พระผู้สร้างสรรค์จักรวาลด้วยการร่ายรำ
พระเป็นเจ้าแห่งจักรวาลและการทำลายล้าง
มาทำความเข้าใจถึงเรื่องพระศิวะในทรรศนะของพ่ออาจารย์พลกันดูนะครับ
พระศิวะเจ้านั้น เป็นสิ่งที่อยู่เหนือโลกลับโลกเเละซ่อนเร้นพระองค์เองอย่างมาก ผู้ที่จะเข้าใจเเละเข้าถึงจะต้องเพียรเข้าหาด้วยศรัทธาเเละการปฏิบัติเท่านั้น ต่อให้สำเร็จคุณธรรมขั้นสูงเเม้พระอรหันต์จะเที่ยวสืบหาเทพเจ้าองค์นี้ก็ไม่อาจจะเข้าถึงหรือพบได้ เพราะอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ร่วมกัน
พระศิวะนั้น ท่านเป็นตัวเเทนที่ปรากฏรูป เป็นตัวเเทนของพลังอำนาจสูงสุดเเห่งจักรวาล เป็นตัวแทนเเห่งการทำลายล้าง เมื่อโลกเกิดวิกฤติการณ์เช่นภูเขาไฟระเบิด มหาวายุต่างๆ นานับชนิด มหาอุกกาบาตพุ่งเข้าใส่ เหตุการณ์คลื่นสึนามิเเละอุทกภัยทั้งหลาย แผ่นดินเเยกเเผ่นดินไหว โรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ต่างๆ เเละอื่นๆ อีกมากมายประมาณมิได้ ล้วนอยู่ในอำนาจของเทพเจ้าพระองค์นี้
กล่าวมาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งกลัวพระองค์ท่าน การทำลายล้างของพระศิวะนั้น เป็นไปเพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ เป็นการทำลายเพื่อให้ปรากฏสิ่งที่ดีงามในภายหลัง พระศิวะนี้เป็นเทพเจ้าที่ทรงมหากรุณาเหนือกว่ามวลเทพองค์อื่นทั้งปวง หากเทียบกันในบรรดาเทพทั้งหลาย พระองค์จะประทานพรให้สิ่งที่ต้องการเเก่ผุ้เคารพเเละศรัทธาง่ายที่สุดกว่าเทพเจ้าองค์อื่น
ไสยศาสตร์ที่เขมรใช้เเละไทยรับสืดทอด ต่อมานั้น เเรกเริ่มก็มาจากไศวะศาสตร์ของอินเดีย เป็นศาสตร์ที่อยู่เหนือกฏเกณฑ์ธรรมชาติ คนเราควรนับถือพุทธศาสนาให้มาก ปฏิบัติบำเพ็ญคุณธรรมต่างๆ ตามที่พระพุทธเจ้าสอน ให้รู้หลักธรรมรู้คาถาต่างๆ เรียนวิปัสนาหมายมั่นพระอรหันตผลเป็นปลายทางเเห่งชีวิต แต่ฝ่ายไสยศาสตร์นั้นก็ละทิ้งไม่ได้ เพราะว่า หากเรายังดำรงค์ชีวิตอยู่สืบสายตระกูลอยู่ในโลกนี้ต้องการทำให้ปรากฏเกียรติยศ ประสบความสำเร็จก็จะต้องศึกษาเอาไว้ใช้เช่นกัน คนโบราณจึงได้ศึกษาควบคู่กันทั้งพุทธศาสตร์และไสยศาสตร์นั่นเองเพื่อความสำเร็จและเจริญทั้งทางโลกเเละทางธรรม
พระศิวะนั้น ทรงเป็นผุ้นำเเห่งตรีมูรติหรือพระเป็นเจ้าทั้งสามได้เเก่พระศิวะสังกร พระวิษณุนารายณ์ และพระบรมบิดาพรหมเทพ
พระศิวะสังกรผู้เป็นเจ้านั้นจะเเตกต่างจากปวงเทพอื่นๆ เช่นพระอินทร์พระพายทำนองนี้ เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้าจะล่วงรู้เฉพาะหน้าที่ของพระองค์เท่านั้น นอกเหนือจากหน้าที่เเล้วพระองค์ย่อมไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว นี่คือสิ่งที่ติดใจคนทั้งหลายที่อยากเห็นอยากเจอ พระบางรูปก็ใช้อำนาจคุณธรรมต่างๆ ที่สำเร็จตามหาท่านว่า เป็นเทพของสวรรค์ชั้นไหนเเบบนี้ไม่มีทางพบเเน่นอน เพราะการมาพบผู้ที่ใช้ฤทธานุภาพตามหานั้นไม่ใช่หน้าที่ของพระองค์ เเละพระก็จะมีอคติไม่ไหว้เทพเจ้า หารู้ไม่ว่า สิ่งนี้ไม่ใช่เทพเจ้าเเต่หมายถึงพระเป็นเจ้า ซึ่งเป็นตัวเเทนของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นั่นเอง ทรงอยู่เหนือนอกกฏเกณฑ์เหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง
พระศิวะสังกรนี้จะทรงรู้เพียงหน้าที่ของพระองค์ ที่จะต้องบันดาลเเละให้พรเเก่ผู้ที่เคารพนับถือ รักและเอ็นดูคอยช่วยเหลือเสมือนผู้นั้นเป็นบุตรของตน เเต่ทว่าหากท่านให้พรเเละความช่วยเหลือเเล้วผู้บูชากลับนำสิ่งที่ได้ไปใช้ในทางที่ผิดเช่นนำหน้าที่ไปกดขี่คนอื่น เอาเงินที่ได้ไปเข้าบ่อนเข้าอาบอบนวดเเบบนี้ถือว่า ใช้พระพรไปในทางที่ผิด พระศิวะนั้นย่อมบันดาลให้คนผู้นั้นหมดตัวเเละฉิบหายลงได้
- สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่อยู่เหนือเทพเจ้าองค์อื่นที่พระศิวะผู้เป็นเจ้าจะให้เเก่ผู้บูชาได้ก็คือการพาบุคคลนั้น ก้าวข้ามก้าวล่วงเเก่พิฆนะจัญไร ซึ่งหมายถึงอุปสรรคเเละสิ่งกีดขวางที่เป็นเสนียดอัปมงคล ชั่วร้ายเลวทรามทั้งหลาย อำนาจการทำลายล้างของพระองค์ จะทำลายพิฆนะจัญไรทั้งหลายเหล่านั้นให้หายไปจากชีวิตผู้บูชาโดยสิ้นเชิง
การจะขอพรพระองค์นั้นไม่ใช่นึกจะขอก็ขอ ไม่เคยทำความดีไม่มีความชอบปรากฏไปยกมือไหว้ขอย่อมเป็นไปไม่ได้ บุคคลผู้กระทำความเพียรในพรของพระศิวะเจ้านั้น จะต้องให้ทานรักษาศีลกล่าวง่ายๆ คืออยู่บนปฐมบทของการทำดี รู้จักสวดมนต์ขอพรท่านเเบบนี้ก็จะสำเร็จโดยง่าย เพราะว่า พรของพระเป็นเจ้าพระองค์นี้ไม่มีข้อจำกัด สามารถบันดาลให้เป็นไปได้ทุกเรื่องถ้ายังอยู่ในกฏเกณฑ์แห่งธรรมชาติ
เเม้เเต่จักรวาลนี้ตามตำราฮินดูเขาก็ว่า เกิดขึ้นมาจากการร่ายรำของพระศิวะ การร่ายรำของพระองค์นี้เป็นท่ารำมาตรฐานที่อินเดียนนำมาใช้ สืบทอดไปทุกภูมิภาคในโซนเอเซีย เเม้เเต่ไทยเองก็มีพื้นฐานท่ารำมาจากรูปแบบของพระองค์
ดังที่เล่าไว้ตอนต้นว่า พ่ออาจารย์พลได้ศึกษาไสยศาสตร์มาอย่างถ่องแท้ในห้วงชีวิตหนึ่งของท่านทำให้ท่านเคารพพระศิวะสังกรอย่างมาก เรียกว่าเข้าถึงก็ได้
การที่พ่ออาจารย์ได้เมตตาสร้างรูปพระศิวะนี้ขึ้นมา ท่านถึงกับออกปากมาเองเลยว่า การทำวัตถุมงคลนี้ อดีตจะไม่มี และอนาคตจะไม่ปรากฏผู้ที่ทำได้เเบบนี้
พ่ออาจารย์เล่าว่า พระเกจินั้นจะหลีกเลี่ยงที่จะสร้างพระศิวะ ส่วนใหญ่จะสร้างเเต่พระนารายณ์นั่น เพราะนอกจากเข้าไม่ถึงเเล้ว ยังคิดว่า เกินความจำเป็นเเละไม่สำคัญ การทำเทพเจ้าที่ได้ชื่อว่า เป็นเทพเจ้าเหนือเทพเจ้านั้น ใครจะกล้าทำ ถ้าผิดครูไม่รู้จริงไม่ตายก็ย่ำแย่ รูปที่สร้างออกมาถ้าไม่ได้รับอนุญาติสื่อกับท่านไม่ได้ท่านไม่ได้บอกวิธีการทำการเชิญปลุกเสกให้ห้อยไปก็หนักคอเปล่า
การทำพระศิวะนั้นผู้จะรับไปบูชาเอาไปแล้วต้องสัมผัสได้ ต้องได้สิ่งเป็นมงคลเป็นตัวเเทนพระเป็นเจ้าของเขาไปบูชาจริงๆ
ตะกรุดที่ฝังใต้ฐานทั้ง2ดอก ดอกหนึ่งจารอักขระภาษาฮินดีไว้ ท่านว่า เป็นหัวใจของพระศิวะเลยไม่มีไม่ได้ท่านลงจารผสมลงไปกับ13อักขระที่พระศิวะได้เมตตามอบเเละสอนท่านโดยเฉพาะ เป็นศาสตร์ลี้ลับอีกศาสตร์หนึ่ง อักขระทั้ง13ตั้วนี้เเต่ละตัวมีอำนาจมากเเต่ละตัวล้วนมีความหมายศักดิ์สิทธิ์ที่ประทานให้ถึงพระองค์โดยตรงอย่างเเท้จริง อีกดอกหนึ่งนั้นท่านลงวิชาตราพระอิศวร(ศิวะ)ของหลวงปู่เฒ่ายิ้ม วัดหนองบัว ท่านว่า ผสมผสานไศวะศาสตร์ระหว่างอินเดียกับเขมร
ด้านบนพ่ออาจารย์ได้นำผงพรายกุมารเเท้ๆ ที่หลวงปู่ทิมสร้างไว้สมัยมีชีวิตอยู่ที่อาจารย์สาคร วัดหนองกรับมอบให้ท่านไว้มาอุด ท่านเล่าว่า อาจารย์สาครบอกท่านว่า ผงพรายกุมารนี้ท่านได้มาภายหลังจากที่ท่านเรียนกับหลวงปู่ทิม คนที่เกี่ยวข้องนำมามอบให้ ท่านจึงมอบให้พ่ออาจารย์ต่อในอนาคตจะได้เก็บไว้พิจารณาเพื่อนำมาทำวัตถุมงคล ซึ่งมีปริมาณน้อยมากเพียงค่อนกระปุกยาหม่อง เเต่ก็ถือว่า เยอะเเล้ว เพราะผงเเค่ช้อนเดียวนายทุนเอาไปหากินปั๊มพระได้นับเเสนองค์ เเต่ละองค์ได้ถึงอนูรึเปล่ายังไม่รู้ ดีไม่ดีอาจไม่ได้ผสมเลยเสียด้วยซ้ำ เเต่นี่พ่ออาจารย์เอาหลอดช้อนผงใส่ให้เพียวๆ เลยผสมกับผงวิภูติ ซึ่งเป็นผงในสายบารมีขององค์พระศิวะโดยเฉพาะ ซึ่งผงวิภูตินี้จะเกิดขึ้นเองจากการบูชาพระองค์ท่านเกาะตามเทวรูปของท่านเเละจะขยายตัวเเละงอกได้อย่างน่าประหลาด ซึ่งเดี๋ยวนี้หาผงวิภูติเเท้ๆ ได้ยากมากถืือเป็นของกายสิทธิ์ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของพระองค์ท่านอย่างเเท้จริงก็ว่า ได้ พ่ออาจารย์ได้นำมาผสมกันที่รูด้านบนหัวก่อนปิดผนึกผงเอาไว้
ท่านว่า เหมาะเเละควรเเล้ว ผงนี้ขึ้นชื่อว่า เเรงเเละเฮี้ยนนักในยุคหลังกึ่งพุทธกาล ที่เราเลือกนำมาอุดไว้ในพระศิวะสังกรนี้ก็ เพราะเหมาะเเละถูกงาน ถือว่า คู่ควรไม่มีสิ่งใดจะเหมาะกว่านี้ เพราะพระศิวะสังกรนั้น ท่านมีปางภูเตศวร ถือว่า เป็นเจ้า เป็นอธิบดีเเห่งภูติพรายทั้งหลาย ปางนี้จะสถิตย์อยู่ในป่าช้าโดยเฉพาะ ท่านว่า ผงนี้ถ้าได้อยู่ในรูปของพระศิวะจะช่วยให้มีฤทธิ์มากขึ้นเเละรวดเร็วเเรงกว่าเดิมที่สมัยหลวงปู่ทิมทำไว้อีกหลายเท่า เพราะว่า มาอยู่กับนายต้นสายโดยตรงแบบนี้หาไม่ได้อีกเเล้วใครจะกล้าทำ
- เนื่องจากในโอกาส ที่ครูสูงสุดในสายพราหมณ์คือองค์พระศิวะได้ลงมาให้คำมั่นสัญญาที่จะช่วยเหลือพ่ออาจารย์ ท่านจึงนึกอยากทำวัตถุมงคลเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงพระองค์ท่านอีกซักครั้ง โดยการทำครั้งนี้จะทำด้วยการเชิญท่านมาลงมาเสกเองตามคำที่ได้รับปากกันไว้เเบบใจถึงใจทีเดียว ซึ่งท่านเรียกพระศิวะที่ท่านแกะว่า พระโพเลนารถศิวะสังกร ท่านบอกว่าชื่อนี้มีความหมายนะ เป็นนามที่ชนทั้งโลกกล่าวขาน เมื่อออกชื่อนี้ปรารถนาคำพรของพระองค์ย่อมไม่เกินความจริง พระศิวะนี่ท่านดีมากๆ ต่างกับองค์อื่นตรงที่ท่านไม่ทิ้งเราเลย เมื่อนึกถึงท่านท่านก็พร้อมที่จะมาเยือนถึงหน้าเรือน เป็นเทพเจ้าที่เปี่ยมไปด้วยมหากรุณาอย่างเเท้จริงสมกับชื่อว่า โพเลนารถ
ใครที่บ้านตรงทางสามเเพร่งชนเสาไฟฟ้าหรือต้องอาถรรพ์อะไรก็ตามเเต่เเม้เเต่ชนพญาครุฑก็เถิด เอาพระรูปที่เราสร้างนี้ไปวางไว้ซักครู่จุดธูป 36 ดอก บอกท่านเป็นพิธี ว่า ขอเบิกพระเนตรที่สามของพระโพเลนารถศิวะสังกรให้พระองค์ทำลายอุปสรรคขวากหนาม พาลูกหลานก้าวข้ามพิฆนะจัญไร นับจากนี้ไปสถานที่นี้ขอให้เต็มเปี่ยมไปด้วยสิริมงคล งอกงามไพบูลย์เพิ่มพูนอย่ารู้จักหมด ขอให้การทำลายล้างของพระองค์ยังผลให้เกิดสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลเเก่เคหสถานของลูกๆ หลังจากนั้นอธิษฐานอะไรก็ว่า ไปพอธูปหมดก็เอามาบูชาต่อ
การทำรุ่นนี้ถือให้เป็นอนุสรณ์จริงๆ เพราะเราทำเเบบบรรจุกริ่ง ซึ่งเป็นการสื่อเลยนะ เวลาที่เขย่ากริ่งต้องการอะไรปรารถนาอะไรอธิษฐานขอโดยตรงจากพระองค์ได้เลยที่ทำปางโพเลนารถไว้ก็เพื่อให้ท่านสนองต่อคำขอเราด้วยมหากรุณาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่านอยู่เเล้ว พระศิวะนี้ท่านมีคุณเเก่มนุษย์หนักหนานะ รู้กันมั๊ยว่า มวยผมของท่านได้รับพระเเม่คงคาไว้ชะลอสายน้ำจากสวรรค์ไม่ให้ไหลลงมาท่วมโลกมนุษย์ เเม้เเต่พิษจากเกษียรสมุทรพระองค์ก็ดื่มกินเข้าไว้เองจนมีลำคอสีดำเพื่อไม่ให้พิษนี้ตกต้องถึงโลกมนุษย์ พระองค์ถือเป็นบิดาที่รักมนุษย์อย่างยิ่งยวด ซึ่งความรักแบบนี้ถ้าไม่บริสุทธิ์ใจคงทำไม่ได้
การบูชาพระศิวะนี้ คนที่จะถือขึ้นมีเคล็ดนิดหน่อยตรงที่ว่า จะต้องเป็นคนให้เกียรติผู้หญิงนะ เพราะธรรมดาของพระศิวะเป็นเจ้านี้ท่านยกย่องเเละให้เกียรติสตรีเพศท่านยกย่องมหาศักติเปรียบประดุจครึ่งหนึ่งของตัวท่านเอง คนที่ยกย่องเเละให้เกียรติเพศเเม่จะบูชาท่านขึ้นเป็นพิเศษ
กรรมวิธีเสกนี้ยุ่งยากมากนักเป็นการทำวิชาโดยเฉพาะต่างจากประสระโลหิตโดยสิ้นเชิง ท่านว่า พิธีนี้ท่านมาบอกเราเองให้ทำเเบบนี้เพื่ออัญเชิญท่าน ดังนั้นเราจึงกล้าพูดว่า อดีตจะไม่มีและอนาคตจะไม่ปรากฏ โดยพ่ออาจารย์ได้หยาดเลือดองค์ต่อองค์เพื่อบูชาเทวรูปพระศิวะ (เเค่เข็มเจาะนะไม่ใช่กรีดเลือดสาดเเบบในหนัง) เป็นการสละเลือดเนื้อเเละวิญญาณบูชาท่าน จากนั้นท่านจึงนำเลือดเเละผงวิภูติตลอดจนสิ่งอื่นๆ ที่ท่านระบุมาทำการผสมสร้างเเละเสกตามขั้นตอนที่ท่านเเนะนำ ซึ่งไม่สามารถกล่าวอธิบายในที่นี้ได้ เพราะเป็นวิชาที่พระองค์สื่อกับพ่ออาจารย์โดยตรง
การบูชา พระศิวะของเราไม่ต้องร่วมประเวณีทำเรื่องวิปริตผิดธรรมชาติบูชาเด็ดขาดนะ พระศิวะของเราให้ถวายผลไม้5-9อย่าง น้ำเปล่าน้ำชา ให้ท่านประจำเเค่นั้นพอ พ่ออาจารย์ท่านให้เพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อได้รับพระองค์ไป ก่อนจะเลี่ยมหรือบูชาให้หาใบมะตูมมารององค์ท่านไว้ 9 ใบ ท่านว่า ใบมะตูมนี้ใช้บูชาท่านได้เป็นสัญลักษณ์เเทนตรีศูลอาวุธประจำพระองค์ ท่านว่า ใบมะตูมที่นำมาท่องคาถาบูชาท่านนี้หากไม่สะดวกพกพระรูปท่าน เวลาจะไปไหนก็ให้เอาใบมะตูมใส่กระเป๋าเสื้อไปมีผลดุจพกองค์จริงที่ท่านเเกะ หรือปรารถนาจะทำน้ำทิพย์มนต์อาบรดตัวเองครอบครัวก็ให้เอาใบมะตูมที่บูชาท่านนี้ เผาไฟผสมน้ำลงไป
คาถาที่ใช้
การะปูระเคารัม กรุณาวะตารัม
สัมสาระสารัม ภุชะเคนทะระหารัม
สะทาวะสันตัม หฤทะยาระวินเท
ภะวัมภะวานี สาหิตัม นะมามิ
จงกล่าวพระนามพระศิวะ จงกล่าวนามนี้ในทุกย่างก้าว
นานเท่านานที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านคือพระเจ้าผู้บำเพ็ญตบะและหยั่งรู้
ข้า แต่พระผู้เป็นเจ้าแห่งจักรวาล ข้าเเต่ผู้มีอำนาจสูงสุด ข้า แต่ผู้ยิ่งใหญ่
พระองค์ช่างยอดเยี่มและมีลักษณะเฉพาะ พระองค์คือพ่อ ซึ่งหยั่งรู้ทุกอย่าง
ศิวะเจ้าไม่ปรารถนาสิ่งใด ศิวะเจ้ายึดถือในความเมตตาและมหากรุณาต่อผู้ยาก ชื่อของพระองค์ มีความหมายว่า บังคับบัญชา ศิวะเจ้าคืออิสรภาพ ศิวะเจ้าคือพลังสูงสุด พระองค์คือที่สุดและศูนย์รวมของการบูชาเทวะเจ้าทุกพระองค์
อย่าประเมินความยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่ำเกินไป ความทุกข์ทั้งหมดจะถูกกำจัดไป เมื่อกล่าวพระนามบูชาพระองค์ ศิวะ ศิวะ ศิวะ
พระศิวะนี้ท่านเเกะให้ตั้งบูชา เพราะถ้าห้อยอาจจะใหญ่ไปเเต่ถ้าเป็นคนตัวสูงก็ห้อยกำลังสวย ขนาดจะใหญ่กว่าพระพรหมสหัมบดีมีทั้งเเบบเพ้นสีเเละไม่เพ้นให้เเจ้งมา
พระโพเลนารถศิวะสังกร(มหากาลบรรจุกริ่ง พระเป็นเจ้าเเห่งจักรวาลและการทำลายล้าง) ร่วมทำบุญ 10,000 บาท