หมายเลขประกาศ21842395
“อุปกรณ์กันไฟรั่ว” ตัวช่วยสำคัญ : ติดตั้งเพิ่มความปลอดภัยให้บ้านคุณ
ข้อมูลสินค้า
ประเภทการขายขาย/ให้เช่า/บริการ
สภาพสินค้าใหม่
ราคาสอบถาม
ข้อมูลผู้ขาย
ชื่อผู้ขายฝ่ายขาย
ประเภทผู้ขายบุคคล
ประเภทสมาชิกไม่เป็นสมาชิก จึงไม่มีข้อมูลบัตรประชาชน
หมายเลขโทรศัพท์043-761-599
อีเมล-
ข้อมูลติดต่อผู้ขาย@homeplusstorewww.facebook.com/damronghomeplushttps://www.drhome.plus/
ที่อยู่ผู้ลงประกาศมหาสารคาม » โกสุมพิสัย
ในยุคที่เครื่องใช้ไฟฟ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ความเสี่ยงจากอุบัติเหตุทางไฟฟ้าก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าลัดวงจร ไฟเกิน หรือที่น่ากลัวที่สุดคือ “ไฟรั่ว” ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ แต่ปัญหาเหล่านี้มีตัวช่วยที่สามารถป้องกันได้ นั่นคือ อุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว หรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่า “เซฟตี้เบรกเกอร์” หรือ “เบรกเกอร์กันดูด”
รู้จัก “อุปกรณ์กันไฟรั่ว” และความแตกต่างจากเบรกเกอร์ทั่วไป
หลายคนอาจสับสนระหว่างอุปกรณ์กันไฟรั่วกับเบรกเกอร์ธรรมดา (เบรกเกอร์ลูกย่อย หรือ MCB) ซึ่งมีหน้าที่ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
• เบรกเกอร์ธรรมดา (MCB - Miniature Circuit Breaker): ทำหน้าที่ป้องกันความเสียหายของวงจรและสายไฟ เมื่อเกิดกระแสไฟฟ้าไหลเกินกำลัง (Overcurrent) หรือไฟฟ้าลัดวงจร (Short Circuit) เพื่อไม่ให้สายไฟร้อนเกินไปจนเกิดเพลิงไหม้ แต่ ไม่สามารถป้องกันไฟฟ้าดูดได้ หากมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลเพียงเล็กน้อย
• อุปกรณ์กันไฟรั่ว (RCD - Residual Current Device): ทำหน้าที่ตรวจจับ กระแสไฟรั่ว (Leakage Current) ที่ผิดปกติ หากตรวจพบว่ามีกระแสไฟไหลเข้าและไหลออกจากวงจรไม่เท่ากัน ซึ่งบ่งบอกว่ามีกระแสไฟรั่วไหลลงดิน (เช่น รั่วผ่านตัวเรา) อุปกรณ์จะตัดวงจรทันที เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูด ซึ่งกระแสไฟฟ้ารั่วเพียงเล็กน้อยที่กระตุ้นให้ RCD ทำงานนั้น เบรกเกอร์ธรรมดาจะไม่สามารถตรวจจับได้
ดังนั้น การติดตั้งอุปกรณ์ทั้งสองประเภทจึงเป็นการเพิ่มความปลอดภัยที่ครบวงจร กล่าวคือ เบรกเกอร์ธรรมดาช่วยปกป้องระบบไฟฟ้า ส่วนอุปกรณ์กันไฟรั่วช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินจากการรั่วของไฟฟ้า
ประเภทของอุปกรณ์กันไฟรั่ว: เลือกใช้ให้เหมาะสม
ในท้องตลาดมีอุปกรณ์กันไฟรั่วหลายประเภทที่นิยมใช้ในบ้านพักอาศัย โดยเฉพาะ 2 ประเภทหลักที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด ได้แก่
• RCCB (Residual Current Circuit Breaker): เป็นเบรกเกอร์ที่ทำหน้าที่ป้องกันเฉพาะไฟดูดหรือไฟรั่วเท่านั้น ไม่มีฟังก์ชันป้องกันกระแสเกิน จึงจำเป็นต้องติดตั้งร่วมกับเบรกเกอร์ธรรมดา (MCB) เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและกระแสเกิน
• RCBO (Residual Current Breaker with Overcurrent protection): เป็นอุปกรณ์ที่รวมเอาฟังก์ชันของทั้ง RCD และ MCB ไว้ในตัวเดียว จึงสามารถป้องกันได้ทั้ง ไฟฟ้าดูด ไฟฟ้ารั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร และกระแสเกิน เป็นอุปกรณ์ที่ครบจบในตัวเดียว ทำให้การติดตั้งสะดวกและประหยัดพื้นที่ในตู้เมนไฟฟ้า
สำหรับบ้านเรือนทั่วไป การเลือกใช้ RCBO ถือเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากมีความปลอดภัยครอบคลุมและใช้งานง่ายกว่า
มาตรฐานการติดตั้งและความสำคัญ
การไฟฟ้าฯ และ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) ได้กำหนดมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทยไว้ โดยเฉพาะการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วในพื้นที่เสี่ยง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือบริเวณที่มีความชื้น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ หากมีการสัมผัสกับอุปกรณ์ไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมดังกล่าว
ปัจจุบัน วสท. ได้ปรับปรุงมาตรฐานเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยแนะนำให้ติดตั้งอุปกรณ์กันไฟรั่วสำหรับวงจรย่อยของห้องพักอาศัยทั้งหมด โดยเฉพาะในอาคารและบ้านเรือนที่เดินระบบสายดินแบบ 3 เส้น (L, N, G)
การบำรุงรักษาและการทดสอบ: เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ยังทำงานได้ดี
แม้จะติดตั้งอุปกรณ์ที่ดีที่สุดแล้ว การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้อุปกรณ์พร้อมทำงานเสมอ
1. ทดสอบด้วยปุ่ม “TEST”: อุปกรณ์กันไฟรั่วทุกตัวจะมีปุ่ม "TEST" อยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นปุ่มสำหรับทดสอบการทำงานของอุปกรณ์ โดยแนะนำให้ ทดสอบอย่างน้อยทุก 3 เดือน
วิธีทดสอบ: กดปุ่ม "TEST" แล้วเบรกเกอร์จะเด้งลงมาทันที หากไม่เด้งลงมา แสดงว่าอุปกรณ์อาจชำรุดและควรเปลี่ยนใหม่
ข้อควรระวัง: การกดปุ่มนี้เป็นการจำลองสภาวะไฟรั่ว จึงไม่เป็นอันตรายใดๆ
2. ตรวจสอบด้วยสายตา: หมั่นสังเกตความผิดปกติของอุปกรณ์ เช่น รอยไหม้ รอยร้าว หรือสภาพแวดล้อมรอบๆ ตู้เมนไฟฟ้าว่ามีความชื้นหรือแมลงเข้าไปทำรังหรือไม่
การลงทุนติดตั้งอุปกรณ์กันไฟรั่วอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างบ้าน แต่ความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินนั้นประเมินค่าไม่ได้ การมีอุปกรณ์กันไฟรั่วจึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่ช่วยให้คุณและครอบครัวใช้ชีวิตได้อย่างอุ่นใจในทุกๆ วัน
รู้จัก “อุปกรณ์กันไฟรั่ว” และความแตกต่างจากเบรกเกอร์ทั่วไป
หลายคนอาจสับสนระหว่างอุปกรณ์กันไฟรั่วกับเบรกเกอร์ธรรมดา (เบรกเกอร์ลูกย่อย หรือ MCB) ซึ่งมีหน้าที่ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
• เบรกเกอร์ธรรมดา (MCB - Miniature Circuit Breaker): ทำหน้าที่ป้องกันความเสียหายของวงจรและสายไฟ เมื่อเกิดกระแสไฟฟ้าไหลเกินกำลัง (Overcurrent) หรือไฟฟ้าลัดวงจร (Short Circuit) เพื่อไม่ให้สายไฟร้อนเกินไปจนเกิดเพลิงไหม้ แต่ ไม่สามารถป้องกันไฟฟ้าดูดได้ หากมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลเพียงเล็กน้อย
• อุปกรณ์กันไฟรั่ว (RCD - Residual Current Device): ทำหน้าที่ตรวจจับ กระแสไฟรั่ว (Leakage Current) ที่ผิดปกติ หากตรวจพบว่ามีกระแสไฟไหลเข้าและไหลออกจากวงจรไม่เท่ากัน ซึ่งบ่งบอกว่ามีกระแสไฟรั่วไหลลงดิน (เช่น รั่วผ่านตัวเรา) อุปกรณ์จะตัดวงจรทันที เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูด ซึ่งกระแสไฟฟ้ารั่วเพียงเล็กน้อยที่กระตุ้นให้ RCD ทำงานนั้น เบรกเกอร์ธรรมดาจะไม่สามารถตรวจจับได้
ดังนั้น การติดตั้งอุปกรณ์ทั้งสองประเภทจึงเป็นการเพิ่มความปลอดภัยที่ครบวงจร กล่าวคือ เบรกเกอร์ธรรมดาช่วยปกป้องระบบไฟฟ้า ส่วนอุปกรณ์กันไฟรั่วช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินจากการรั่วของไฟฟ้า
ประเภทของอุปกรณ์กันไฟรั่ว: เลือกใช้ให้เหมาะสม
ในท้องตลาดมีอุปกรณ์กันไฟรั่วหลายประเภทที่นิยมใช้ในบ้านพักอาศัย โดยเฉพาะ 2 ประเภทหลักที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด ได้แก่
• RCCB (Residual Current Circuit Breaker): เป็นเบรกเกอร์ที่ทำหน้าที่ป้องกันเฉพาะไฟดูดหรือไฟรั่วเท่านั้น ไม่มีฟังก์ชันป้องกันกระแสเกิน จึงจำเป็นต้องติดตั้งร่วมกับเบรกเกอร์ธรรมดา (MCB) เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและกระแสเกิน
• RCBO (Residual Current Breaker with Overcurrent protection): เป็นอุปกรณ์ที่รวมเอาฟังก์ชันของทั้ง RCD และ MCB ไว้ในตัวเดียว จึงสามารถป้องกันได้ทั้ง ไฟฟ้าดูด ไฟฟ้ารั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร และกระแสเกิน เป็นอุปกรณ์ที่ครบจบในตัวเดียว ทำให้การติดตั้งสะดวกและประหยัดพื้นที่ในตู้เมนไฟฟ้า
สำหรับบ้านเรือนทั่วไป การเลือกใช้ RCBO ถือเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากมีความปลอดภัยครอบคลุมและใช้งานง่ายกว่า
มาตรฐานการติดตั้งและความสำคัญ
การไฟฟ้าฯ และ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) ได้กำหนดมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทยไว้ โดยเฉพาะการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วในพื้นที่เสี่ยง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือบริเวณที่มีความชื้น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ หากมีการสัมผัสกับอุปกรณ์ไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมดังกล่าว
ปัจจุบัน วสท. ได้ปรับปรุงมาตรฐานเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยแนะนำให้ติดตั้งอุปกรณ์กันไฟรั่วสำหรับวงจรย่อยของห้องพักอาศัยทั้งหมด โดยเฉพาะในอาคารและบ้านเรือนที่เดินระบบสายดินแบบ 3 เส้น (L, N, G)
การบำรุงรักษาและการทดสอบ: เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ยังทำงานได้ดี
แม้จะติดตั้งอุปกรณ์ที่ดีที่สุดแล้ว การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้อุปกรณ์พร้อมทำงานเสมอ
1. ทดสอบด้วยปุ่ม “TEST”: อุปกรณ์กันไฟรั่วทุกตัวจะมีปุ่ม "TEST" อยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นปุ่มสำหรับทดสอบการทำงานของอุปกรณ์ โดยแนะนำให้ ทดสอบอย่างน้อยทุก 3 เดือน
วิธีทดสอบ: กดปุ่ม "TEST" แล้วเบรกเกอร์จะเด้งลงมาทันที หากไม่เด้งลงมา แสดงว่าอุปกรณ์อาจชำรุดและควรเปลี่ยนใหม่
ข้อควรระวัง: การกดปุ่มนี้เป็นการจำลองสภาวะไฟรั่ว จึงไม่เป็นอันตรายใดๆ
2. ตรวจสอบด้วยสายตา: หมั่นสังเกตความผิดปกติของอุปกรณ์ เช่น รอยไหม้ รอยร้าว หรือสภาพแวดล้อมรอบๆ ตู้เมนไฟฟ้าว่ามีความชื้นหรือแมลงเข้าไปทำรังหรือไม่
การลงทุนติดตั้งอุปกรณ์กันไฟรั่วอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างบ้าน แต่ความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินนั้นประเมินค่าไม่ได้ การมีอุปกรณ์กันไฟรั่วจึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่ช่วยให้คุณและครอบครัวใช้ชีวิตได้อย่างอุ่นใจในทุกๆ วัน