ท่านพ่อพล ธรรมราช สื่อกลางจองบูชาวัตถุมงคล พ่ออาจารย์พล ธรรมราช
เจ้าของร้าน Login ที่นี่
หน้าร้าน
รายการสินค้า
ติดต่อร้านค้า ส่งข้อความหลังไมค์ วิธีการสั่งซื้อสินค้า วิธีการชำระเงิน เว็บบอร์ด
สมาชิกร้านค้า
หมวดสินค้า
สถิติร้านค้า
เปิดร้าน19/08/2014
อัพเดท10/10/2016
เป็นสมาชิกเมื่อ 12/06/2012
สถิติเข้าชม386936
บริการของร้านค้า
ตรวจสอบสถานะไปรษณีย์
จดหมายข่าว
ใส่ email ของท่านเพื่อรับข่าวสารร้านค้านี้

subscribe unsubscribe




ข้อมูลร้านค้า
   
ที่อยู่  กทม 00000
โทร.  0948866245
Mail  korntipchai@gmail.com
Search      Go

Home / All Product List / พระศิวะสังกรปัญจุมุขขี (พระเป็นเจ้าเเห่งจักรวาลและการทำลายล้าง

พระศิวะสังกรปัญจุมุขขี (พระเป็นเจ้าเเห่งจักรวาลและการทำลายล้าง

พระศิวะสังกรปัญจุมุขขี (พระเป็นเจ้าเเห่งจักรวาลและการทำลายล้าง

พระศิวะสังกรปัญจุมุขขี (พระเป็นเจ้าเเห่งจักรวาลและการทำลายล้าง

ลงประกาศเมื่อวันที่  :  26/08/2014
แก้ไขล่าสุด  :  25/09/2014
ราคา  10,000

พระศิวะสังกรปัญจุมุขขี (พระเป็นเจ้าเเห่งจักรวาลและการทำลายล้าง) permalink



พระผู้สร้างสรรค์จักรวาลด้วยการร่ายรำ
พระเป็นเจ้าแห่งจักรวาลและการทำลายล้าง

มาทำความเข้าใจถึงเรื่องพระศิวะในทรรศนะของพ่ออาจารย์พลกันดูนะครับ

พระศิวะเจ้านั้น เป็นสิ่งที่อยู่เหนือโลกลับโลกเเละซ่อนเร้นพระองค์เองอย่างมาก ผู้ที่จะเข้าใจเเละเข้าถึงจะต้องเพียรเข้าหาด้วยศรัทธาเเละการปฏิบัติเท่านั้น ต่อให้สำเร็จคุณธรรมขั้นสูงเเม้พระอรหันต์จะเที่ยวสืบหาเทพเจ้าองค์นี้ก็ไม่อาจจะเข้าถึงหรือพบได้ เพราะอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ร่วมกัน

พระศิวะนั้น ท่านเป็นตัวเเทนที่ปรากฏรูป เป็นตัวเเทนของพลังอำนาจสูงสุดเเห่งจักรวาล เป็นตัวแทนเเห่งการทำลายล้าง เมื่อโลกเกิดวิกฤติการณ์เช่นภูเขาไฟระเบิด มหาวายุต่างๆ นานับชนิด มหาอุกกาบาตพุ่งเข้าใส่ เหตุการณ์คลื่นสึนามิเเละอุทกภัยทั้งหลาย แผ่นดินเเยกเเผ่นดินไหว โรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ต่างๆ เเละอื่นๆ อีกมากมายประมาณมิได้ ล้วนอยู่ในอำนาจของเทพเจ้าพระองค์นี้

กล่าวมาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งกลัวพระองค์ท่าน การทำลายล้างของพระศิวะนั้น เป็นไปเพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ เป็นการทำลายเพื่อให้ปรากฏสิ่งที่ดีงามในภายหลัง พระศิวะนี้เป็นเทพเจ้าที่ทรงมหากรุณาเหนือกว่ามวลเทพองค์อื่นทั้งปวง หากเทียบกันในบรรดาเทพทั้งหลาย พระองค์จะประทานพรให้สิ่งที่ต้องการเเก่ผุ้เคารพเเละศรัทธาง่ายที่สุดกว่าเทพเจ้าองค์อื่น

ไสยศาสตร์ที่เขมรใช้เเละไทยรับสืดทอด ต่อมานั้น เเรกเริ่มก็มาจากไศวะศาสตร์ของอินเดีย เป็นศาสตร์ที่อยู่เหนือกฏเกณฑ์ธรรมชาติ คนเราควรนับถือพุทธศาสนาให้มาก ปฏิบัติบำเพ็ญคุณธรรมต่างๆ ตามที่พระพุทธเจ้าสอน ให้รู้หลักธรรมรู้คาถาต่างๆ เรียนวิปัสนาหมายมั่นพระอรหันตผลเป็นปลายทางเเห่งชีวิต แต่ฝ่ายไสยศาสตร์นั้นก็ละทิ้งไม่ได้ เพราะว่า หากเรายังดำรงค์ชีวิตอยู่สืบสายตระกูลอยู่ในโลกนี้ต้องการทำให้ปรากฏเกียรติยศ ประสบความสำเร็จก็จะต้องศึกษาเอาไว้ใช้เช่นกัน คนโบราณจึงได้ศึกษาควบคู่กันทั้งพุทธศาสตร์และไสยศาสตร์นั่นเองเพื่อความสำเร็จและเจริญทั้งทางโลกเเละทางธรรม

พระศิวะนั้น ทรงเป็นผุ้นำเเห่งตรีมูรติหรือพระเป็นเจ้าทั้งสามได้เเก่พระศิวะสังกร พระวิษณุนารายณ์ และพระบรมบิดาพรหมเทพ

พระศิวะสังกรผู้เป็นเจ้านั้นจะเเตกต่างจากปวงเทพอื่นๆ เช่นพระอินทร์พระพายทำนองนี้ เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้าจะล่วงรู้เฉพาะหน้าที่ของพระองค์เท่านั้น นอกเหนือจากหน้าที่เเล้วพระองค์ย่อมไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว นี่คือสิ่งที่ติดใจคนทั้งหลายที่อยากเห็นอยากเจอ พระบางรูปก็ใช้อำนาจคุณธรรมต่างๆ ที่สำเร็จตามหาท่านว่า เป็นเทพของสวรรค์ชั้นไหนเเบบนี้ไม่มีทางพบเเน่นอน เพราะการมาพบผู้ที่ใช้ฤทธานุภาพตามหานั้นไม่ใช่หน้าที่ของพระองค์ เเละพระก็จะมีอคติไม่ไหว้เทพเจ้า หารู้ไม่ว่า สิ่งนี้ไม่ใช่เทพเจ้าเเต่หมายถึงพระเป็นเจ้า ซึ่งเป็นตัวเเทนของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นั่นเอง ทรงอยู่เหนือนอกกฏเกณฑ์เหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง

พระศิวะสังกรนี้จะทรงรู้เพียงหน้าที่ของพระองค์ ที่จะต้องบันดาลเเละให้พรเเก่ผู้ที่เคารพนับถือ รักและเอ็นดูคอยช่วยเหลือเสมือนผู้นั้นเป็นบุตรของตน เเต่ทว่าหากท่านให้พรเเละความช่วยเหลือเเล้วผู้บูชากลับนำสิ่งที่ได้ไปใช้ในทางที่ผิดเช่นนำหน้าที่ไปกดขี่คนอื่น เอาเงินที่ได้ไปเข้าบ่อนเข้าอาบอบนวดเเบบนี้ถือว่า ใช้พระพรไปในทางที่ผิด พระศิวะนั้นย่อมบันดาลให้คนผู้นั้นหมดตัวเเละฉิบหายลงได้

การจะขอพรพระองค์นั้นไม่ใช่นึกจะขอก็ขอ ไม่เคยทำความดีไม่มีความชอบปรากฏไปยกมือไหว้ขอย่อมเป็นไปไม่ได้ บุคคลผู้กระทำความเพียรในพรของพระศิวะเจ้านั้น จะต้องให้ทานรักษาศีลกล่าวง่ายๆ คืออยู่บนปฐมบทของการทำดี รู้จักสวดมนต์ขอพรท่านเเบบนี้ก็จะสำเร็จโดยง่าย เพราะว่า พรของพระเป็นเจ้าพระองค์นี้ไม่มีข้อจำกัด สามารถบันดาลให้เป็นไปได้ทุกเรื่องถ้ายังอยู่ในกฏเกณฑ์แห่งธรรมชาติ

เเม้เเต่จักรวาลนี้ตามตำราฮินดูเขาก็ว่า เกิดขึ้นมาจากการร่ายรำของพระศิวะ การร่ายรำของพระองค์นี้เป็นท่ารำมาตรฐานที่อินเดียนนำมาใช้ สืบทอดไปทุกภูมิภาคในโซนเอเซีย เเม้เเต่ไทยเองก็มีพื้นฐานท่ารำมาจากรูปแบบของพระองค์

ดังที่เล่าไว้ตอนต้นว่า พ่ออาจารย์พลได้ศึกษาไสยศาสตร์มาอย่างถ่องแท้ในห้วงชีวิตหนึ่งของท่านทำให้ท่านเคารพพระศิวะสังกรอย่างมาก เรียกว่าเข้าถึงก็ได้

การที่พ่ออาจารย์ได้เมตตาสร้างรูปพระศิวะนี้ขึ้นมา ท่านถึงกับออกปากมาเองเลยว่า การทำวัตถุมงคลนี้ อดีตจะไม่มี และอนาคตจะไม่ปรากฏผู้ที่ทำได้เเบบนี้

พ่ออาจารย์เล่าว่า พระเกจินั้นจะหลีกเลี่ยงที่จะสร้างพระศิวะ ส่วนใหญ่จะสร้างเเต่พระนารายณ์นั่น เพราะนอกจากเข้าไม่ถึงเเล้ว ยังคิดว่า เกินความจำเป็นเเละไม่สำคัญ การทำเทพเจ้าที่ได้ชื่อว่า เป็นเทพเจ้าเหนือเทพเจ้านั้น ใครจะกล้าทำ ถ้าผิดครูไม่รู้จริงไม่ตายก็ย่ำแย่ รูปที่สร้างออกมาถ้าไม่ได้รับอนุญาติสื่อกับท่านไม่ได้ท่านไม่ได้บอกวิธีการทำการเชิญปลุกเสกให้ห้อยไปก็หนักคอเปล่า

การทำพระศิวะนั้นผู้ี่จะรับไปบูชาเอาไปแล้วต้องสัมผัสได้ ต้องได้สิ่งเป็นมงคลเป็นตัวเเทพพระเป็นเจ้าของเขาไปบูชาจริงๆ

มาดูเรื่องของที่ฝังหลังกันก่อน เราเเกะวัวอุดไว้ ไม่ใช่วัวธนูอะไร เเต่เป็นพระโคอุสุภราช วัวนนทิเกศวร วัวนี้คือพาหนะของพระศิวะ เมื่อพระศิวะจะเสด็จไปไหนก็จะกลายร่างเป็นโคเเต่ปกติก็เป็นเทพเจ้าเป็นหัวหน้าเสนาบดีคณะเทพของพระศิวะ พระศิวะจะอยู่ที่ไหนเสด็จไปประทับที่ไหนก็จะต้องมีวัวนนทิเกศวรนี้ไปเฝ้าเสมอ พ่ออาจารย์ท่านว่า ขาดกันไม่ได้2สิ่งนี้ เพราะวัวนนทิเกศวรนี้ก็เป็นอวตารภาคหนึ่งของพระศิวะนั่นเอง เพื่อมาทำหน้าที่ดุเเลคณะเทพของพระองค์ พระเป็นเจ้าท่านจะรู้เเละสร้างสรรค์ไปตามหน้าที่ของตนเอง ท่านให้เราฝังไว้ เพราะว่า เวลาผู้บูชาอธิษฐานเรื่องต่างๆ ให้อธิษฐานขอพระองค์ผ่านวัวนนทิเกศวร หากไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรมหรือเกินกว่ากรรมของตนพระองค์ก็จะบันดาลให้ตามคำขอที่วัวนนทิเกศวรกราบทูลรายงานนั้น วัวนนทิเกศวร คติความเชื่อของไทยก็คือพระฤาษีหน้าวัวนั่นเอง อยู่ที่ไหนก็อุดมสมบูรณ์ที่นั่น อยู่ที่ไหนก็เจริญงอกงามที่นั่น นอกจากเป็นสิ่งมงคลเเล้ว ยังทำลายล้างอำนาจคุณไสยเเละอวิชชาได้ชะงัดนัก นอกเหนือจากนั้นสิ่งที่ไม่มีใครรู้คือท่านยังเป็นครูวิชาการทางเสน่ห์ขั้นสูงอีกพระองค์หนึ่งด้วย นอกจากฤาษีโคบุตร ปู่เจ้าสมิงพรายเเล้วฤาษีหน้าวัวนี้เเหละหากผู้เข้าถึงเเละรู้ความหมายของท่านเคยเรียนศึกษาไสยศาสตร์มาอย่างถ่องเเท้ก็จะรู้ว่า ท่านคือครูเสน่ห์อีกองค์หนึ่งเช่นกัน

ตะกรุดที่ฝังหลังนั้น 2ดอกใหญ่ๆ ที่ตอกชื่อพลด้านล่าง ดอกหนึ่งจารอักขระภาษาฮินดีไว้ ท่านว่า เป็นหัวใจของพระศิวะเลยไม่มีไม่ได้ อีกดอกหนึ่งนั้นท่านลงวิชาตราพระอิศวร(ศิวะ)ของหลวงปู่เฒ่ายิ้ม วัดหนองบัว ท่านว่า ผสมผสานไศวะศาสตร์ระหว่างอินเดียกับเขมร ส่วนตะกรุดดอกเล็กอีก13ดอกนั้นคือ13อักขระที่พระศิวะได้เมตตามอบเเละสอนท่านโดยเฉพาะ เป็นศาสตร์ลี้ลับอีกศาสตร์หนึ่ง อักขระทั้ง13ตั้วนี้เเต่ละตัวมีอำนาจมากเเต่ละตัวล้วนมีความหมายศักดิ์สิทธิ์ที่ประทานให้ถึงพระองค์โดยตรงอย่างเเท้จริง

ด้านบนพ่ออาจารย์ได้นำผงพรายกุมารเเท้ๆ ที่หลวงปู่ทิมสร้างไว้สมัยมีชีวิตอยู่ที่อาจารย์สาคร วัดหนองกรับมอบให้ท่านไว้มาอุด ท่านเล่าว่า อาจารย์สาครบอกท่านว่า ผงพรายกุมารนี้ท่านได้มาภายหลังจากที่ท่านเรียนกับหลวงปู่ทิม คนที่เกี่ยวข้องนำมามอบให้ ท่านจึงมอบให้พ่ออาจารย์ต่อในอนาคตจะได้เก็บไว้พิจารณาเพื่อนำมาทำวัตถุมงคล ซึ่งมีปริมาณน้อยมากเพียงค่อนกระปุกยาหม่อง เเต่ก็ถือว่า เยอะเเล้ว เพราะผงเเค่ช้อนเดียวนายทุนเอาไปหากินปั๊มพระได้นับเเสนองค์ เเต่ละองค์ได้ถึงอนูรึเปล่ายังไม่รู้ ดีไม่ดีอาจไม่ได้ผสมเลยเสียด้วยซ้ำ เเต่นี่พ่ออจารเอาหลอดช้อนผงใส่ให้เพียวๆ เลยที่รูด้านบนหัวก่อนปิดผนึกฝังเเผ่นโค้ด

ท่านว่า เหมาะเเละควรเเล้ว ผงนี้ขึ้นชื่อว่า เเรงเเละเฮี้ยนนักในยุคหลังกึ่งพุทธกาล ที่เราเลือกนำมาอุดไว้ในพระศิวะสังกรนี้ก็ เพราะเหมาะเเละถูกงาน ถือว่า คู่ควรไม่มีสิ่งใดจะเหมาะกว่านี้ เพราะพระศิวะสังกรนั้น ท่านมีปางภูเตศวร ถือว่า เป็นเจ้า เป็นอธิบดีเเห่งภูติพรายทั้งหลาย ปางนี้จะสถิตย์อยู่ในป่าช้าโดยเฉพาะ ท่านว่า ผงนี้ถ้าได้อยู่ในรูปของพระศิวะจะช่วยให้มีฤทธิ์มากขึ้นเเละรวดเร็วเเรงกว่าเดิมที่สมัยหลวงปู่ทิมทำไว้อีกหลายเท่า เพราะว่า มาอยู่กับนายต้นสายโดยตรงแบบนี้หาไม่ได้อีกเเล้วใครจะกล้าทำ

พ่ออาจารย์เเกะรูปพระศิวะจากไม้ที่สมเด็จโตเสกไว้โดยเฉพาะ ท่านเเกะเป็นปางปัญจมุขขี ปางพระศิวะ5พระพักตร์ ปางนี้ถือว่า พระองค์ทรงเเสดงทิพยภาวะอยู่ในภาวะของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดอีกปางหนึ่ง ว่ากันว่า ผู้บูชาพระศิวะปางนี้นอกจากมีอำนาจดั่งเเก้วสารพัดนึกแบบของพราหมณ์เขาเเล้ว ยังเป็นผู้ปราศจากโรคภัยด้วย โรคร้ายต่างๆ จะหายไปหมดสิ้น เป็นปางที่คนป่วยมักจะบูชาโดยเฉพาะ ในมือถือตรีศูลย์ปินากะสัญลักษณ์แห่งการทำลายล้าง ไม่มีครั้งไหนที่พระศิวะทรงตรีศูลย์ออกรบเเละไม่ได้รับชัยชนะ เป็นสัญลักษณ์เเห่งชัยชนะทั้งสามโก อีกมือถือบัณเฑาะว์กลองเล็กสองหน้า ท่านว่า ที่ท่านเเกะให้ถือ เพราะบัณเฑาะว์นี้หากพระองค์กวัดเเกว่งขึ้นเมื่อไหร่ย่อมเป็นท่วงทำนองเเห่งการสร้างสรรค์เเละการทำลายล้าง นอกจากนั้นยังเป็นสัญญาณที่เทพเจ้าทุกพระองค์ทุกชั้นฟ้าต้องมาประชุมโดยพร้อมเพรียงกันเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากบัณเฑาะว์นี้ สายสังวาลย์รอบพระศอเป็นพญานาคราชวาสุกรี พญานาคผู้เป็นเชือกรัดเขามันทระในพิธีกวนน้ำอมฤตที่เกษียรสมุทรนั่นเอง

พ่ออาจารย์กำหนดให้มือทั้งสองข้างของพระองค์อยู่ในท่าประทานพรข้างหนึ่งเเละให้อภัยอีกข้างหนึ่ง จะได้ให้พรกันได้ง่ายๆ เเละพร้อมอภัยกับความผิดพลั้งของผู้บูชาเสมอ ที่ศรีษะนั้นท่านเเกะให้พ่นน้ำหรือพระเเม่คงคาออกมาจากพระเศียรตามตำนานที่ว่า พระเศียรท่านบีบรัดรองรับพระเเม่คงคาไว้ก่อนจะประทานให้ไหลลงมาโลกมนุษย์เป็นต้นน้ำเเห่งชาวโลก ท่านว่าน้ำนี้คือเเหล่งกำเนิดสิ่งมีชีวิต เป็นที่มาของสินเเร่เเละทรัพย์สินสฤงคารต่างๆ นั่นเอง

กรรมวิธีเสกนี้ยุ่งยากมากนักเป็นการทำวิชาโดยเฉพาะต่างจากประสระโลหิตโดยสิ้นเชิง ท่านว่า พิธีนี้ท่านมาบอกเราเองให้ทำเเบบนี้เพื่ออัญเชิญท่าน ดังนั้นเราจึงกล้าพูดว่า อดีตจะไม่มีและอนาคตจะไม่ปรากฏ โดยพ่ออาจารย์ได้หยาดเลือดองค์ต่อองค์เพื่อบูชาเทวรูปพระศิวะ (เเค่เข็มเจาะนะไม่ใช่กรีดเลือดสาดเเบบนั้น) เป็นการสละเลือดเนื้อเเละวิญญาณบูชาท่าน จากนั้นท่านจึงนำเลือดเเละผงวิภูติตลอดจนสิ่งอื่นๆ ที่ท่านระบุมาทำการผสมสร้างเเละเสกตามขั้นตอนที่ท่านเเนะนำ ซึ่งไม่สามารถกล่าวอธิบายในที่นี้ได้ เพราะเป็นวิชาที่พระองค์สื่อกับพ่ออาจารย์โดยตรง

การบูชา พระศิวะของเราไม่ต้องร่วมประเวณีทำเรื่องวิปริตผิดธรรมชาติบูชาเด็ดขาดนะ พระศิวะของเราให้ถวายผลไม้5-9อย่าง น้ำเปล่าน้ำชา ให้ท่านประจำเเค่นั้นพอ

คาถาที่ใช้
การะปูระเคารัม กรุณาวะตารัม
สัมสาระสารัม ภุชะเคนทะระหารัม
สะทาวะสันตัม หฤทะยาระวินเท
ภะวัมภะวานี สาหิตัม นะมามิ

จงกล่าวพระนามพระศิวะ จงกล่าวนามนี้ในทุกย่างก้าว
นานเท่านานที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านคือพระเจ้าผู้บำเพ็ญตบะและหยั่งรู้

ข้า แต่พระผู้เป็นเจ้าแห่งจักรวาล ข้าเเต่ผู้มีอำนาจสูงสุด ข้า แต่ผู้ยิ่งใหญ่
พระองค์ช่างยอดเยี่มและมีลักษณะเฉพาะ พระองค์คือพ่อ ซึ่งหยั่งรู้ทุกอย่าง

ศิวะเจ้าไม่ปรารถนาสิ่งใด ศิวะเจ้ายึดถือในความเมตตาและมหากรุณาต่อผู้ยาก ชื่อของพระองค์ มีความหมายว่า บังคับบัญชา ศิวะเจ้าคืออิสรภาพ ศิวะเจ้าคือพลังสูงสุด พระองค์คือที่สุดและศูนย์รวมของการบูชาเทวะเจ้าทุกพระองค์

อย่าประเมินความยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่ำเกินไป ความทุกข์ทั้งหมดจะถูกกำจัดไป เมื่อกล่าวพระนามบูชาพระองค์ ศิวะ ศิวะ ศิวะ

พระศิวะนี้ท่านเเกะให้ตั้งบูชา เพราะถ้าห้อยอาจจะใหญ่ไปเเต่ถ้าเป็นคนตัวสูงก็ห้อยกำลังสวย ขนาดจะใหญ่กว่าพระพรหมสหัมบดีมีทั้งเเบบเพ้นสีเเละไม่เพ้นให้เเจ้งมา

พระศิวะสังกรปัญจุมุขขี (พระเป็นเจ้าเเห่งจักรวาลและการทำลายล้าง) ร่วมทำบุญ 10,000 บาท

 เขียนความคิดเห็น (ความคิดเห็นจะขึ้นแสดงเมื่อได้ยืนยันผ่านทาง email แล้วเท่านั้น)
เลือกหมวดแสดง :
ชื่อ :    เจ้าของร้าน
Email :    ส่ง Email เมื่อมีคนตอบความคิดเห็น
แนบไฟล์ :