เหรียญหล่อเพชรฆาตฤกษ์รัศมีพรหมซุ้มระฆัง(เทวดาเล่นด้วย)

นับ แต่อดีตกาล ตำนานการทำวัตถุมงคลเนื้อโลหะนั้น โบราณจารย์และบูรพาจารย์ทั้งหลายได้สร้างสิ่งล้ำค่าแต็มภูมิรู้และสติปัญญาของท่านทิ้งไว้ ให้อนุชนรุ่นหลังได้ระลึกถึง การสร้างต้องเลือกฤกษ์ยาม ต้องดีตั้ง แต่เนื้อในดีให้ถึงที่สุดในทุกๆ ด้าน เมื่อกาลเวลาผ่านไปเครื่องมงคลเหล่านั้นล้วนมีคุณค่าบังเกิดพระพุทธคุณมากมาย

พ่ออาจารย์ท่านมีความประสงค์อยากจะสร้างเพื่อบูชาครู และดำเนินรอยตามบูรพาจารย์ทั้งหลาย แต่จะไม่ทับรอยครู จึงได้ซุ่มจัดทำเหรียญหล่อขึ้นมาเป็นเหรียญหล่อที่เน้นเนื้อหามากกว่าปริมาณ ท่านให้เหตุผลที่จะทำรูปเหรียญนี้ขึ้นว่า เพื่อบูชายกย่องครูบาอาจาย์ ศิษย์ไม่ลืมครู ครูย่อมไม่ทิ้งศิษย์ฉันใดก็ฉันนั้น

ต้องกล่าวเกริ่นเลยว่า แรกเริ่มเดิมที ท่านอยากจะทำเหรียญหล่อที่มีเเรงครูสูงขึ้นมาซักรุ่น แต่ยังไม่รู้ว่า จะทำอะไร แล้วอยู่ดีๆ ท่านก็เเกะเเม่พิมพ์ของท่านออกมาเสร็จเรียบร้อย ท่านว่า ต้องเหรียญสมเด็จโตนี่แหละ เป็นตัวแทนของครูบาอาจารย์ของเราในสายบารมี

เมื่อเเกะเเม่พิมพ์นี้ ท่านพูดคำพูดนึงจนติดปาก พูดไปยิ้มไป เหมือนท่านดีใจอะไรมากๆ ซักอย่าง ท่านว่า ทำเหรียญนี้ครูลงแรง เทวดาเค้าเล่นด้วย พูดซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้หลายครั้ง

เมื่อได้ฤกษ์เพชรฆาตฤกษ์อันประกอบด้วยวันและเวลาอันเป็นมงคลสมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการ ท่านได้นำเบ้าหลอมมาผิงไฟไล่ขี้เทียน และหลอมโลหะตะกั่วกับแผ่นเงินจารอักขระรวมกัน จากนั้นจึงทำการเทด้วยตัวท่านเองทีละองค์

เมื่อเทพระอยู่นั้นท่านพูดขึ้นมาว่า ไม่คิดว่า ครูใหญ่จะมา นี่ไงสมเด็จโต ท่านมาจริงๆ นะ พูดไปยิ้มไป เป็นสิ่งที่ประจักษ์ชัดเเละสร้างความปิติลึกเข้าไปในจิตใจของศิษย์ทั้งหลายที่ได้ยิน ได้ทราบว่า บารมีของสมเด็จโตนั้น ท่านเตรียมพร้อมที่จะมาโปรดเเละคุ้มครองเป็นมงคลให้แก่ชีวิตสำหรับผู้ศรัทธาเเล้ว

เมื่อทำการหล่อได้ 34 องค์ บล๊อคแม่พิมพ์พระก็ได้เเตกลง เป็นการทำลายตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ เสมือนมีประสงค์จะให้เหรียญหล่อรุ่นแรกนี้มีอยู่เพียงแค่ 34 เหรียญเท่านั้น

เมื่อหล่อเก็บในเพชรฆาตฤกษ์ได้ทั้ง 34 เหรียญ พ่ออาจารย์ท่านจึงนำเหรียญทั้งหมด ลงแช่ในน้ำมนต์อ่านโองการทำน้ำพระพุทธมนต์เสกเพิ่มเข้าไป เเละยังได้นำน้ำว่านน้ำยามาเข้าเพิ่ม เพื่อแช่เเละอาบเหรียญหล่อนี้ให้เป็นกายสิทธิ์บังเกิดพุทธคุณถึงขีดสุด ถือว่า ท่านเสกใต้น้ำตลอดเวลา เป็นการดับพิษไฟร้อน เเก้เคล็ด สำหรับผู้ที่บูชาพระเนื้อโลหะไม่ขึ้นไม่ถูกกับธาตุไฟก็ได้

เหตุที่ท่านหล่อในฤกษ์เพชรฆาต ท่านให้เหตุผลว่า อันนี้เราตั้งใจจะให้เอาไปใช้งานกันจริงๆ เหรียญนี้จะได้มีพุทธคุณ สามารถนำไปพิฆาตสิ่งชั่วร้ายและทำลายล้างอาถรรพ์ต่างๆ อันเป็นเหตุที่ทำให้ชีวิตผู้ครอบครองตกต่ำได้ เราจะเเก้ตั้งเเต่ต้นเหตุกันเลย ถ้าทำแล้วชีวิตเขาไม่ดีขึ้นก็ไม่รู้จะทำไปทำไม

ในเรื่องของชนวนมวลสารที่ใช้หล่อเหรียญนั้นก็พิมพ์เกริ่นไว้เเล้ว ก็จะขอข้ามไป

มาดูกันที่รูปแบบเหรียญ พ่ออาจารย์ท่านแกะเเม่พิมพ์เป็นรูปสมเด็จโต ถือลานธรรมกำลังเทศนาโปรดศิษย์นั่งอยู่ในซุ้มระฆัง
1. ท่านให้ความหมายถึงองค์สมเด็จโตถือลานธรรม กำลังเเสดงพระธรรมเทศนาโปรดศิษย์ว่า เป็นการโปรดสัตว์ของพระอริยเจ้า รูปนี้มีความสำคัญเเละศักดิ์สิทธิ์มาก สมเด็จโตคือพระอริยะเจ้า ที่มีบารมีอริยภูมิเต็มเปี่ยม เมื่อท่านเเสดงธรรมนั้น เปรียบดุจแสงสว่างที่ส่องลงไปในที่มืดสนิท แสงแห่งธรรมนี้สว่างแจ่มใสเเละไม่มอดดับ เมื่อตกต้องผู้ใด ชีวิตผู้นั้นย่อมเจริญรุ่งเรืองไม่รู้จักตกต่ำ ใครที่ว่า เดือดร้อนเเสนเข็ญ ลืมตาอ้าปากไม่ขึ้นเอาเหรียญนี้ไปบูชาเขาจะได้เจอทางออกของชีวิต
2. ซุ้มระฆัง เหตุที่ใช้รูปแบบเหรียญหล่อเป็นซุ้มระฆังนี้ พ่ออาจารย์ท่านให้เหตุผลว่า เพราะระฆังเมื่อตีไปย่อมดังเเละก้องกังวาล มีความไพเราะเสนาะหูไม่มีใครหน้าไหนรู้สึกรำคาญเสียงระฆังกันแม้เเต่ผู้เดียว ย่อมยินดีและปรารถนาที่จะได้ยินเสียงนี้และเสียงของระฆังนั้นยังเป็นสื่อถึงการมาเยือนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เเละทวยเทพทั้งหลายได้อีกด้วย ดังนั้นเหรียญหล่อซุ้มระฆังนี้ผู้บูชาเขาจะได้มีหน้ามีตามีชื่อเสียงปรากฏชัด ก้องกังวาลไปทั่วทั้งแผ่นดิน เอาคุณครูขึ้นตั้งเทพเทวาหนุนหลังให้วงศ์สกุลปรากฏเกียรติยศรุ่งเรืองสืบต่อไปไม่รู้จบ

เหรียญทุกเหรียญทั้ง 34 เหรียญนี้ พ่ออาจารย์ประกอบพิธีเชิญครูเเละอธิษฐานจิตมายาวนาน ตก 5-6 เดือนเต็ม เเละได้ทำการตอกโค้ดทุกเหรียญ โดย แต่ละเหรียญจะทำการตอกโค้ด 9 โค้ด ท่านว่า เลข 9 เป็นเลขมงคล จะทำอะไรก็ให้ก้าวหน้าต่อไปไม่มีวันถอยหลังตอกเยอะให้เขาเห็นเเละรู้ว่า เหรียญนี้มีคุณค่าไม่ใช่เนื้อตะกั่วธรรมดาที่ทำขึ้นมาเล่นๆ เพียงเเค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้เเล้วว่า เหรียญนี้มีคุณค่าอยู่ในตัวเอง

เหรียญหล่อนี้ท่านว่า มีเทพยดาเเละเทพพรหมประจำทุกเหรียญ พลังพุทธคุณนั้นจะเเผ่รัศมีออกมาเป็นรัศมีของเทวดาเเละพรหมเทพระดับสูงที่ต้องการลงมาสงเคราะห์มนุษย์โดยเฉพาะท่านจึงเรียกเหรียญหล่อนี้ว่า เหรียญรัศมีพรหม ซึ่งบังเอิญไปคล้องจองกับฉายาของเจ้าพระคุณสมเด็จโตโดยบังเอิญเช่นกัน นั่นคือพรหมรังษี

เหรียญหล่อนี้ถือว่า มีน้ำหนักพอควรจับเเล้วตึงๆ มือ และมีส่วนเกี่ยวเนื่องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเเละเทพเทวดาตั้ง แต่ขั้นตอนการแกะพิมพ์ การหล่อเเละการเสก ดังนั้นจึงถือว่า เป็นยอดวัตถุมงคลที่ควรหามาไว้บูชากันให้ได้ (อันนี้เเนะนำจริงๆ) เพราะตั้ง แต่ท่านทำเครื่องมงคลมาไม่เคยได้ยินท่านพูดไปยิ้มไปเช่นนี้เลย ว่าข้างบนเขาเอาด้วยเทวดาเขาเล่นด้วย

สำหรับเหรียญนี้จะมีเหลือเพียง 33 เหรียญ เพราะพ่ออาจารย์ท่านหยิบออกมา 1 เหรียญนำไปเลี่ยมเงินห้อยคอบูชาของท่านเอง ท่านว่า พุทธคุณสูงมากเสกเสร็จเเล้วใช้เองก็เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างเกิดขึ้นชัดเจนดี ถ้าใครเค้าถามว่า ดีอย่างไรให้ตอบเขาไปว่า ห้อยเเล้วดีขึ้น จะต้องดีขึ้นทุกอย่าง พับผ่าสิ ทำก็ยาก เสกก็ยิ่งยาก เชิญครูลงมาทำกันหมด ยังไม่ทันใช้เลยมาถามว่า ดียังไง ดีไม่ดีบอกเขาไปว่า ตัวเราเองยังนำมาห้อยเองเท่านี้ก็พอ

สำหรับเหรีญนี้ด้านหลังจะเรียบพ่ออาจารย์จะลงเหล็กจารกำกับไว้ทุกเหรียญ เมื่อได้ไปบูชาให้เลือกฤกษ์วันพฤหัสบดี ถวายบายศรีปากชาม น้ำเปล่า น้ำชา หมากพลู แก่องค์สมเด็จโตแล้วสวดพระคาถาชินบัญชรบูชาท่าน เมื่อจะอาราธนาเหรียญให้ท่องห้องพระพุทธคุณอิติปิโส เพียงเท่านี้ ถ้ามีเวลาว่างก็สวดอิติปิโสเท่าอายุโดยสวดเกินอายุตัวเองหนึ่งจบได้ก็จะดีมาก

เหรียญหล่อเพชรฆาตฤกษ์รัศมีพรหมซุ้มระฆัง(เทวดาเล่นด้วย) ร่วมทำบุญบูชา เหรียญละ 1,000 บาท