แหล่งที่พบแอสตาแซนทิน ในธรรมชาติ พบได้ในปลาทะเล และสาหร่ายทะเลสีแดงสายพันธุ์ Haematococcus Pluvialis และสัตว์ทะเลบางชนิด เช่น ปลาแซลมอน ปลาเทราน์ กุ้ง และกุ้งลอปสเตอร์ แอสตาแซนทินเป็นสารสีแดงที่พบในปลาแซลมอน ไข่ปลาคาเวียร์ เปลือกกุ้ง-ปู ร่างกายไม่สามารถสร้างสารชนิดนี้ได้ เราจะได้รับสารชนิดนี้จากอาหารที่รับประทานเข้าไปในปริมาณที่น้อยมาก เช่น ปลาแซลมอน 200 กรัม จะมีแอสตาแซนทิน เพียง 1 มิลลิกรัม
แอสตาแซนทิน เป็นส่วนหนึ่งในอาหารของมนุษย์มายาวนานหลายพันปี มีความปลอดภัยสูง มีการทดลองทางคลินิก โดยให้ผู้เข้าร่วมการทดลองรับประทานอาหารที่ผลิตจาก Microalgae (สาหร่ายขนาดเล็ก) ที่อุดมไปด้วยแอสตาแซนทิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยไม่พบผลข้างเคียงใดๆ และจากการ ทดสอบ Full Acute & Sub Chronic, Ames Test & Gene Toxicity และการค้น หาเอกสารทางวิชาการทั่วโลกนั้นไม่พบรายงานที่มีผลข้างเคียงในทางลบ และจากข้อมูล มีการนำสาหร่ายทะเลสีแดงสายพันธุ์ Haematococcus Pluvialis ซึ่งมีสารแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) อยู่เป็นจำนวนมาก นำมาสกัดเป็นอาหารเสริมและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในพื้นที่แถบสแกนดิเนเวีย ตั้ง แต่ปี ค.ศ. 1995 และสารแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) มีการวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายในตลาดตั้ง แต่ปีค.ศ.1999 จนถึงปัจจุบัน
คุณสมบัติพิเศษของแอสตาแซนทิน คือ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง และจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระกับสารอาหารชนิดต่างๆ ดังนี้
มากกว่าวิตามินอี แอลฟา โทโคฟีรอล 550 เท่า
มากกว่าเบต้า แคโรทีน 40 เท่า
มากว่าเมล็ดองุ่นสกัด 17 เท่า
มากกว่าวิตามินซี 6000 เท่า
มากกว่า โคเอนไซม์คิวเท็น 800 เท่า
มากกว่าสารในชาเขียว 550 เท่า
มากกว่า แอลฟา ไลโปอิก เอซิด 75 เท่า
ประโยชน์ของแอสต้าแซนทิน
-ป้องกัน และฟื้นฟูจอตาที่เสื่อม ซึ่งพบมากในผู้สูงอายุ และ ผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งจอประสาทตาจะเป็นจุดรับภาพของลูกตา ช่วยยับยั้งการสะสมของกรดในดวงตา อันเป็นสาเหตุให้ดวงตาอ่อนล้า ช่วยป้องกันดวงตาจากรังสีอัลตร้าไวโอเลต
- ป้องกันการเสื่อมของไต และหลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน
- ป้องกัน และบำบัดในผู้ป่วยความจำเสื่อม และพาร์กินสัน
- ปรับสมดุลของโคเลสเตอรอล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง LDL ซึ่งเป็นโคเลสเตอรอลตัวร้าย ช่วยให้ผนังหลอดเลือดยืดหยุ่นมากขึ้น ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ควรใช้ร่วมกับสารสกัดจากเมล็ดองุ่น
- ลดภาวะอักเสบในร่างกาย ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยภูมิแพ้ตัวเอง ภูมิต้านทานต่ำ และการติดเชื้อไวรัสเรื้อรัง เช่น ผู้ติดเชื้อไวรัสงูสวัด และเริม
- ทำให้สเปิร์มแข็งแรงขึ้น
- ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อมีสุขภาพดีขึ้น ช่วยให้กล้ามเนื้อมีความทนทานมากขึ้น
- ปกป้องโครงสร้างผิวจากการถูกทำลายโดยแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลต ช่วย กระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย
- ปรับสมดุลความดันโลหิตและการเต้นของหัวใจ
- ช่วยบรรเทาอาการต่อมลูกหมากอักเสบหรือต่อมลูกหมากโต และมะเร็งต่อมลูก หมาก
- ช่วยการซ่อมแซม และฟื้นฟูเซลล์สมองและหลอดเลือดในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก หรือผู้ป่วยที่ขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
เอกสารอ้างอิง
1.Nishida Y.et.al, Quenching Acitivities of Common Hydrophillic and Lipophillic Antioxidants against Singlet Oxygen Using Chemiluminescence Detection System. Carotenoid Science 11: 16-20 (2007)
2.Miki, W., Biological functions and activities of animal carotenoids. Pure and Appl.Chem 1991 ; 63:141-6
3.Shimizu, N., et al., Carotenoids as singlet oxygen quenchers in marine organisms. Fisheries Sci. 1996; 62: 134-7
4.Fuji Chemical Industry Co., Ltd., Outsourced test by Collaborative Labs, Setauket, NY 2001
5.Yamashita,(2006) The Effects of Dietary Supplement Containing Astaxanthin on Skin Condition. Carotenoid Science 10:91-95
6.Nagaki et al., (2006) .The supplementation effect of astaxanthin on accommodation and asthenopia.J.Clin. Therap.Med.,22(1):41-54.
7.Sawaki,K.et al.(2002) Sports performance benefits from taking natural astaxanthin characterized by visual activity and muscle fatigue improvements in humans.Journal of Clinical Therapeutics & Medicine 18(9):73-88.
8.Kupcinskas et al., Efficacy of the antioxidant astaxanthin in the treatment of functional dyspepsia in patients with or without Helicobacter pylori gastritis: a propective, randomized ,double blind, and placebo controlled study .Eur.J.Gastroent and Hepat.,(In Press).
9.Hiroshige Itakura, Astaxanthin Defends and Subdues Active Oxygen, Heart publishing co.,ltd, 21.