จากที่เกริ่นไว้เเล้ว พ่ออาจารย์ท่านมีดำริที่จะสร้างครู ซึ่งเป็นเทพอสูรขึ้นมาเพื่อให้ศิษย์ทั้งหลายได้ใช้บูชา
ทำไมต้องเป็นครูอสูร ก็ เพราะว่า ความดุร้ายและเกรี้ยวกราดตลอดจนเทวานุภาพนั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเชิญญาณท่านให้แฝงและประสิทธิ์อย่างเต็มกำลังเพื่อนำไปช่วยเหลือคุ้มครองผู้บูชาตามประการต่างๆ และเพื่อให้เหมาะสมแก่กลียุค ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้อธิษฐานบอกกล่าวครูบาอาจารย์ไว้ ว่าต่อไปใครที่มีพระผงรุ่นนี้ไว้บูชาจะสามารถรอดพ้นจากเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆ ได้ สามารถดำรงค์ตนอยู่ได้เป็นปกติในยุควิกฤติและคับขัน
มีผู้ถามมาว่า พ่ออาจารย์ท่านจะสร้างและเชิญเทพอสูรพระองค์ใดเพื่อเผยแพร่บารมี ก็พูดได้เต็มปากเลยว่า นี่เป็นครั้งแรกและที่แรกของโลก ที่สร้างเทพอสูรวีรภัทรขึ้น เพื่อให้ออกไปช่วยเหลือเหล่าศานุศิษย์นับจากนี้ต่อไปหากมีใครนำไปทำก็ถือได้ว่า เขาเหล่านั้นได้เช็ดขี้ตีนพ่ออาจารย์พลท่านเเล้วก็ว่า ได้
มาถึงจุดนี้หลายๆ คนคงไม่เคยได้ยินพระนามของเทพอสูรวีรภัทร ว่าเป็นเทพองค์ไหน หากจะพูดถึงพระพิราพก็คงจะได้ยินกันบ้าง
พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่า พระศดาศิวะมหาเทพนั้น มีปางอยู่ 2 ปาง ที่ถือได้ว่า เป็นปางที่มีฤทธานุภาพแรงกล้าและดุร้าย นั่นก็คือ
1. มหาวีรภัทร
2. ไภรวะ(พิราพ)
ซึ่งทั้ง 2 ปางนี้ก็เกิดในวาระที่ต่างกัน พระไภรวะ(พิราพ) เกิดขึ้นตอนตัดเศียรที่ 5 ของพระพรหมมา ซึ่งเศียรนี้หมายถึงอัตตาเป็นความลุ่มหลงในตัวตนของตนเอง คนส่วนใหญ่จะสร้างเเละทำพระพิราพกันเยอะ แต่เเท้ที่จริงเเล้วพระพิราพหรือไภรวะนั้นคือ พระศิวะที่มีบาปติดตัวเนื่องจากไปตัดเศียรที่ 5 ของพระพรหม จึงต้องไปบำเพ็ญเพียรในปางไภรวะจนพ้นบาปกรรมนั้น
ในส่วนของมหาวีรภัทรนั้น เป็นการที่มหาเทพ ได้ใช้ศิวะมายาหรืออำนาจของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดแห่งจักรวาล เพื่อสร้างมหารูปแห่งการทำลายล้างขึ้นมา เป็นอสูรเทพ นามว่าวีรภัทร และใช้พลังแห่งศักติ ให้กำเนิดมหากาลี ขึ้นมาพร้อมๆ กัน จะกล่าวได้ว่า มหาวีรภัทร และมหากาลีนั้น ได้ถูกพระศิวะใช้มายาแห่งพระผู้เป็นเจ้าสร้างขึ้นมา แต่เดิมอยู่แล้วก็อาจกล่าวได้
ซึ่งการปรากฏรูปของมหาเทพศิวะในปางมหาวีรภัทรนั้น ท่านได้ปรากฏขึ้นเพื่อใช้อำนาจเเห่งการทำลายล้างเพื่อจะประหารเหล่าเทพยดาโดยแท้
โดยในกาลนั้นพระทักษะประชาบดี ซึ่งถือเป็นมานสาบุตรแห่งพระพรหมมา เป็นบิดาของพระแม่สตี ชายาของพระศิวะ ได้กระทำการหลู่เกียรติของพระเป็นเจ้า ทำให้พระนางสตีได้ใช้เพลิงแห่งสัตยาเผารูปกายพระนางทิ้งไป เป็นเหตุให้พระศิวะเจ้าพิโรธอย่างถึงที่สุด จึงได้ให้กำเนิดพระมหาวีรภัทรขึ้นพร้อมกับมีบัญชาให้ดำเนินการทำลายพิธีของท้าวทักษะ
ในการณ์นั้นเหล่าเทพยดามากมาย ไม่ว่า จะอินทร์พรหม ยม ยักษ์ หรือวรุณ เทพยดาทั้งหมดได้เข้าช่วยเหลือปกป้องท้าวทักษะประชาบดี ซึ่งได้เชิญตนเองมาเป็นสักขีพยานในพิธีที่ท้าวทักษะจัดขึ้น
พระมหาวีรภัทรกับมหากาลีนั้น เมื่อพระเป็นเจ้าได้ใช้ศิวะมายาเพื่อให้กำเนดขึ้นแล้ว ก็ได้เร่งรีบไปจนถึงเมืองแห่งทักษะประชาบดี ทั้งสองพระองค์ได้ทำลายเมืองนั้นจนพินาศย่อยยับ กระชั้นเข้ามาถึงภายในโรงราชพิธี
ฝ่ายพระมหาวีรภัทรนั้น เหล่าทวยเทพทั้งหลายได้เข้าปกป้องพระทักษะ ก็ไม่สามารถสู้กำลังเเห่งพระมหาวีรภัทรได้ เทพเจ้าองค์สำคัญทั้งหลายต่างได้รับบาดเจ็บและพิการไปตามๆ กัน แม้กระทั่งพระผู้ทรงธำรงค์รักษาจักรวาลอย่างพระวิษณุนารายณ์ ซึ่งท้าวทักษะเคารพนับถือ และได้เชิญพระเป็นเจ้าของตนให้ปกป้องชีวิตของเขา พระวิษณุนารายณ์ได้เข้าทำการยุทธ์กับเทพอสูรมหาวีรภัทรก็ยังไม่สามารถเอาชัยชนะได้ ต้องอันตรธานหายไปจากมณฑลพิธี เมื่อไม่มีใครปกป้องแล้ว พระวีรภัทรจึงตัดศรีษะท้าวทักษะประชาบดีโยนลงในกองไฟที่กระทำพิธี เป็นการประกาศชัยชนะของพระมเหศวรสดาศิวะให้กึกก้องไปทั้งสามโลก
พระมหาวีรภัทรนั้น เป็นเทพอสูรที่มาอานุภาพร้ายแรง ดุดันและร้ายกาจมากที่สุด อันจะพึงมีบังเกิดขึ้นทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตกาล เพราะถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมภารกิจศักดิ์สิทธิ์ อันจะต้องทำการประหารท้าวทักษะประชาบดี ซึ่งเป็นมานสาบุตรแห่งพระบรมบิดาพรหมเทพ ซึ่งอำนาจแห่งพระทักษะประชาบดีนั้น ไม่เพียงเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ทวยเทพทั้งหลาย ซ้ำยังขยายอำนาจ พอๆ กับที่จะพูดได้ว่า กลืนโลกไว้เป็นของตนเองทั้งโลกเลยก็ว่า ได้ ดังนั้นการจะประหารพระทักษะประชาบดีนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายหรือใครก็สามารถกระทำได้ เพราะเหนือหัวพระทักษะนั้น ก็มีพระบรมบิดาพรหมเทพเป็นพ่อผุ้ให้กำเนิด และมีพระวิษณุนารายณ์ที่มหาทักษะนับถือให้การปกปักษ์คุ้มครอง
ซึ่งภารกิจแห่งพระมหาวีรภัทรก็ทำให้เทพยดาทั้งหลายเข็ดขยาดไปตามๆ กัน เพราะนอกจากจะบาดเจ็บล้มตายเเล้ว ยังมีพิการต้องกลับไปเลียแผลเก่ากันอีกมากมาย เป็นการรบที่บุคคลเพียงสองคน ได้เอาชนะกองทัพเทพทั้งกองทัพรวมไปถึงเอาชัยชนะแก่พระผู้เป็นเจ้าอย่างศรีหริวิษณุเทพด้วย
ซึ่งพระมหาวีรภัทรนั้นคือศิวะมายาแห่งความเกี้ยวโกรธที่มีอานุภาพสูงสุดเเห่งพระผุ้เป็นเจ้า
พ่ออาจารย์พลท่านนับถือและเข้าถึงพระศิวะ เวลาจะกระทำพิธีใดท่านจะบอกกล่าวหรือขอนิมิตรเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกันท่านได้แสดงศิวรูปให้พ่ออาจารย์ได้เห็นในปางของมหาวีรภัทร เนื่องจากพ่ออาจารย์ท่านมีความเทิดทูนและไม่ทิ้งสายไศวะศาสสตร์อันจะทำให้ผู้เคารพนับถือเจริญก้าวหน้าได้ ประกอบกับท่านมีความลังเลที่จะจัดสร้างเทพอสูรพระองค์ใดขึ้นดีเพื่อให้เหมาะแก่ยุคสมัย ที่จะออกไปช่วยเหลือเหล่าศิษย์ได้เด็ดขาดและเต็มกำลัง
เมื่อได้นิมิตรจากพระศิวะให้สร้างมหาวีรภัทรขึ้น พ่ออาจารย์ท่านปิติเเละดีใจอย่างยิ่ง ท่านกล่าวเสมอว่า การสร้างพระรูปมหาวีรภัทรนั้นถือเป็นเกียรติยศอย่างยิ่ง เพราะพระรูปนี้เป็นพระรูปแห่งการทำลายล้างอันมีทิพย์อำนาจสูงสุดแห่งพระเป็นเจ้าทั้งหมด เป็นการทำลายล้างอกุศลและบาปกรรมเพื่อจะให้กำเนิดสิ่งที่ดีงามมั่นคงขึ้นมาทดแทน ผู้บูชาจะก้าวล่วง พ้นจากความทุกข์ทั้งหลาย และเริ่มมีสิ่งที่ดีงามปรากฏแก่ชีวิตตนเองด้วยอานุภาพแห่งเทพอสูรวีรภัทรนี้
ผมได้เรียนถามท่านว่า ระหว่างมนต์พระกาฬกับรูปพระวีรภัทรนี้ ถ้าจะใช้ในทางมหาสะท้อน สิ่งไหนจะมีอำนาจรุนแรงกว่ากัน ซึ่งพ่ออาจารย์ได้กล่าวว่า ที่จริงแล้วไม่สมควรเปรียบเทียบกัน เนื่องจากเป็นส่วนของจิตและวิชาที่จะกระทำ เเต่หากพูดถึงเกียรติและศักดิ์ศรีแล้วอย่าว่า แต่พระกาฬ ซึ่งเป็นเทพบริวารของพระยมราชเลย เเม้ตัวพระยมเองก็โดนพระวีรภัทรทำร้ายสาหัสมาแล้ว พระรูปนี้สิ่งไม่ดีไม่อาจเข้าใกล้หรือรังควานได้เลย สิ่งอกุศลไม่ดีทั้งหลายตลอดจนวิญญาณร้ายจะกลายเป็นอาหารที่พระมหาวีรภัทรท่านเสพย์ท่านกินไปหมดสิ้น แม้มีใครคิดร้ายต่อเรา ไม่ต้องพูดอะไรหรอก หากเราบูชาและมีพระวีรภัทรมหากาลนี้อยู่ในคอ เตรียมดูความพินาศฉิบหายของคนเหล่านั้นได้เลย
รูปลักษณ์ของพระผงมหาวีรภัทรที่พ่ออาจารย์ใช้ทำเครื่องมงคลนั้น จะเป็นพระศิวะที่อยู่ในปางของอสูร มีพระเนตรที่สามบริเวณพระนลาฏ ใส่ตุ้มหูหัวกระโหลก ทรงมงกุฏเปลวเพลิง มีเขี้ยวโง้งลงที่บริเวณปาก ถ้าเป็นปกติ พระมหาวีรภัทรท่านจะมี 1,000 เศียร 2,000 กรเลยทีเดียว
ในส่วนของผงที่นำมาจัดสร้างนั้น ผมขอเรียกให้กระชับว่า ผงมหาสูตร พ่ออาจารย์ท่านได้ปรุงผงนี้ขึ้นมาเฉพาะเป็นกรณีพิเศษเก็บไว้นานแล้ว เพื่อที่จะทำครูในสายเทพอสูรโดยเฉพาะ โดยท่านได้นำผงว่านยามาตำรวมกัน ซึ่งว่านที่ใช้นั้นท่านจะคัดเฉพาะว่านที่เก่ง มีฤทธิ์ มีตัวตนเป็นกายสิทธิ์ หาได้ยาก จับได้ยาก พลีได้ยาก มาบดสะสมไว้ร่วมกับผงมหายันต์ลบตามสูตรของท่านที่เน้นเลือกเก็บเฉพาะที่เสกจนเรียกว่าอักขระดิ้นได้พร้อมกับเข้าด้วยผงอาถรรพ์อีก 9 ชนิดที่หาง่าย แต่เอายาก ไม่สามารถเปิดเผยที่มาได้
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการสร้างพระผงมหาวีรภัทรนั้น ก็คือตะกรุดที่ฝัง เป็นหัวใจของพระผงรุ่นนี้นั่นเอง ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้สืบทอดวิชาสายหลวงปู่เฒ่ายิ้ม วัดหนองบัวเอาไว้ ท่านจึงได้เมตตาทำตะกรุด ท่านเรียกตะกรุดดอกนี้ว่า ตะกรุดตราล้างโลก
ตะกรุดนี้คือตะกรุดดวงตาพระอิศวร(ศิวะ) ซึ่งเป็นตะกรุดที่มีอานุภาพในการทำลายล้างสิ่งไม่ดี ไม่ว่า จะเป็นสิ่งไม่ดีในร่างกายเรา หรือสิ่งไม่ดีอันติดมา แต่ชาติกำเนิด สิ่งไม่ดีอันเป็นอุปสรรคบั่นทอนชีวิตของเราในทุกๆ ด้าน ใช้ขับล้างพลังงานด้านลบออกไปจากร่างกายของเรา ตลอดจนมีอานุภาพเป็นที่หวาดกลัวแก่เหล่าวิญญาณร้ายมิจฉาทิฏฐิตลอดจนเทวดาทั้งหลายเป็นที่ยิ่ง
ตะกรุดนี้มีกลวิธีในการลงซับซ้อนเเละต้องมีพระคาถาเข้ามาเสริมและหนุนเฉพาะเพื่อเสกให้ทรงอานุภาพสูงสุด ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านว่า ตาของพระอิศวรหรือศิวะนั้นเป็นสิ่งที่มีอานุภาพสูงสุดในการทำลายล้าง ใช้ทำลายจักรวาลให้เป็นจุณมหาจุณในพริบตา เพื่อให้กำเนิดสิ่งที่ดีงามประดิษฐานขึ้นต่อไปตามกลไกแห่งวัฏฏจักร เราจึงเรียกตะกรุดตัวนี้ว่า ตะกรุดตราล้างโลก เพื่อให้เหมาะสมและเข้ากับพระมหาวีรภัทรโดยสมบูรณ์ ถือได้ว่า ตะกรุดดอกนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้พระมีอานุภาพแรงกล้าขึ้นไปอีก นอกจากมวลสารเนื้อผงที่ท่านรวบรวมมาตก 30 ปีแล้ว
ในการจัดสร้างนั้น ท่านจะทำให้เฉพาะคนที่ขอที่จองมาจริงๆ เท่านั้น เพราะเป็นพระที่มีอานุภาพแรงมีพลังงานสูงกว่าระดับเครื่องมงคลปกติ
ซึ่งท่านก็ได้ดำเนินการกดองค์ลองพิมพ์นำฤกษ์ขึ้นมาองค์หนึ่ง องค์นี้ท่านเก็บไว้ใช้เป็นองค์ครูของท่านเอง ด้านหลังจะฝังของวิเศษมากมาย เช่นพระศิวะปางประทานพรเนื้อสายแร่เงินบริสุทธิ์ต่างจากเนื้อเงินธรรมดาที่เอามาใช้สมัยนี้มากนัก เพราะเงินบริสุทธิ์นั้นมีพลังอำนาจเป็นที่เกรงกลัวของสิ่งชั่วร้าย อิ้นปรอท ปรอทสำเร็จที่ใช้เวลาหุงหลายเดือน เม็ดประคำหลวงปู่ขาว สาริกาไม้กาหลงหลวงปู่เคนวัดถ้ำเขาอีโต้
สำหรับท่านที่จะบูชา ก็ให้จองและสอบถามกันเข้ามาได้ พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า ในบรรดาพระผงที่ได้สร้างมา จะหารุ่นไหนที่มหัศจรรย์และมีอานุภาพรุนแรงเช่นนี้ย่อมไม่มีอีกแล้วสำหรับองค์ที่ฝังพิเศษหรือเนื้อมวลสารล้วนกล่าวได้เลยว่า แรงกว่าธรรมดามากนัก
- พ่ออาจารย์ท่านมีดำริว่า จะสร้างให้เฉพาะเท่าที่ผงมีในกระปุกนี้ ผงหมดก็เลิกสร้าง ทำได้กี่องค์ก็เอาเพียงเท่านั้น
คาถาบูชา
โอม ยักษะกะ สวะรูปะ ชฏาธะรายะ ปินากะ หัสสะตายะ สะนาตะนายะ ทิวะยายะ เทวายะ ทิคัมพราย ตัสไม ยะการาย นะมัสศิวาย พระศิวะผู้ทรงอยู่ในพระรูปของมหายักษ์ ทรงมุ่นมวยผม ทรงตรีศูลปินากะ เป็นพระผุ้เป็นเจ้าอันมีมา แต่บรรพกาลอยู่ในสวรรค์ เป็นเทพผูเปลือยพระวรกาย อักษรยะคือพระศิวะ ข้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น ศานติ ศานติ