วิตามินซีเราทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่า มีประโยชน์มากมากหลายอย่าง ไม่ว่า จะช่วยปกป้องเซลล์ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันสุขภาพ และความแข็งแรงของเนื้อเยื้อในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับเส้นเอ็น และคอลลาเจนก็มีผลมาจากปริมาณวิตามินซีในร่างกาย และวิตามินซี ยังมีฤทธิ์ในการเป็นสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่ดี จึงสามารถป้องกันการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ ดังนั้น เพื่อประโยชน์สูงสุดจึงควรที่จะรับประทาน วิตามินซี ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน ฟลาโวนอย
วิตามินซีแบล็คมอร์เป็นวิตามินซี ที่ได้จากแหล่งธรรมชาติ ผสมโรสฮิพ และอะซีโรลา เหมาะสำหรับผู้ที่ขาดวิตามินซี
รหัส อ.ย.ของออสเตรเลีย คือ AUSTL 278107
ส่วนผสม
Active Ingredients: Ascorbic acid 400mg,Sodium ascorbate 350mg, Calcium ascorbate dihydrate 400mg (Total vitamin C 1000mg), Citrus bioflavonoids extract 25mg, Rutin 50 mg, Hesperidin 50mg, Rosa canina , extract equiv. to dry fruit 250mg, Malpighia glabra (acerola) extract equiv. to dry fruit 50mg
วิตามินซีสำหรับคนที่มีความเครียด ควรรับประทานวันละ 500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากต้องการผลในด้านต้านความชรา เสริมสร้างคอลลาเจน ต้านอนุมูลอิสระ หรืออยากให้ผิวพรรณสดใส ควรจะรับประทาน 500-1,000 มิลลิกรัมช่วยเสริมการทำงานของกลูตาไธโอน
วิธีรับประทาน:วันละ 1-2 เม็ด หลังอาหารเช้า-เย็น
วิตามินซี มีประโยชน์ดังนี้
วิตามินซี ช่วยบรรเทาความรุนแรง และระยะเวลาของการเป็นโรคหวัดหากรับประทานวิตามินซี 1,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวัน ตั้ง แต่เริ่มมีอาการของโรคหวัด จะช่วยให้หายได้เร็วขึ้น
วิตามินซี ช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น เนื่องจาก วิตามินซีช่วยให้ร่างกายซ่อมแซม และรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซลล์ ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง และต่อต้านอาการอักเสบจึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น
หากรับประทาน วิตามินซี เป็นประจำทุกวันจะช่วยให้เหงือกมีสุขภาพแข็งแรง
เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ โดยไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกาย
ช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก
บรรเทาอาการแพ้ หอบหืด ไซนัส
ช่วยป้องกันอาการไมเกรน เมื่อรับประทานร่วมกับ pantothenic acid โดย วิตามินซี จะไปช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น
ช่วยเรื่องความจำ โดยวิตามินซีจะไปช่วยรักษาสภาพของเซลล์ประสาท และจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน กิงโกะไบโลบ้า และโคเอนไซม์ Q10