จำหน่าย,ขาย,อลูมิเนียมเกรด 5052,5083,6061,7075,1100,6063 - อลูมิเนียมแผ่น,อลูมิเนียมอัลลอย
เจ้าของร้าน Login ที่นี่
หน้าร้าน
รายการสินค้า
ติดต่อร้านค้า ส่งข้อความหลังไมค์ วิธีการสั่งซื้อสินค้า วิธีการชำระเงิน เว็บบอร์ด
สมาชิกร้านค้า
สินค้าแนะนำ
หมวดสินค้า
สถิติร้านค้า
เปิดร้าน28/01/2012
อัพเดท18/04/2024
เป็นสมาชิกเมื่อ 26/01/2012
สถิติเข้าชม38162
บริการของร้านค้า
ตรวจสอบสถานะไปรษณีย์
จดหมายข่าว
ใส่ email ของท่านเพื่อรับข่าวสารร้านค้านี้

subscribe unsubscribe

ข้อมูลร้านค้า
   
ที่อยู่  บริษัท เอเชี่ยนพลัส ซัพพลาย จำกัด 234/7 หมู่ 7 ถ.สุขุมวิท ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ 10280
โทร.  087-6039752 02-1863711 02-1863713 F.02-1863712
Mail  asianplussupply@hotmail.com
Search      Go

Home > All Product List > นำเข้าเหล็ก Hardox,จำหน่ายเหล็กทนสึกฮาร์ดด๊อก 450 400 ,ขายเหล็กทนสึก เหล็ก Hardox 400,เหล็ก Hardox 450,เหล็ก Hardox 500,Hardox 600,แผ่นเหล็กเกรด: Hardox 400, Hardox 450, Hardox 500, Hardox 600,ตัดแบ่งขายเหล็กทนสึก Hardox,ฮาร์ดอกซ์,ABREX400 ABRAX400 ABREX


นำเข้าเหล็ก Hardox,จำหน่ายเหล็กทนสึกฮาร์ดด๊อก 450 400 ,ขายเหล็กทนสึก เหล็ก Hardox 400,เหล็ก Hardox 450,เหล็ก Hardox 500,Hardox 600,แผ่นเหล็กเกรด: Hardox 400, Hardox 450, Hardox 500, Hardox 600,ตัดแบ่งขายเหล็กทนสึก Hardox,ฮาร์ดอกซ์,ABREX400 ABRAX400 ABREX

รูปภาพประกอบทั้งหมด 7 รูป

นำเข้าเหล็ก Hardox,จำหน่ายเหล็กทนสึกฮาร์ดด๊อก 450 400 ,ขายเหล็กทนสึก เหล็ก Hardox 400,เหล็ก Hardox 450,เหล็ก Hardox 500,Hardox 600,แผ่นเหล็กเกรด: Hardox 400, Hardox 450, Hardox 500, Hardox 600,ตัดแบ่งขายเหล็กทนสึก Hardox,ฮาร์ดอกซ์,ABREX400 ABRAX400 ABREX

ลงประกาศเมื่อวันที่  :  11/09/2019
แก้ไขล่าสุด  :  28/01/2024
ราคา  ตามตกลง

คุณสมบัติและการใช้งาน / องค์ประกอบ Hardox 400 450 เหล็กของhardox 400 , hardox 450 , hardox 500 , hardox 550

เมื่อเลือกวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานหนัก Hardox 450 คือชื่อที่โดดเด่น เป็นเหล็กกล้าที่ทนทานต่อการขีดข่วนด้วยส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความเหนียวและความแข็ง ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน ซึ่งต้องการความแข็งแรงและความทนทานต่อการสึกหรอสูง ในบล็อกโพสต์นี้ เราจะเจาะลึกองค์ประกอบและคุณสมบัติเชิงกลของ Hardox 450 การใช้งาน และวิธีการใช้งาน

Hardox 450 คืออะไร ?
Hardox 450 เป็นเหล็กกล้าชุบแข็งที่มีค่าความแข็งอยู่ที่ 450 HBW (ความแข็งบริเนล) เป็นเหล็กกล้าอัลลอยด์ต่ำที่มีความแข็งแรงสูง ซึ่งได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้ในสถานการณ์ที่สึกหรอมาก ธาตุผสมหลักใน Hardox 450 ได้แก่ คาร์บอน แมงกานีส ซิลิกอน โครเมียม นิกเกิล และโบรอน

คุณสมบัติทางกายภาพของ Hardox 450
นอกจากคุณสมบัติเชิงกลแล้ว Hardox 450 ยังมีคุณสมบัติทางกายภาพที่น่าประทับใจ เช่น แรงกระแทกสูง ขึ้นรูปได้ดี และค่าการนำความร้อนต่ำ ทำให้ง่ายต่อการแปรรูป

Hardox 450 การใช้งาน
Hardox 450 ถูกนำไปใช้งานหลายประเภท เช่น รถดัมพ์ เครน ถังขุด สายพานลำเลียง และอุปกรณ์การทำเหมือง เหล็กกล้าขึ้นชื่อในด้านความทนทานต่อการสึกหรอที่ดีเยี่ยม ซึ่งหมายความว่า สามารถทนทานต่อการเสียดสีและแรงกระแทกซ้ำๆ โดยไม่สูญเสียความสมบูรณ์ของโครงสร้าง ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการใช้งานหนักและสึกหรอ

Hardox 450 ต้านทานการกัดกร่อน
หนึ่งในคุณสมบัติที่น่าประทับใจที่สุดของ Hardox 450 คือความทนทานต่อการกัดกร่อน มีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ซึ่งอาจเกิดปัญหาการกัดกร่อนได้ ปริมาณโครเมียมของเหล็กทำให้ทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยมแม้ในสภาพแวดล้อมทางเคมีที่อาจก่อให้เกิดการกัดกร่อน

Hardox 450 การรักษาความร้อน
เกี่ยวกับการอบชุบ Hardox 450 เป็นเหล็กชุบแข็งที่ชุบแข็งโดยการให้ความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 950°C แล้วทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็วในน้ำหรือน้ำมัน ส่วนประกอบของเหล็กกล้าทำให้เหมาะสำหรับการอบชุบด้วยความร้อน ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณสมบัติเชิงกล ทำให้แข็งแกร่งและทนทานยิ่งขึ้น

เครื่องจักร Hardox 450
การตัดเฉือน Hardox 450 อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชิ้นส่วนขนาดใหญ่และซับซ้อน อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้วิธีการผลิตแบบดั้งเดิม คุณสมบัติการขึ้นรูปที่ยอดเยี่ยมของเหล็กกล้าทำให้สามารถดัดและขึ้นรูปได้ง่าย

เครื่องเชื่อม Hardox 450
การเชื่อม Hardox 450 อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายเนื่องจากเหล็กมีความแข็งแรงและความแข็งสูง วัสดุสิ้นเปลืองในการเชื่อมที่มีไฮโดรเจนต่ำและแนวทางปฏิบัติที่ดีทั้งก่อนและหลังการให้ความร้อนช่วยให้มั่นใจว่า รอยเชื่อมยังคงแข็งแกร่งและทนทาน

บทสรุป:
โดยสรุปแล้ว Hardox 450 เป็นเหล็กกล้าที่ทนทานต่อการขีดข่วนโดยมีคุณสมบัติด้านความแข็งแรง ความเหนียว และความทนทานต่อการสึกหรอเป็นพิเศษ องค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์และคุณสมบัติเชิงกลทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานหนักที่ต้องการความแข็งแรงและความทนทานสูงสุด แม้ว่า การตัดเฉือนและการเชื่อมจะเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ขั้นตอนและเทคนิคที่เหมาะสมสามารถรับประกันผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่า คุณจะต้องการสร้างอุปกรณ์การทำเหมือง บุ้งกี๋รถขุด หรือรถดัมพ์ Hardox 450 เป็นวัสดุที่ควรค่าแก่การตรวจสอบ

เหล็กกล้าเครื่องมือ (Tool Steels) ในชีวิตประจำวันเราคงเคยใช้เครื่องมือเหล็ก เช่น ค้อน ตะไบ สิ่ว ใบเลี่อย เหล็กกล้าที่ใช้ทำเครื่องมือเหล่านี้มีคุณสมบัติบางอย่างที่ต่างจากเหล็กกล้าที่เราใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป เช่น การทนต่อการเสียดสีที่เหนือกว่า การทนต่อแรงกระแทกที่เหนือกว่า การทนต่อการใช้งานที่อุณหภูมิสูงที่เหนือกว่า เป็นต้น บางคนอาจตั้งคำถามว่า เหล็กกล้าดังกล่าวมีกรรมวิธีผลิต หรือการเลือกใช้งานแตกต่างจากเหล็กกล้าทั่วไปอย่างไร

ความหมายของเหล็กกล้าเครื่องมือ
เหล็กกล้าเครื่องมือ คือ เหล็กกล้าที่ใช้สำหรับทำเครื่องมือขึ้นรูปโลหะเป็นส่วนใหญ่ เช่น แบบหล่อโลหะในขบวนการอัดฉีดโลหะร้อน (Die casting) แม่พิมพ์สำหรับตีขึ้นรูป หรือตัดวัสดุต่างๆ ซึ่งรวมถึงเหล็ก โลหะนอกกลุ่มเหล็ก และพลาสติกเหล็กกล้าเครื่องมือจัดเป็นเหล็กกล้าที่มีคาร์บอนและธาตุผสมอื่นๆ ในปริมาณสูง เพื่อให้มีความสามารถในการชุบแข็งสูง และเพื่อสร้างคาร์ไบด์ เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติต้านทานการสึกหรอ

คุณสมบัติที่สำคัญของเหล็กกล้าเครื่องมือ ความสามารถในการชุบแข็ง (Hardenability) คือ คุณสมบัติที่เหล็กกล้าที่บ่งถึงความยาก-ง่ายในการชุบแข็งและความลึกของเหล็กที่แข็งขึ้นจากการชุบแข็ง (quenching) คุณสมบัตินี้จะขึ้นกับส่วนผสมทางเคมีและขนาดของเกรนของเหล็กกล้า โดยเหล็กกล้าที่มีความสามารถในการชุบแข็งสูง จะสามารถทำการชุบแข็งได้ง่ายด้วยลม แต่ถ้าเหล็กกล้ามีความสามารถในการชุบแข็งต่ำ การชุบแข็งด้วยลมจะไม่สามารถทำให้ได้เฟสมาร์เทนไซต์ จึงอาจต้องทำการชุบแข็งด้วยน้ำหรือของเหลวอื่น ซึ่งจะมีผลต่อการบิดตัวของชิ้นงานที่ทำการชุบ คุณสมบัตินี้เพิ่มขึ้นตามปริมาณธาตุผสม ดังนั้น การทำให้ได้ชิ้นงานที่มีความแข็งสูงตลอดชิ้น หรือสามารถชุบแข็งได้ลึก จึงควรเลือกใช้เหล็กกล้าที่มีธาตุผสมสูง โดยโคบอลต์เป็นเพียงธาตุเดียวที่ลดคุณสมบัตินี้

ความเหนียว (Toughness) คือ ความสามารถในการรับพลังงานของวัสดุก่อนที่จะเกิดการแตกหัก เหล็กกล้าเครื่องมือที่ถือว่า มีคุณสมบัติด้านความเหนียวที่ดี คือ กลุ่มที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ หรือปานกลาง คุณสมบัตินี้จำเป็นสำหรับการใช้งานในสภาวะที่ต้องรับแรงกระแทก

ความทนต่อการเสียดสี (Wear resistance) คือ ความสามารถทนต่อการถูกขัดสี ซึ่งรวมถึงการเสียดสีของคมตัดด้วย คุณสมบัตินี้จะเกี่ยวข้องกับความแข็งของเหล็ก และปริมาณคาร์ไบด์ที่ไม่ละลาย (คาร์ไบด์ที่ไม่สลายตัว เมื่อมีการใช้งานในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูง) โดยหากเหล็กกล้าเครื่องมือมีความแข็งสูงก็จะทนการเสียดสีได้ดี หรือหากมีคาร์ไบด์ที่ไม่ละลาย (แม้อุณหภูมิสูง) ก็จะทำให้ทนการเสียดสีได้ดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจากคาร์ไบด์จะมีความแข็งสูง

การรักษาความแข็งไว้ได้ที่อุณหภูมิสูง (Red-hardness) เป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการใช้งานเหล็กกล้าเครื่องมือที่ต้องได้รับความร้อนจนมีอุณหภูมิสูงกว่า 480 °C โดยธาตุผสมที่ทำให้เกิดคาร์ไบด์ที่เสถียรจะช่วยปรับปรุงคุณสมบัตินี้ ซึ่งจะทำให้เหล็กกล้าเครื่องมือไม่อ่อนลง (ความแข็งลดลง) อันเนื่องมาจากผลของความร้อนในขณะใช้งานที่อุณหภูมิสูง หรือในขณะทำการอบคืนตัว (tempering)

ความสามารถในการกลึงไส (Machinability) คือ ความสามารถของโลหะที่จะกลึงไส ตก แต่งได้ง่าย และมีผิวที่เรียบภายหลังการกลึงไส

ความต้านทานการสูญเสียคาร์บอน (Resistance to decarburization) การสูญเสียคาร์บอน ซึ่งจะเกิดเมื่ออบเหล็กที่อุณหภูมิสูงกว่า 704 °C (1300°F) เป็นผลให้ความแข็งที่ได้ภายหลังการชุบแข็ง ต่ำลง เหล็กกล้าเครื่องมือที่มีคุณสมบัตินี้ต่ำจะต้องมีวิธีป้องกัน/ควบคุมบรรยากาศในการอบชุบความร้อนเพื่อไม่ให้ชิ้นงานสูญเสียคาร์บอนโดยเฉพาะที่ผิว สำหรับเหล็กกล้าเครื่องมือที่มีคาร์บอนเป็นส่วนผสมหลักจะสามารถต้านทานการสูญเสียคาร์บอนได้ดี
การไม่เปลี่ยนรูปร่างหรือขนาด (Non deformation properties) คุณสมบัตินี้สัมพันธ์กับความสามารถในการชุบแข็ง โดยทั่วไปเหล็กกล้าที่สามารถชุบแข็งได้ด้วยลมจะมีการบิดตัวน้อยที่สุด เหล็กกล้าที่ทำการชุบแข็งด้วยน้ำมันทำให้เกิดการบิดตัวปานกลาง และเหล็กกล้าที่ทำการชุบแข็งด้วยน้ำทำให้เกิดการบิดตัวสูงที่สุด ดังนั้นในการออกแบบเลือกเหล็กกล้าเครื่องมือจะต้องคำนึงถึงคุณสมบัติด้านนี้ด้วย

อิทธิพลของธาตุผสมต่อคุณสมบัติของเหล็กกล้าเครื่องมือ คาร์บอน (C) เป็นธาตุผสมสำคัญของเหล็กกล้าเครื่องมือ จะมีผลต่อคุณสมบัติเชิงกลหลายประการ โดยช่วยเพิ่มความแข็ง ความเค้นแรงดึง ความสามารถในการชุบแข็ง แต่จะลดคุณสมบัติความเหนียว และการยืดตัวของเหล็ก นอกจากนี้คาร์บอนจะรวมตัวกับธาตุผสมตัวอื่น เช่น โครเมียม โมลิบดินั่ม ทังสเตน และฟอร์มตัวเป็นคาร์ไบด์ด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณสมบัติในการใช้งานต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น เช่น ความสามารถในการชุบแข็ง ความทนต่อการเสียดสี การรักษาความแข็งไว้ได้ที่อุณหภูมิสูง เป็นต้น

ซิลิกอน (Si) โดยปกติจะพบในเหล็กกล้าเครื่องมือปริมาณ 0.2-0.3% เพราะในการหลอมเหล็กกล้าจะใช้ซิลิกอนเพื่อไล่แก๊สออกซิเจน สำหรับซิลิกอนที่เป็นธาตุผสมจะมีบทบาทช่วยให้คาร์บอนรวมตัวเป็นกราไฟต์ ดังนั้นในเหล็กกล้าเครื่องมือบางประเภทที่มีปริมาณคาร์บอนสูงและผสมซิลิกอนประมาณ 1% จะมีโครงสร้างหลังการชุบแข็งที่ประกอบด้วยกราไฟต์กระจัดกระจาย ซึ่งช่วยให้เกิดความลื่นเมื่อใช้ทำแม่พิมพ์ ลดปัญหาการติดของโลหะในขณะทำการขึ้นรูป ธาตุนี้จะไม่ใช้ตามลำพัง แต่จะผสมร่วมกับโมลิบดินั่ม หรือวานาเดียม โดยให้ผลดีทั้งด้านการลดการเกิดออกซิเดชั่นที่อุณหภูมิสูง ช่วยให้ชุบแข็งง่ายขึ้น และช่วยให้คงความแข็งไว้ได้ดีในขณะอบคืนตัว (tempering)
แมงกานีส (Mn) เป็นธาตุที่มีอยู่ทั่วไปในเหล็กกล้า เนื่องจากในกระบวนการผลิตเหล็กกล้าจะใส่แมงกานีสเป็นตัวกำจัดแก๊ส และรวมตัวกับกำมะถัน (S) การจัดว่า แมงกานีสเป็นธาตุผสมในเหล็กกล้าก็ต่อเมื่อมีปริมาณสูงกว่า 0.6% ขึ้นไป แมงกานีสมีบทบาทในการเพิ่มความสามารถในการชุบแข็งของเหล็กกล้าเครื่องมือ สำหรับเหล็กที่ผสมแมงกานีสเพียงลำพังจะมีข้อเสียคือ จะเปราะหลังจากอบคืนตัวในช่วงอุณหภูมิ 400-600 °C จึงมักผสมแมงกานีสจะผสมร่วมกับโครเมียม (Cr) และโมลิบดินั่ม (Mo) ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการชุบแข็งได้มากขึ้น กว่าการผสมแมงกานีสเพียงธาตุเดียว

โครเมียม (Cr) เป็นธาตุผสมที่ใส่ลงไปเพื่อคุณสมบัติหลายประการ เช่น เพิ่มความสามารถในการชุบแข็ง เพิ่มคุณสมบัติทนต่อการเสียดสี เพิ่มความเหนียว เป็นต้น โครเมียมสามารถรวมตัวกับคาร์บอนให้คาร์ไบด์ได้หลายรูปแบบ ซึ่งหากมีการใช้งานที่อุณหภูมิสูงและคาร์ไบด์เหล่านี้ละลายหมด เกรนจะขยายตัวมาก ดังนั้นการใช้งานเหล็กกล้าเครื่องมือที่ผสมโครเมียมตามลำพัง ต้องเลี่ยงการใช้งานที่อุณหภูมิสูงและทิ้งแช่ไว้ระยะเวลานาน หรืออาจแก้ไขได้โดยผสมวานาเดียมเพื่อชะลอการขยายตัวของเกรน
โมลิบดินั่ม (Mo) ส่วนใหญ่เหล็กกล้าเครื่องมือทำงานร้อน และเหล็กกล้าเครื่องมือความเร็วสูงจะผสมโมลิบดินั่มเพื่อผลในการชุบแข็ง นอกจากนี้ยังทำให้สามารถคงความแข็งของมาร์เทนไซต์ได้จนถึงอุณหภูมิ 500 °C แต่ข้อเสียของโมลิบดินั่ม คือ เหล็กจะเป็นออกไซด์มากที่อุณหภูมิ 1000-1100 °C และมีแนวโน้มทำให้สูญเสียคาร์บอนที่ผิวได้ง่าย จึงมักเติมซิลิกอนเพื่อปรับปรุงข้อบกพร่องนี้

ทังสเตน (W) ที่ผสมลงไปในเหล็กกล้าเครื่องมือทำให้เกิดคาร์ไบด์ที่มีเสถียรภาพสูง สลายตัวได้ช้าที่อุณหภูมิสูง จึงมีบทบาทต้านทานต่อการสึกหรอสำหรับการใช้งานที่ต้องการคุณสมบัติทนต่อการเสียดสี และทนความร้อน โดยเฉพาะหากผสมทังสเตนสูงถึง 18% จะช่วยคงความแข็งไว้ที่อุณหภูมิสูง และรักษาคมตัดได้ดี

โคบอลท์ (Co) เป็นธาตุเดียวที่ลดความสามารถในการชุบแข็ง แต่จะมีบทบาทอย่างมากที่จะช่วยให้เหล็กมีความคม ตัดโลหะได้ดี (High cutting ability) และสามารถรักษาความแข็งได้จนถึงอุณหภูมิสูง จึงพบว่า เหล็กกล้าเครื่องมือความเร็วสูง (high speed tool steel) จะผสมโคบอลท์อยู่ด้วย

วานาเดียม (V) มีผลอย่างมากที่ทำให้ได้คาร์ไบด์ที่แข็ง เสถียร ขนาดละเอียด และกระจัดกระจาย ซึ่งมีผลทำให้ได้โครงสร้างที่มีเกรนละเอียด สามารถเพิ่มความแข็งแรงและความเหนียวให้กับชิ้นงานได้

การแบ่งกลุ่มเหล็กกล้าเครื่องมือ เหล็กกล้าเครื่องมือเป็นเหล็กที่มีความหลากหลายในการใช้งาน การเลือกใช้ไม่จำกัดที่จะต้องเลือกเกรดใดเกรดหนึ่ง สามารถใช้งานแทนกันได้ อย่างไรก็ตาม หากแบ่งเหล็กกล้าเครื่องมือตามลักษณะการใช้งานจะสามารถแบ่งได้ 6 ประเภทดังนี้
1. เหล็กกล้าเครื่องมือชุบแข็งด้วยน้ำ เป็นเหล็กกล้าคาร์บอน (plain carbon) ที่ผสมคาร์บอน ตั้ง แต่ 0.60-1.40% ดังนั้นคุณสมบัติด้านการชุบแข็ง หรือความลึกของผิวชุบแข็งจึงต่ำ และจำเป็นต้องชุบแข็งด้วยน้ำ ในบางเกรดอาจมีการผสมโครเมียมหรือวานาเดียมลงไปเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความสามารถในการชุบแข็ง และทนต่อการเสียดสี
เหล็กกล้ากลุ่มนี้จะมีราคาถูกกว่ากลุ่มอื่น และมีจุดเด่น คือ สามารถกลึงไสเพื่อตก แต่งชิ้นงานได้ง่าย สูญเสียคาร์บอนที่ผิวยาก

จุดด้อยของเหล็กกลุ่มนี้ คือ การชุบแข็งด้วยน้ำอาจมีผลทำให้ชิ้นงานบิดเบี้ยวได้ง่าย และไม่สามารถทนต่อความร้อนได้ จึงไม่สามารถใช้สำหรับงานตัดที่รุนแรงหรือใช้งานซ้ำๆ กันจนเกิดความร้อนได้ ดังนั้นโดยทั่วไปจึงไม่นิยมใช้งานกัน อาจมีการใช้งานบ้างสำหรับทำเครื่องมือตัดที่ใช้ความเร็วต่ำและตัดด้วยแรงเบาๆ เช่น ไม้ อะลูมิเนียม แม่พิมพ์สำหรับทุบหัวขึ้นรูปเย็น (cold heading) เป็นต้น ตัวอย่างการใช้งานของเหล็กกลุ่มนี้ เช่น W1 W2 และ W5

เหล็กกล้าเครื่องมืองานเย็น (Cold work tool steels) เป็นกลุ่มที่ใช้ผลิตเครื่องมือสำหรับนำไปใช้ในงานแปรรูปโลหะที่ไม่ได้ให้ความร้อนก่อนการแปรรูป เช่น แม่พิมพ์ตัดแผ่นโลหะเย็น ใบมีดตัดกระดาษ เฟืองกัดไม้ คัดเตอร์ เป็นต้น คุณสมบัติสำคัญที่ต้องการสำหรับเหล็กกล้าเครื่องมือกลุ่มนี้ คือ ความสามารถในการกลึงไสดี เปลี่ยนแปลงขนาดน้อยหลังการชุบแข็ง (เนื่องจากการชุบแข็งจะทำโดยการชุบ้ำมันหรือให้เย็นตัวในอากาศ) ต้านทานการสึกหรอสูง และมีความเหนียวทนแรงอัดกระแทกได้ดี เหล็กกล้าเครื่องมืองานเย็น ได้เแก่
เหล็กกล้าเครื่องมืองานเย็นประเภทชุบด้วยน้ำมัน เป็นกลุ่มที่มีคุณสมบัติต้านทานการสึกหรอสูง และมีความแข็งสูง ซึ่งเป็นผลมาจากมีปริมาณคาร์บอนสูง และคาร์ไบด์ขนาดเล็กที่มีอยู่อย่างกระจัดกระจาย ธาตุผสมเพียงเล็กน้อยของโครเมียม โมลิบดินั่ม และทังสเตน ทำให้สามารถชุบแข็งได้ด้วยน้ำมัน ซึ่งมีข้อดีกว่าเหล็กกล้าเครื่องมือชุบแข็งด้วยน้ำ เนื่องจากการชุบแข็งด้วยน้ำมันจะทำให้ชิ้นงานบิดตัว และมีโอกาสแตกน้อยกว่าการชุบแข็งด้วยน้ำอย่างมาก ตัวอย่างการใช้งานเหล็กกล้ากลุ่มนี้ ได้แก่ เครื่องทำเกลียว (taps) เครื่องคว้าน (reamers) ใบตัด (circular cutters) เครื่องคว้านรู (broaches) สว่าน (drills) แม่พิมพ์เจาะรู (blanking dies) หัวกด (punches) แม่พิมพ์ขึ้นรูป (forming dies) แม่พิมพ์สำหรับงานตัดขอบเย็น (cold-trimming dies) ใบมีดตัดขนาดเล็ก (small shear blades) แม่พิมพ์งานลากขึ้นรูป (drawing dies) รวมถึงแม่พิมพ์สำหรับพลาสติกหรือยาง เป็นต้น

โดยทั่วไปเกรดที่มีการใช้งานกันมาก ได้แก่ O1 เนื่องจากมีความสามารถในการชุบแข็งสูง และเกรนขยายตัวช้าที่อุณหภูมิสูง นอกจากนี้ยังมีความเหนียวเหนือกว่าเกรดอื่นๆ เล็กน้อย สำหรับเกรด O6 จะมีคุณสมบัติกลึงไสที่ดีในสภาพการอบอ่อน เนื่องจากมีการฟอร์มตัวของเกล็ดกราไฟต์ แต่คุณสมบัติการรักษาความแข็งไว้ได้ที่อุณหภูมิสูงยังต่ำพอๆ กับเหล็กกล้าเครื่องมือชุบแข็งด้วยน้ำ สำหรับการใช้ในงานที่ต้องการอายุการใช้งานที่นานขึ้นอาจใช้เกรด O7 ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานการสึกหรอสูงที่สุด

เหล็กกล้าเครื่องมืองานเย็นประเภทชุบด้วยลม เป็นกลุ่มที่มีธาตุผสมมากกว่าเหล็กกล้าเครื่องมืองานเย็นประเภทชุบด้วยน้ำมัน โดยมีปริมาณคาร์บอนสูงและธาตุผสมสูงปานกลาง ซึ่งจากปริมาณธาตุผสมที่สูงทำให้เหล็กกล้าเครื่องมือกลุ่มนี้มีความสามารถในการชุบแข็งสูง ซึ่งเพียงพอที่จะชุบแข็งให้ได้โครงสร้างมาร์เทนไซต์ด้วยลม การเย็นตัวในอัตราที่ต่ำจะทำให้ชิ้นงานบิดเบี้ยวน้อย ลดโอกาสที่ชิ้นงานจะแตกได้ และมีคุณสมบัติการไม่เปลี่ยนรูปร่างหรือขนาดได้เยี่ยมมากในระหว่างการอบชุบความร้อน นอกจากนี้ปริมาณคาร์ไบด์จำนวนมากทำให้มีคุณสมบัติทนต่อการเสียดสีที่ดี อย่างไรก็ตาม แม้ว่า จะมีธาตุผสมที่สูง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เหล็กกล้ากลุ่มนี้มีคุณสมบัติความสามารถรักษาความแข็งไว้ได้ที่อุณหภูมิสูงได้สูงพอที่จะใช้กับงานร้อน หรืองานตัดความเร็วสูง ดังนั้นส่วนใหญ่เหล็กกลุ่มนี้จึงเหมาะกับงานเย็นเท่านั้น

การใช้งานเหล็กกล้าเครื่องมือกลุ่มนี้สามารถใช้งานได้ประเภทเดียวกับกลุ่มที่ชุบด้วยน้ำมัน แต่คุณสมบัติที่เหนือกว่า คือ ความสามารถในการชุบแข็ง ซึ่งจะมีข้อได้เปรียบด้านการบิดเบี้ยวของชิ้นงานที่น้อยกว่า และเพิ่มความปลอดภัยในระหว่างการชุบแข็ง เกรดที่นิยมใช้งานกันมาก ได้แก่ A2 สำหรับเกรดอื่นที่มีการใช้งานอยู่บ้าง ได้แก่ A6 A8 และ A10 (มีกราไฟต์อิสระในโครงสร้าง เพื่อเพิ่มความสามารถในการกลึงไส)

เหล็กกล้าเครื่องมืองานเย็นประเภทคาร์บอนสูงและโครเมียมสูง เป็นกลุ่มที่มีการใช้งานกันมากที่สุดในกลุ่มเหล็กกล้าเครื่องมือเย็น ธาตุผสมหลัก คือ คาร์บอน โครเมียม และโมลิบดินั่ม โดยมีคุณสมบัติทนต่อการสึกหรอ และการเสียดสีที่ดีเยี่ยม ทำให้สามารถรักษาคมตัดไว้ได้นาน ซึ่งเป็นผลมาจากการมีปริมาณคาร์ไบด์ในระดับสูง และโครงสร้างเทมเปอร์มาร์เทนไซต์ภายหลังการชุบแข็งและอบคืนตัว (tempering) อย่างไรก็ตามข้อจำกัดประการสำคัญของเหล็กกล้าเครื่องมือกลุ่มนี้ คือ ความสามารถในการกลึงไสที่ต่ำมาก และมีความเหนียวที่ลดต่ำลงเมื่อเทียบกับเหล็กกล้าเครื่องมืองานเย็นในกลุ่มอื่น

การใช้งานเหล็กกล้าเครื่องมือกลุ่มนี้สามารถใช้กับงานเย็นได้ทุกประเภท เช่น แม่พิมพ์เจาะรู (blanking dies) ใบมีดตัด (slitting cutters) แม่พิมพ์ขึ้นรูป (forming dies) แม่พิมพ์ลากขึ้นรูปลึก (deep-drawing dies) แม่พิมพ์ดึงลวด (wire-drawing dies) แม่พิมพ์อัดขึ้นรูปเย็น (cold-extrusion dies) ลูกรีดสำหรับดัดโค้งและขึ้นรูป (bending and forming rolls) ใบมีด (shear blades) ชิ้นส่วนต่างๆ ที่ทนต่อการสึกหรอ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่นิยมใช้งานสำหรับงานแม่พิมพ์ และหัวกดของงานขึ้นรูปเย็น งานเจาะรู (blanking) เหล็กเกรด D2 จะหาซื้อได้ง่ายและมีการใช้งานมาก สำหรับการใช้งานที่ต้องการอายุยาวนานขึ้นอาจเลือกใช้กลุ่มที่มีคาร์บอนสูงกว่า ได้แก่ D3 D4 และ D7 ซึ่งจะมีความต้านทานต่อการสึกหรอสูงกว่า D2 แต่จะมีข้อจำกัด คือ การกลึงไสทำได้ยากขึ้น

Hardox 400 การใช้งาน
Hardox 400 เป็นวัสดุอเนกประสงค์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การก่อสร้าง การขุด และการเกษตร โดยทั่วไปจะใช้ในอุปกรณ์และเครื่องจักรที่ผ่านการสึกหรออย่างหนัก เช่น ถัง สายพานลำเลียง คมตัด และฮอปเปอร์ นอกจากนี้ Hardox 400 ยังเป็นวัสดุที่ยอดเยี่ยมสำหรับการผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานสูง เช่น แชสซี เฟรม และชิ้นส่วนโครงสร้าง

ความต้านทานการกัดกร่อน
Hardox 400 มีความทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี เนื่องจากมีปริมาณโครเมียมในองค์ประกอบ สามารถทนต่อการสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดและด่าง ทำให้เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมเคมีและกระบวนการต่างๆ อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ใช้ Hardox 400 สำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนสูงหรือการสัมผัสกับน้ำเค็มเป็นเวลานาน

Hardox 400 การรักษาความร้อน
Hardox 400 เป็นเหล็กกล้าชุบแข็งและอบคืนตัว ซึ่งผ่านกรรมวิธีทางความร้อนเพื่อให้ได้คุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุด เหล็กถูกทำให้ร้อนถึง 850-900°C แล้วทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็วในน้ำหรือน้ำมันเพื่อให้ได้ความแข็งทั้งหมด หลังจากการชุบแข็งครั้งแรกนี้ เหล็กจะถูกทำให้เย็นที่อุณหภูมิ 225-250°C เพื่อลดความเปราะบางและปรับปรุงความเหนียว

เครื่องจักร Hardox 400
Hardox 400 เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการตัดเฉือนเนื่องจากมีความแข็งแรงและความแข็งสูง อย่างไรก็ตาม สามารถตัดเฉือนโดยใช้วิธีการกลึง การกัด และการเจาะทั่วไป การใช้เครื่องมือและเทคนิคที่เหมาะสมและการรักษาพารามิเตอร์การตัดที่ถูกต้องสามารถช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เครื่องเชื่อม Hardox 400
การเชื่อม Hardox 400 สามารถประสบความสำเร็จได้โดยใช้การเชื่อมอาร์คโลหะแบบมีฉนวน (SMAW) การเชื่อมอาร์คด้วยแก๊สทังสเตน (GTAW) และการเชื่อมอาร์กด้วยฟลักซ์คอร์ (FCAW) อุณหภูมิในการอุ่นเครื่องและระหว่างช่วงควรอยู่ระหว่าง 150-200°C เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยการบำบัดหลังความร้อนควรอยู่ที่ 500-550°C การควบคุมแอมแปร์ การป้อนความร้อน และความเร็วอย่างระมัดระวังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเชื่อมที่แข็งแรงด้วยวัสดุนี้

บทสรุป:
Hardox 400 เป็นเหล็กชุบแข็งและอบร้อนที่ขึ้นชื่อในด้านความเหนียว ความทนทาน และความทนทานต่อการสึกหรอ เป็นวัสดุเอนกประสงค์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมงานหนักต่างๆ เช่น การก่อสร้าง การขุด และการเกษตร Hardox 400 มีคุณสมบัติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์การผลิตและเครื่องจักรที่ต้องสึกกร่อนอย่างหนัก นอกจากนี้ยังสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดและด่างได้ จึงเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมเคมีและกระบวนการต่างๆ การทำความเข้าใจองค์ประกอบ คุณสมบัติ และการใช้งาน Hardox 400 มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานของคุณ

สั่งซื้อสินค้า / ติดต่อสอบถาม

เขียนอีเมลถึงเจ้าของร้าน

ส่งเมลถึง:จำหน่าย,ขาย,อลูมิเนียมเกรด 5052,5083,6061,7075,1100,6063 - อลูมิเนียมแผ่น,อลูมิเนียมอัลลอย
อีเมลผู้ส่ง:
เนื้อความ:
มีไฟล์แนบ
ทำสำเนา