นางกำแพง กลีบบัว
พระกำแพงกลีบบัวนั้นจัดเป็นพระเครื่องสกุลนางพญากำแพงเป็นพระที่ขึ้นจากกรุทุ่งเศรษฐีอย่างมากมายเหลือคณานับทั้งจากวัดพิกุล,วัดช้างล้อม,วัดป่ามืด,กรุวัดพระแก้วๆ ลๆ ส่วนมากจะมี แต่เนื้อดิน แต่ปัจจุบันนั้นพระเมืองกำแพง ซึ่งมีอายุหลายร้อยปีขึ้นไปจะหามีผู้ใดทราบว่า ขึ้นจากวัดใดนั้นยากเต็มที เพราะถ้าท่านมีเวลาว่างจะไปเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์เมืองกำแพงเพชรแล้วท่านจะเข้าใจ เพราะมี แต่ซากปรักหักพังส่วน
เขตของวัด แต่ละแห่งก็ติดกันไปหมดไม่สามารถแยกแยะออกได้นั่นเองครับ
พุทธคุณของพระเมืองกำแพงนั้นเชื่อกันมา แต่โบราณว่า ดีด้านเมตตามหาโชคและแคล้วคลาดอีกต่างหากเหมือนกันหมดครับ
ตามประวัติศาสตร์ กล่าวว่า กำแพงเพชรเป็นเมืองหน้าด่านของสุโขทัยมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง เดิมเรียกชื่อว่า " เมืองชากังราว" และมีเมืองบริวารรายล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ไตรตรึงษ์ เทพนคร ฯลฯ การที่กำแพงเพชรเป็นเมืองหน้าด่านรับศึกสงครามในอดีตอยู่เสมอ จึงเป็นเมืองยุทธศาสตร์มีหลักฐานที่แสดงให้เห็น ว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น กำแพงเมือง คูเมือง ป้อมปราการ วัดโบราณ มีหลักฐาน ให้สันนิษฐานว่า เดิมเคยเป็นที่ตั้งของเมือง 2 เมือง คือ เมืองชากังราว และเมืองนครชุม โดยเมืองชากังราวสร้างขึ้นก่อน ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง พระเจ้าเลอไทกษัตริย์องค์ที่4แห่งราชวงศ์สุโขทัยเป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อประมาณพ.ศ.1890 ต่อมาสมัยพระเจ้าลิไทกษัตริย์องค์ที่5แห่งราชวงศ์สุโขทัยได้สร้างเมืองใหม่ขึ้นทางฝั่งตะวันตกของลำน้ำปิงคือ “ เมืองนครชุม ”หรือทุ่งเศรษฐีในอดีตนั่นเอง
นอกจากพระกำแพงซุ้มกออันเป็นหนึ่งในเบญจภาคีของพระเครื่องยอดนิยมของคนไทยมาช้านานจากอดีตจนถึงปัจจุบันนั้นก็ยังมีพระที่มีชื่อเสียงอีกมากเช่นกำแพงเม็ดขนุนกำแพงพลูจีบกำแพงเปิดโลกกำแพงซุ้มยอนางกำแพงกำแพงกลีบบัวและพิมพ์อื่นๆ อีนับร้อยพิมพ์ ซึ่ง แต่ละพิมพ์จะมีทั้งชนิดดินผสมผง,เนื้อชิน,เนื้อตะกั่วและเนื้อว่านส่วนศิลปของพระเตรื่องนั้นจะมีทั้งแบบสุโขทัยและอู่ทอง
ส่วนพระกำแพงกลีบบัวนั้นจัดเป็นพระเครื่องสกุลนางพญากำแพงเป็นพระที่ขึ้นจากกรุทุ่งเศรษฐีอย่างมากมายเหลือคณานับทั้งจากวัดพิกุล,วัดช้างล้อม,วัดป่ามืด,กรุวัดพระแก้วๆ ลๆ ส่วนมากจะมี แต่เนื้อดิน แต่ปัจจุบันนั้นพระเมืองกำแพง ซึ่งมีอายุหลายร้อยปีขึ้นไปจะหามีผู้ใดทราบว่า ขึ้นจากวัดใดนั้นยากเต็มที เพราะถ้าท่านมีเวลาว่างจะไปเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์เมืองกำแพงเพชรแล้วท่านจะเข้าใจ เพราะมี แต่ซากปรักหักพังส่วนเขตของวัด แต่ละแห่งก็ติดกันไปหมดไม่สามารถแยกแยะออกได้นั่นเองครับ
พุทธคุณของพระเมืองกำแพงนั้นเชื่อกันมา แต่โบราณว่า ดีด้านเมตตามหาโชคและแคล้วคลาดอีกต่างหากเหมือนกันหมดครับ
Historically speaking, the city of Kampangpetch (Diamond Wall) had been the frontier city fortress of the ancient Siamese kingdom of Sukothai (Dawn of Happiness). The city of Kampangpetch itself was formerly named "Shakangrao" (Frontier Market)constructed by King Lurthai in the 14th century A.D. situated on the eastern bank of the Ping River and had many of its own satellite cities such as "Tritrueng", Thepnakorn etc., and considered as a strategic place in the old days. Through these days, remnants of fortification, citadels, moats and bastions are still aplenty. On the other hand, the city of "Nakornchum" built by King Lithai, the fifth king of Sukhothai Dynasty, and located on the west bank of the Ping River. In ancient time,"Nakornchum" was also known as "Tungsedhi" (The Prairie of Millionaires).
Other than Pra Soomkor (The sitting Buddha whose aura around the head resembles the first Thai alphabet - Kor Kai) there are still other famous sought-after amulets over one hundred types such as Striding Buddha (Kampang Kayeng), Nang Kleab Bua (Empress on a lotus leave) etc., and the majority of amulets are made from clay, the rest are made from herbal powder, lead and tin.
Legend has it that those who own sacred amulets unearthed especially from "Tungsedhi" will be well endowed with good fortune, happiness, wealth and prosperity ever after.
นางกำแพง กลีบบัว
พระเครื่องเมืองชากังราวเมืองหน้าด่านของศรีสัชนาลัย ในอดีตนั้น ก็รวมไปถึงนางพญาเมืองกำแพงพิมพ์สามเหลี่ยมองค์เล็กๆ ที่พบตามวัดร้างเกือบจะทุกกรุนั่นเอง ซึ่งนางกลีบบัวนั้นก็มาจากนางกำแพงที่ตัดไม่เรียบร้อยนั่นเองครับ รูปทรงจะกลมรีใหญ่ดั่งกลีบบัวครับ
พุทธคุณ
เชื่อกันว่า ดีทางด้านโชคลาภและเมตตาเหมือนพระกำแพงทั่วไปครับ แต่ราคานั้นจะย่อมเยาว์กว่าพวกกำแพงซุ้มกอ พลูจีบ และเม็ดขนุน เพราะพบเห็นหมุนเวียนกันเป็นจำนวนมากกว่านั่นเองครับ
ทั้งหมด 0 ความคิดเห็น
