชาติ และกาลเวลาเป็นสำคัญ ด้านหลังขององค์พระบางส่วนพบลัญจกร และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ดังนี้ ครุฑ จักร ชฎา ช้าง ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ด้านหลังปรากฏสัญลักษณ์ต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่ ส่วนพระราชลัญจกรพบเห็นเพียงส่วนน้อย
๕. การแตกลายงาขององค์พระจะมีสองประเภท คือ หนึ่งแตกลายงาแบบหยาบ (แบบสังคโลก คือเครื่องถ้วยชามแบบเก่าในสมัยสุโขทัย) สองการแตกลายงาแบบละเอียด (เหมือนไข่นกปรอท) ทั้งสองลักษณะร่องรอยการแตกตัวจะไม่ลึกถ้าดูเผินๆ คล้ายไม่แยกจากกัน ต้องใช้กล้องส่องจึงจะเห็นชัด และขอให้จำเป็นหลักไว้ว่า การแตกลายงาขององค์พระไม่ได้เกิดจากสาเหตุการลงชาด รัก ปิดทอง เพียงประการเดียว แต่เกิดจากการยุบ และหดตัวของเนื้อมวลสารในขั้นตอนของการตาก ผึ่ง และสภาพแวดล้อมของธรรมชาติในขณะนั้นเป็นสำคัญ ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ปรากฏการแตกลายงาเป็นส่วนใหญ่ ส่วนน้อยไม่ปรากฏการแตกลายงา
๖. คราบไขขาว ที่หลายท่านมีความเข้าใจว่า เป็นคราบแป้งโรยพิมพ์ แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ ในสมัยโบราณจะใช้น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันงาเป็นส่วนสำคัญในการทาพิมพ์ เพราะมีคุณสมบัติใสและลื่น ส่วนคราบไขขาวที่พบเห็นบริเวณผิวหน้าองค์พระนั้นเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำมันที่ทาพิมพ์กับเนื้อมวลสารของพระสมเด็จ ซึ่งเป็นไปตามปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ส่วนใหญ่จะพบเห็นได้จากพระในสกุลพระสมเด็จ แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับพระสมเด็จทุกองค์ คราบไขขาวนี้จะติดแน่นล้างออกได้ยาก ไม่สามารถล้างออกได้ด้วยความร้อน และถ้าใช้สารเคมีจะทำให้ผิวของพระเสียหาย ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ปรากฏคราบไขขาวเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะวรรณสีสิริมงคล และสีประจำวัน และวรรณเบญจสิริ ที่ไม่ปรากฏคราบไขขาวก็มีเป็นบางส่วน
๗. ผงทองนพคุณคือทองคำแท้ เป็นผงทองจากการตะไบทองของช่างทำทองโดยมีลักษณะเป็นผงละเอียดสม่ำเสมอ โรยไว้ทั้งด้านหน้า และด้านหลังไม่บ่งบอกถึงรูปแบบอาจมีมากบ้างน้อยบ้าง สันนิษฐานว่า เป็นไปโดยอัธยาศัยของผู้กดพิมพ์ (ถ้าพบผงทองที่เกิดสนิมสีเขียวแสดงว่า เป็นผงทองเหลือง ไม่ใช่ของแท้) ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ปรากฏผงทองนพคุณโดยวิธีโรยทั้งด้านหน้า และด้านหลัง แต่พบเป็นจำนวนน้อย
๘. ผงแร่รัตนชาติ (รัตนชาติ คือแร่ ๙ ประเภทที่นำมาใช้ทำเป็นเครื่องประดับ) พบทั้งหมด ๑๒ สี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน ฟ้า เขียว เหลือง น้ำตาล ส้ม แดง ชมพู ดำ และขาว แบ่งเป็นสองลักษณะ ลักษณะมวลแข็งจะแลดูแกร่ง แสงสลัว มันวาว ลักษณะมวลอ่อนจะแลดูแข็ง แต่ไม่แกร่ง ทึบแสง ไม่มันวาว แห้ง สัณฐานจะกลมหรือเหลี่ยมให้สังเกตจะมนไม่มีคมถูกนำมาย่อยเป็นเม็ดเล็ก ๆ ขนาดโดยประมาณ .๕ - ๓ มิลลิเมตร และผสมอยู่ในวรรณต่าง ๆ มากบ้าง น้อยบ้าง ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้มีผงแร่รัตนชาติลักษณะมวลแข็งผสมอยู่ในเนื้อมวลสารเป็นบางองค์
๙. มีการลงชาดและลงรัก ดังนี้ ลงชาดสีแดง และลงทับด้วยรักสมุกสีต่าง ๆ คือ รักสมุกสีดำ รักสมุกสีน้ำเงิน รักสมุกสีเหลือง (หรดาล) เป็นการลงสองชั้นบาง ๆ คือลงชาดหนึ่ง และลงรักสมุกสีต่าง ๆ หนึ่ง การพิจารณาชาด รัก การลงชาดรักจะลงทั้งผิวด้านหน้าและด้านหลังขององค์พระ พบว่า ชาดรักมีความเก่ามากให้สังเกตว่า สีของรักดำเหมือนสีของตากุ้ง รักสีน้ำเงินจากพม่าจะดูเป็นสีเทาเข้ม ส่วนรักสีเหลืองหรดาลจะเหมือนสีของหมากสุก (รักสีเหลืองหรดารนี้หาได้ยากมาก) ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้ลงชาด และลงรักเป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญชาดรักต้องไม่เป็นมันเงา ต้องแห้งด้าน ต้องมีการร่อนและลอกออก เป็นแผ่นบาง หรือเป็นขุย ไม่มีลักษณะของการกะเทาะ เพราะเป็นการลงชาดรักบาง ๆ เพียงสองชั้นเท่านั้น การลอกจะเป็นหย่อม ๆ ไม่ทั่วทั้งองค์ มากบ้างน้อยบ้างตามกาลเวลา และมีลักษณะเป็นไปโดยธรรมชาติ
๑๐. ไม่ประดับอัญมณี ไม่ปิดทอง ไม่บุทอง ไม่ลงเครื่องมุกแบบจีน ไม่มีตราแผ่นดิน ไม่มีอักขระเลขยันต์ ไม่จาลึก ปี พ.ศ. ไม่ฝังก้างปลา
๑๑. บรรจุกรุ พิจารณาจะพบคราบไขขาว และคราบฝุ่นเล็กน้อย ไม่พบคราบกรุอื่นใด ด้วยเหตุผลคือสถานที่บรรจุพระ(กรุ)ไม่ถูกน้ำท่วม ไม่ถูกน้ำค้าง คงถูกความร้อน ความเย็นและความชื้นจากสภาพอากาศกลางวัน กลางคืน ตามฤดูกาลเท่านั้น ข้อพิจารณา พระสมเด็จสกุลนี้บรรจุลงหีบปิดไว้อย่างดีแล้วจึงนำลงบรรจุกรุ
๑๒. ผงวิเศษของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ที่เก็บรักษาไว้รวมทั้งการย่อยสลายพระสมเด็จที่หักชำรุดจำนวนหนึ่ง และจากผงวิเศษของพระเกจิอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบในยุคนั้น
๑๓. บรรจุกรุ และการพุทธาภิเษกจัดเป็นพระราชพิธีหลวงตามโบราณราชประเพณี โดยพระเกจิอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบในยุคนั้น
วรรณสีสิริมงคล และสีประจำวัน
วรรณสีสิริมงคล และสีประจำวัน คือ สีที่เป็นสิริมงคลใช้แทนธาตุทั้งห้า ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไม้ ธาตุไฟ และธาตุทอง ธาตุทั้งห้าถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของทุกสรรพสิ่งในโลกนี้จึงมีอิทธิพลเกี่ยวกับความสัมพันธ์กันของสิ่งต่าง ๆ ให้มนุษย์ได้อยู่กับสภาพการณ์ และสภาวะแวดล้อมของโลกได้อย่างสมดุล และมีพลัง ดังเช่นหยินกับหยาง สีสิริมงคล ที่นำมาผสมลงในเนื้อพระให้เป็นสีต่าง ๆ เป็นพลังตามสีของวัน ตั้ง แต่วันอาทิตย์ จนถึง วันเสาร์ นำมาจากหลายประเทศ เช่น จีน เกาหลี และประเทศในยุโรป อันประกอบด้วย สีแดง สีเหลือง สีชมพู สีเขียว สีส้ม สีฟ้า สีม่วง มีทั้งสีอ่อน และสีเข้มปะปนกันเป็นสีหลัก ส่วนสีอื่น ๆ ที่พบ เช่น สีขาว สีดำ สีน้ำตาล เป็นสีที่ใช้ทำเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ของไทย การพิจารณาสีสิริมงคลนั้น สี แต่ละสีจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว กล่าวคือ สีมันเป็นเงางาม และสดใส เมื่อแห้งแล้วไม่ละลายในน้ำ และในน้ำมัน ทนต่อสภาวะธรรมชาติได้ดี ไม่หลุดลอกไม่ติดมือ และที่สำคัญสีต่าง ๆ จะไม่สามารถนำมาผสมกันให้เป็นสีใหม่ได้ดังเช่นแม่สี พระสมเด็จสกุลนี้จัดเป็นเนื้อมวลสารลักษณะกังไสหรือเนื้อน้ำมัน มีความละเอียด