พระพลูจีบ ลักษณะอย่างหนึ่งที่ปรากฏในพระหลายกรุคือนิ้วหัวแม่มือขวากางออกจากฝ่ามือ พระสมเด็จฯพิมพ์ทรงขนาดใหญ่ แม่พิมพ์นี้ลำพระองค์ค่อนข้างยาว ฐานชั้นบนใหญ่(หนา) รูปพระสมเด็จฯพิมพ์ใหญ่แม่พิมพ์เดียวกันอยู่ในหนังสือ'เบญจภาคี' เล่มใหญ่ปกแข็งหน้า ๗๓ เล่มเล็กปกอ่อนหน้า ๘๗ พระนางพญามีคราบดินทั่วองค์ ลักษณะจมอยู่ในดินนาน ผิวและเนื้อเปื่อยออกมาก ดินบางส่วนละลายเพราะได้รับความร้อนสูงมากในเวลาเผากลายเป็นสีเทาและแข็งแกร่ง ดินที่ยังไม่ละลายมีความแข็งแกร่งแต่รองลงมา ------ Tip สำหรับผู้เริ่มศึกษาแสวงหาพระสมเด็จฯ --- พระสมเด็จปลอม --- หนังสือ'พระสมเด็จฯ' ของตรียัมปวายพิมพ์ครั้งแรกในปีพ.ศ.๒๔๙๕ (๗๐ปีแล้ว) ก่อนที่จะเขียนและพิมพ์คาดว่ามีการหาข้อมูลเป็นปีๆ ก่อนหน้านั้นไปอีกมีการทำพระสมเด็จฯปลอม ตรียัมปวายเขียนถึงลักษณะต่างๆของพระปลอมที่ผิดเพี้ยนไปจากของจริงจำนวนมาก ลักษณะที่ผิดแปลกไปของส่วนต่างๆเช่น (ก)รอยแตกลายงาเทียมและลายสังกะโลกเทียม (ข)รอยแตกอ้าที่มีสัณฐานเขื่อง ยาวและแตกอ้าอย่างชัดเจน(จะไม่มีในของจริงเลย) (ค)รักของพระปลอม (ง)คราบกรุบางขุนพรหมปลอม (จ)ผิวของพระปลอม (ฉ)ผิวด้านหลังมีลอนลูกคลื่นเป็นลอนๆสัณฐานเขื่อง (ช)แป้งโรยพิมพ์ปลอม ฯลฯ --- (ข้อสังเกต ๑.ลักษณะที่ผิดไปจากของจริงมีจำนวนมาก แสดงว่ามีผู้ทำพระปลอมหลายคน (หลายฝีมือ) ๒.พระสมเด็จปลอมได้แพร่ไปทั่วเป็นเวลานานมากแล้ว และได้กลายเป็นพระเก๊เก่าในวันนี้ ๓.ข้อมูลจากหนังสือ'พระสมเด็จฯ'ชัดเจนเชื่อถือได้เพราะอยู่ในหนังสือที่รู้พ.ศ.พิมพ์และสำนักพิมพ์ มีการพิมพ์ต่อเนื่องมาสิบกว่าครั้งจนถึงคนรุ่นปัจจุบัน) ---------------------------------------------------------------------- ถ้าไม่เอาชนะในเรื่อง'การดูพิมพ์'คือแพ้(ซ้ำซาก) ---- ข้อมูลที่เป็นรากฐาน (fundamental) ในเรื่องพิมพ์ได้แก่ ก)คำบรรยายลักษณะของพิมพ์และส่วนต่างๆในพิมพ์ ข)รูปภาพพระแท้ ค)พระแท้องค์จริง - ยากมากที่จะมีโอกาสได้ดู ง)จุดสังเกตและลักษณะของจุด จ)ศิลปการออกแบบและการแกะแม่พิมพ์ ---- "เรื่องนอกตำรา" (๑)ไม่ว่าจะเป็นคำพูด ข้อเขียนและรูปภาพใดๆก็ตามถ้าจะนำไปใช้หรือยึดถือเป็นแบบอย่างควรหาวิธีตรวจสอบความถูกต้อง เช่นใช้รูปภาพพระแท้ตรวจสอบ หรือใช้ตำรา (๒)ไม่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ใดที่จะใช้ตรวจสอบเรื่องศิลปของพิมพ์ได้ (๓)ประวัติศาสตร์และตำนานไม่มีข้อมูลเรื่องพิมพ์และเนื้อที่จะสามารถใช้ในเวลาดูและพิจารณาพระได้ โดยเฉพาะเรื่อง'พิมพ์'มืดแปดด้าน (๔)ผู้ที่สามารถให้คำปรึกษาเรื่องพระสมเด็จฯมีน้อยมาก โดยเฉพาะเรื่องของพิมพ์ยิ่งน้อย ต้องอาศัยหนังสือ(ที่เชื่อถือได้)เป็นหลัก ถ้าจะเอาจริงอย่างน้อยต้องมีหนังสือ'พระสมเด็จฯ'ของตรียัมปวาย และหนังสือรูปภาพ'เบญจภาคี' (๕)การดูพิมพ์ต้องมีข้อมูลกว้างขวางและมากกว่าการดูตำหนิหลายเท่า (๖)ข้อมูลในเรื่องของพิมพ์ถ้าเป็นข้อมูลจริงใช้ดูพระได้ทุกอย่างและทุกครั้ง มีประโยชน์แน่นอนทุกข้อมูล (๗)ข้อมูลมี ๒ อย่างคือข้อมูลทั่วๆไป กับข้อมูลที่ต้องใช้ในเวลาดูพระซึ่งมีความสำคัญและมีประโยชน์ (crucial) เป็นข้อมูลที่หาได้ไม่ง่าย (บางอย่างยาก) (๘)มีแต่พระสมเด็จวัดระฆังฯและบางขุนพรหมเท่านั้นที่มีคำบรรยายลักษณะของพิมพ์และเนื้อ (อยู่ในหนังสือและนิตยสารบางเล่ม) พระสมเด็จอื่นๆทุกกรุและวัดไม่มี เกิดเป็นผลในทำนองตีวงหรือตีกรอบเฉพาะ (๙)พิมพ์ที่ถูกต้องจะนำไปพบและรู้จักเนื้อประเภทต่างๆ เช่น เนื้อเกสรดอกไม้ เนื้อกระแจะจันทน์ (๑๐)ถ้ามีประสบการณ์ในการดูพระสมเด็จฯยาวนานจะพบเรื่องนอกตำราด้วยตนเอง (๑๑)ไม่ว่าจะดูพระที่วางอยู่บนโต๊ะ ส่องกล้องหรือดูรูปภาพ ทั้งพระต่างพิมพ์ทรงและพิมพ์ทรงเดียวกันแต่คนละแม่พิมพ์ มีบางจุด บางลักษณะในพิมพ์ที่แสดงว่าเป็นพระสมเด็จวัดระฆังฯและบางขุนพรหม และทำแม่พิมพ์โดยช่างคนเดียวกัน แต่เรื่องนี้ต้องผ่านการดูมามากอย่างโชกโชนกว่าจะสังเกตรู้ได้ ------------------------------------------------------------ การพบข้อมูลใหม่เกิดขึ้นได้เสมอ รวมทั้งจะมีการ recheck ส่งให้เกิดผลสองด้านตรงกันข้ามกันคือ แสดงให้รู้ว่าแท้หนักแน่นยิ่งขึ้น หรือไม่ใช่พระสมเด็จวัดระฆังฯและบางขุนพรหม ถ้าข้อมูลในวันนี้เป็นข้อมูลจริงไม่มีอะไรที่จะมาลบล้างได้ มีแต่ข้อมูลใหม่จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนความเป็นพระแท้