วิธีคำนวณและตัวอย่างการใช้สิทธิลดหย่อนประกันชีวิตสำหรับประกันชีวิตทั้งสองแบบ
1) เริ่มต้นลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตปกติ 100,000 บาทแรก โดยส่วนแรกหักได้ 10,000 บาท ส่วนที่เกิน 10,000 บาท หักได้ไม่เกินเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 90,000 บาท
2) ลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ซึ่งสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ในวงเงินไม่เกิน 15% ของรายได้พึงประเมินแต่ไม่เกิน 200,000 บาทและเมื่อรวมกับกองทุนรวม RMF และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
ตัวอย่างที่ 1
นายเอม มีเงินได้ทั้งสิ้น 1,000,000 บาทต่อปี และได้ทำประกันชีวิตโดยจ่ายเบี้ยประกันจำนวน 150,000 บาทต่อปี และทำประกันชีวิตแบบบำนาญโดยจ่ายเบี้ยประกันจำนวน 200,000 บาทต่อปี รวมทั้งสิ้นเป็น 350,000 บาทต่อปี
นายเอมจะสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ดังนี้
1. เงินจ่ายค่าเบี้่ยประกันชีวิตแบบปกติ หักได้ 100,000 บาท ซึ่งเป็นไปตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
2. เงินจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญหักได้ 150,000 บาท
ดังนั้น จากตัวอย่างนี้ นายเอมจะลดหย่อนภาษีจากประกันชีวิตได้ทั้งหมด 250,000 บาท
ตัวอย่างที่ 2
นายเอม มีเงินได้ทั้งสิ้น 2,000,000 บาทต่อปี และได้ทำประกันชีวิตโดยจ่ายเบี้ยประกันจำนวน 150,000 บาทต่อปี และทำประกันชีวิตแบบบำนาญโดยจ่ายเบี้ยประกันจำนวน 200,000 บาทต่อปี รวมทั้งสิ้นเป็น 350,000 บาทต่อปีนอกจากนั้น นายเอมยังมีการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจำนวน 100,000 บาท และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อีก 100,000 บาท
นายเอมจะสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ดังนี้
1. เงินจ่ายค่าเบี้่ยประกันชีวิตแบบปกติ หักได้ 100,000 บาท ซึ่งเป็นไปตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
2. เงินจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญหักได้ 200,000 บาท (ไม่เกิน 15% ของเงินได้และไม่เกิน 200,000 บาท) โดยเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจำนวน 200,000 บาท เป็นทั้งสิ้น 400,000 บาท แล้วก็ยังไม่เกิน 500,000 บาทตามที่กฎหมายกำหนด
ดังนั้น จากตัวอย่างนี้ นายเอมจะลดหย่อนภาษีจากประกันชีวิตได้ทั้งหมด 350,000 บาท