ท่านพ่อพล ธรรมราช สื่อกลางจองบูชาวัตถุมงคล พ่ออาจารย์พล ธรรมราช
เจ้าของร้าน Login ที่นี่
หน้าร้าน
รายการสินค้า
ติดต่อร้านค้า ส่งข้อความหลังไมค์ วิธีการสั่งซื้อสินค้า วิธีการชำระเงิน เว็บบอร์ด
สมาชิกร้านค้า
หมวดสินค้า
สถิติร้านค้า
เปิดร้าน19/08/2014
อัพเดท10/10/2016
เป็นสมาชิกเมื่อ 12/06/2012
สถิติเข้าชม386964
บริการของร้านค้า
ตรวจสอบสถานะไปรษณีย์
จดหมายข่าว
ใส่ email ของท่านเพื่อรับข่าวสารร้านค้านี้

subscribe unsubscribe




ข้อมูลร้านค้า
   
ที่อยู่  กทม 00000
โทร.  0948866245
Mail  korntipchai@gmail.com
Search      Go

Home / All Product List / ที่สุดของตรีเอกานุภาพ สภาวะรวมตัวของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด(คติพราหมณ์)พระตรีมูรติ

ที่สุดของตรีเอกานุภาพ สภาวะรวมตัวของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด(คติพราหมณ์)พระตรีมูรติ

ที่สุดของตรีเอกานุภาพ สภาวะรวมตัวของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด(คติพราหมณ์)พระตรีมูรติ

ที่สุดของตรีเอกานุภาพ สภาวะรวมตัวของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด(คติพราหมณ์)พระตรีมูรติ

ลงประกาศเมื่อวันที่  :  26/08/2014
แก้ไขล่าสุด  :  25/09/2014
ราคา  5,000

... มนุษย์เรานั้น เพียรในตบะสมาธิอันเเรงกล้า เพียงปรารถนาเพื่อพบเจอกับพลังอำนาจสูงสุด และในภาวะนั้น ก็ได้กำเนิดเทวะต่างๆ ขึ้นมามากมายเพื่อเป็นรูปลักษณ์ของพลังอำนาจต่างๆ

ในความเชื่อของศาสนาพราหมณ์นั้น เราต้องทำใจให้เป็นกลางก่อนว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นมานมนานเเล้ว เกิดขึ้นเเละตั้งอยู่ก่อนพระพุทธศาสนา ทวยเทพทั้งมวลเช่น พระอินทร์ พระยม พระวรุณ เป็นต้น เทพผู้มีศักดิ์ใหญ่เหล่านี้ เเม้ศาสนาพุทธของเราก็ให้การยอมรับว่า มีอยู่จริง

แปลกหรือไม่ ทำไมในศาสนาพุทธเรา ถึงไม่มีการกล่าวถึงพระผู้เป็นเจ้าทั้งสามเลย นอกจากตำนานในบางเรื่องที่เกิดจากชาวพุทธรุ่นหลังเเต่งขึ้นที่ทำให้พระอิศวรดูด้อยกว่าพระพุทธเจ้าก็มี เมื่อพระพุทธองค์ยังทรงดำรงค์พระชนม์อยู่ ก็ไม่ได้ก้าวก่ายหรือพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้ เพราะว่า ปัญหานั้นไม่มีประโยชน์ ไม่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปเพื่อความคลายทุกข์ เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้และเพื่อนิพพาน ดังนั้นพระองค์จึงไม่ตอบ เพราะไม่ต้องการให้มนุษย์หมกมุ่นอยู่เเต่เรื่องอภินิหาริย์เเละสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจนไม่เปนอันทำอะไรนั่นเอง แต่พระองค์ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

พระเป็นเจ้าทั้งสามของพราหมณ์นั้น จะมีก็เเต่เพียงพระพรหมที่ชาวพุทธเราพูดถึงบ่อยๆ ซึ่งพรหมของพุทธกับพราหมณ์ก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง พรหมของพุทธมีมากมายนับประมาณมิได้ เเต่พระพรหมของพราหมณ์มีองค์เดียว ทั้งนี้พ่ออาจารย์ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ความจริงเเล้ว ในสมัยก่อนพระพุทธศาสนายังไม่ได้เกิดขึ้นนั้น ก็มีพรหมต่างๆ มากมายอยู่เเล้ว พรหมในที่นี้คือผู้บำเพ็ญตบะตามวิธีของพราหมณ์อย่างอุกฤษฏ์นั่นเอง นั่นก็คือมนุษย์เรานี้เเหละที่มีคุณธรรมสูงจนไปเกิดในพรหมโลก ซึ่งตามคำสอนของเค้าก็มีบอกเเล้วว่า มนุษย์เรานี่เเหละหากบำเพ็ญก็สามารถจะเข้าถึงความเป็นพรหมได้ นี่คือพรหมมากมายที่อุบัติขึ้น

แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ได้เข้าถึงความเป็นปรพรหมเช่นพระผู้เป็นเจ้าทั้งสาม ขอย้ำว่าวันนี้เราจะพิมพ์ตามคติพราหมณ์ อิงคำพูดพ่ออาจารย์เป็นเเนวทางไว้ พระผู้เป็นเจ้าทั้งสามนี้ คืออะไร หากจะกล่าวว่า สามเทพเจ้านี้คือพลังธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของจักรวาลโดยเเท้ก็ไม่ผิด แต่เป็นพลังอำนาจที่มีตัวรู้ มีจิตสำนึก มีความรู้สึกนึกคิดที่สะสมมายาวนาน สืบเนื่องจากได้รับการบูชาของมนุษย์นั่นเอง เธอเข้าใจกันหรือไม่ เพราะเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่า หากยังมีศาสนาอยู่พระเจ้าทั้ง3นี้ ก็ยังมีอยู่นั่นเอง

ทีนี้เรามาทำความเข้าใจกันก่อน รูปลักษณ์ของเทพเจ้าทั้งสามนี้ล้วนมีความหมายอันยิ่งใหญ่เเฝงปรัชญาศาสนาลึกซึ้งอยู่ในตัวเอง สามเทพนี้คืออะไร
1. พระอิศวรหรือพระโพเลนาถศิวะสังกร ก็คือพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ พลังอำนาจแห่งมหากรุณาต่อสรรพชีวิต มีหน้าที่ประทานพรทุกประการเเก่ผู้ศรัทธา มีพลังอำนาจในการทำลายล้าง หมายถึงการทำลายเพื่อให้เกิดใหม่ ทำลายอกุศลตั้งต้นเพื่อเป็นเหตุให้เกิดกุศล ทำลายล้างความชั่วร้ายเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ดีงาม
2. พระวิษณุนารายณ์ พระองค์ก็คือพลังอำนาจแห่งสัจธรรม มีหน้าที่พิทักษ์รักษาเเละจรรโลงคุณงามความดี หากใครขึ้นชื่อว่า เป็นคนดีเเล้วพระองค์ย่อมอนุกูลช่วยเหลือเต็มที่ ดั่งคำที่ว่า อภิบาลคนดี ย่ำยีหมู่มารทุจริต หน้าที่ของพระองค์คือพิทักษ์จักรวาล เปรียบเสมือนตาชั่งที่คอยถ่วงดุลย์ความดีเเละความชั่ว หากความชั่วอหังการกำเริบเสิบสานก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องมากำจัดให้หมดไป
3. พระบรมบิดาพรหมเทพ พระองค์เปี่ยมไปด้วยมหาเมตตาเเก่สรรพชีวิต มีหน้าที่สร้างสรรค์ทุกสรรพสิ่ง เป็นพลังงานในการสร้าง ตราบใดที่พระองค์ยังดำรงค์อยู่ อำนาจและจิตวิญญาณเเห่งการสร้างสรรค์ทั้งปวงก็จะดำเนินการต่อไปหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านยุคสมัยต่างๆ

ดั่งที่บอกไว้เเล้ว พระผู้เป็นเจ้าทั้งสามนั้น จะล่วงรู้เพียงหน้าที่ของพระองค์เอง ดังนั้นสิ่งที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ พระองค์ย่อมไม่กระทำเเละไม่ก้าวล่วง การจะเข้าถึง นอกจากต้องอาศัยความเชื่อเป็นพื้นฐานเเล้ว ยังต้องศรัทธาปฏิบัติจริงจังอีกด้วย กล่าวได้โดยง่ายเลยว่า วิถิพุทธนั้นเป็นทางเดินคนละสาย ไม่สามารถที่จะเอามรรคเอาผลมาใช้เพื่อค้นหาเทพเจ้าทั้งสามนี้ได้

มาเข้าเรื่องกันที่พระตรีมูรติ ก็อีกนั่นเเหละคนไทยนิยมชมชอบที่จะบูชาตรีเทพในลักษณาการพระตรีมูรติ เพราะคิดว่า คุ้ม บูชาทีเดียวครบ ซึ่งไม่รู้ไปจำเเละไปเอาความคิดนี้มาจากไหนใครเขาสั่งสอน เพราะเเม้เเต่ต้นสายในอินเดียเองการบูชาเทพเจ้าก็มักบูชาเเยกเป็นองค์ๆ เพื่อความสำเร็จที่ชัดเจน ไม่นิยมนำมาบูชาร่วมกัน

เเต่เราเองก็มีความปรารถนาที่จะสร้างเเละเชิญสามเทพเจ้านี้มาอยู่รวมกัน เเต่ก็ถือว่า เป็นสิ่งที่หนักเอาการในการลงเเละการเสก และก็ต้องทำให้ถูกรูปลักษณ์ไม่ใช่จำลองมาดัดเเปลงไปๆ มาๆ กลายเป็นพระศิวะสังกรปางปัญจมุขเเบบที่ตั้งตระหง่านคนนิยมไปกราบเเล้วเขียนชื่อบอกว่าพระตรีมูรติเเบบนั้นไม่ใช่ เพราะพลังอำนาจที่เเยกออกมาทั้งสามรูปนั้น หากนำกลับมารวมกันเเล้วก็กล่าวได้เลยว่า จะเป็นพลังอำนาจสูงสุด หมายถึงที่สุดของที่สุดเป็นพลังแห่งปรพรหมหมายถึงองค์อาตมันหรือดวงชีพนิรันดร์นั่นเอง

ซึ่งพ่ออาจารย์พลได้เล็งเห็นถึงอะไรหลายๆ อย่าง จึงได้สร้างสิ่งที่เรียกว่าสุดยอดขึ้นมา เพื่อรักษาสรรพวิชาในฝ่ายของไสยเวทย์เอาไว้ให้บริบูรณ์ ท่านว่า หากจะมองดีๆ เเล้ว สามเทพนั้นก็เปรียบเสมือนสัจธรรมทั้งสามสิ่ง คือ
1. การเกิดขึ้น หมายถึง พระพรหม
2. การตั้งอยู่ หมายถึง พระวิษณุนารายณ์
3. การดับไป หมายถึง พระศิวะสังกร

เมื่อจะทำเเล้วนอกจากนำเอาของสูงมาสร้าง ซึ่งก็คือไม้สักทองชุดของสมเด็จโตที่ยังเหลือๆ นำมาเเกะจำลองเป็นรูปลักษณ์เท่านั้นยังไม่พอ การเสกการทำทุกอย่างยังต้องประณีตอีกด้วย

ผงที่นำมาอุดด้านหลังนี้ ท่านใช้สูตรผงลบมือผสมผงขมิ้นกับปูน เป็นสูตรผงที่ใช้ทำพระจักรพรรดิ์มาลาแบบนั้น ท่านถือว่า เป็นเคล็ดที่ว่า ขมิ้นกับปูนไม่ถูกกัน ยังรวมตัวกันอยู่ด้วยกันได้ สามเทพ ซึ่งปกติจะเเยกออกจากกันก็ถึงเวลาเเล้วที่จะรวมผสมกลมกลืนกัน เป็นเคล็ดเพื่อให้การรวมตัวของเทพเจ้าทั้งสามสำเร็จเเละผสมผสานกันลงตัวดึงเอาอานุภาพออกมาใช้ได้สูงสุด

สำหรับองค์ที่เอามาให้ดูนี้ เป็นองค์ครู องค์เดียวในโลก ซึ่งมีศิลามงคลมูรติฝังไว้ ซึ่งเป็นชุดเหล็กไหลภูเขาควายที่เข้าลักษณะมงคลทั้งหมด
1. ศิวลึงค์ ตัวเเทนของพระศิวะเจ้า สัญลักษณ์ที่เเม้เเต่เทวดาทั้งหลายยังต้องให้ความเคารพ
2. กงจักรหิน นับเข้าข่ายศาลิคราม มูรติเเทนองค์พระวิษณุนารายณ์ ซึ่งลูกนี้เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมาก เพราะมีดุมล้อเเละลายเหมืองกงจักรชัดเจน ซึ่งศาลิครามนี้ก็คือสุทัศนะจักรของพระวิษณุนั่นเอง
3. หอยสังข์ เป็นเหล็กไหลภูเขาควายอีกก้อนหนึ่ง ที่มีลักษณะเหมือนหอยสังข์ ซึ่งเป็น1ในของมงคลของพราหมณ์ นอกจากนั้นยังเป็นเครื่องบริโภคมีความหมายเป็นสื่อเเทนองค์พระวิษณุนารายณ์ด้วยนั่นเอง ซึ่งปกติเเล้วจะต้องมีของสองสิ่ง นั่นคือศาลิครามเเละหอยสังข์ องค์นี้ถือว่า ได้ครบทีเดียว
4. โยนี เป็นเหล็กไหลที่มีลักษณะเหมือนโยนีหรืออวัยวะเพศสตรี ฝังรวมไว้เพื่อความหมายสองนัยยะ 1.เพื่อเป็นตัวเเทนของพลังมหาศักติคู่กับพระศิวะเจ้า 2.โยนีเมื่อรวมกับศิวลึงค์นั้นมีความหมายถึงพลังอำนาจของการสร้างสรรค์สรรพชีวิต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพรหมเทพนั่นเอง
5. ฝังตะกรุดที่ทำวิชาเฉพาะ ไม่อนุญาติให้เปิดเผย

รูปแบบด้านหน้า องค์ตรงกลางคือพระวิษณุนารายณ์ องค์ที่มีพระจันทร์ที่มวยผมเเละมีสายน้ำพระเเม่คงคาไหลออกมาจากมวยผมคือพระศิวะสังกร องค์ที่ใส่มงกุฏคือพระพรหมเทพ ที่ทับทรวงของพระตรีมูรตินี้ พ่ออาจารย์ได้นำพระธาตุเเก้วจักรพรรดิ์บรรจุลงไปด้วย เพื่อให้ตรงกับตำนานแก้วเกาสตุภะ เเก้วทับอกของพระนารายณ์ที่มีคุณเเละให้ประโยชน์แก่ผู้ครอบครองมหาศาล หากผู้ครอบครองประพฤติผิดคิดชั่ว เเก้วนี้ก็จะเป็นสิ่งทำลายล้างชีวิตของเขาเอง

สำหรับองค์ครูนี้เก็บไว้ให้พ่ออาจารย์ใช้ ใครจะสั่งจององค์ธรรมดา ก็สั่งได้ องค์ละ 5,000 บาทเเต่ของฝังหลังจะไม่มีเเบบนี้อีกเเล้วอยู่ที่ท่านพิจารณาว่า จะฝังอะไรเเต่โดยรวมก็คือดีเเน่นอน ในส่วนขององค์ครูนี้ผมขอเปิดให้ประมูลโดยการส่งราคามาทางPM ซึ่ง องค์ครูจะขนาดใหญ่กว่าเเละก็เป็นของฝังที่หาได้ยากมีเพียงองค์เดียวในโลกที่จะนำเหล็กไหภูเขาควายที่มีลักษณะเป็นมงคลตามธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นเองมาฝัง ซึ่งหาได้ยากอย่างยิ่ง ใครให้ราคาสูงสุดก็ได้รับไปถือว่า หาปัจจัยช่วยท่านให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้โดยเร็ว

วิธีการบูชา เมื่อแรกรับพ่ออาจารย์ให้หาขนเเววหางนกยูงมาวางทับไว้ เเละหมั่นถวายนมอย่าได้ขาด

ส่วนคาถานั้น มีคำเดียวสั้นๆ ว่า โอม เเค่นี้ ท่านบอกว่าที่จริงคำนี้เเหละคือคำที่รวมสามเทพเจ้าเข้าไว้ด้วยกัน หากเเต่ที่ยาวๆ ตามโศลกเขาเเต่งนั้นก็เพื่อเฉพาะเจาะจงเป็นองค์ไป แต่หากนำมารวมไว้ทั้ง3องค์แบบนี้แล้ว ก็ให้ใช้เพียงคำเดียว พุทธคุณนั้นก็คิดเอาเอง เพราะสิ่งนี้หมายถึงสิ่งที่เเยกจากกันกลับมารวมกัน ยังสิ่งที่ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ก็ทำให้เกิดเเล้ว ดังนั้นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ย่อมไม่มีแก่ผู้บูชา

 เขียนความคิดเห็น (ความคิดเห็นจะขึ้นแสดงเมื่อได้ยืนยันผ่านทาง email แล้วเท่านั้น)
เลือกหมวดแสดง :
ชื่อ :    เจ้าของร้าน
Email :    ส่ง Email เมื่อมีคนตอบความคิดเห็น
แนบไฟล์ :